รถยก Forklift เป็นเครื่องจักรสำหรับยกหรือเคลื่อนย้ายวัตถุที่มีน้ำหนักมากด้วยระบบไฮดรอลิค ซึ่งสามารถเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อหากใช้งานอย่างไม่ถูกต้องหรือประมาทขณะทำงาน ผู้ขับ Forklift จึงต้องมีสติและคำนึงถึงความปลอดภัยอยู่เสมอ โดยมี 9 ข้อควรรู้ ดังต่อไปนี้1. ตรวจสอบรถยกก่อนใช้งานก่อนใช้งานรถยกต้องตรวจสอบรถยกอย่างละเอียดทุกครั้ง อุปกรณ์ต่างๆควรอยู่ในสภาพใช้งานได้ดี ไม่มีส่วนใดชำรุดเสียหาย โดยการตรวจสอบนี้มักจะมีกระดาษรายการ หรือ Check List เป็นข้อๆจากผู้ผลิตหรือบริษัทที่เราทำงานอยู่กำหนดมาให้ว่าต้องตรวจอะไรบ้าง การตรวจสอบนี้จะช่วยให้เรามั่นใจว่ารถยกไม่มีความผิดพลาดของอุปกรณ์ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตได้ จึงควรตรวจสอบทุกครั้งก่อนใช้งาน2. แต่งกายให้เหมาะสมก่อนขับขี่อย่างที่บอกไปว่า Forklift เป็นเครื่องจักรอย่างหนึ่ง ก่อนจะขึ้นไปขับขี่ใช้งานนั้นต้องแต่งกายให้เหมาะสมเพื่อความปลอดภัย โดยจะต้องสวมใส่อุปกรณ์สำคัญ ได้แก่ หมวกนิรภัย รองเท้าหัวเหล็ก เสื้อกั๊กสะท้อนแสง รวมถึงเสื้อ กางเกง ก็ต้องที่มีความรัดกุมทะมัดทะแมง เหมาะกับการทำงานในคลังสินค้า โรงงาน หรือโกดังเก็บของ3. ขึ้นลงรถทางด้านซ้ายเสมอแม้ว่าความจริงมันสามารถขึ้น-ลงได้ทั้งสองด้าน แต่การขึ้น-ลงตามหลักการความถูกต้องและปลอดภัย เราจะต้องขึ้น-ลงจากทางด้านซ้ายเสมอ ด้วยเหตุผลว่าทางด้านขวานั้นมีคันโยกสำหรับควบคุมการยกงา ซึ่งตัวเราอาจเผลอไปโดนแล้วทำให้งาหน้ารถทำงานโดยไม่ตั้งใจ โดยการขึ้น-ลงจะมี 3 จุดสัมผัส คือ มือซ้ายจับที่หูจับ มือขวาจับที่เบาะ และก้าวเท้าซ้ายขึ้นก่อน จากนั้นก็คาดเข็มขัดให้เรียบร้อย ส่วนการลงจำง่ายๆ คือ ขึ้นท่าไหน ลงท่านั้น4. ก่อนขับรถต้องมองทุกทิศทางหลังจากขึ้นรถ คาดเข็มขัด เปิดกุญแจ และก่อนที่เราจะปลดเบรคมือเพื่อขับรถ เราจะต้องมองดูข้างหน้า ข้างหลัง ข้างซ้าย ข้างขวาเสมอ เพื่อเป็นการตรวจสอบว่ารอบข้างมีความปลอดภัย ไม่มีคนหรือวัตถุใดขวางอยู่ โดยอาจพูดในใจขณะมองว่า หน้าโอเค หลังโอเค ซ้ายโอเค ขวาโอเค เป็นการเรียกสติตัวเอง และบีบแตรบี๊บๆให้คนอื่นรู้ว่ากำลังจะขับรถ5. รถโฟล์คลิฟท์ไม่ใช่รถสองแถวการขึ้นโดยสาร Forklift ไม่ว่าจะยืนเหยียบงา นั่งบนพาเลท นั่งท้ายรถ หรือนั่งข้างคนขับ ล้วนเสี่ยงอันตรายถึงแก่ความตายได้ทั้งสิ้น เพราะถ้าตกจากรถขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่อยู่นั้น มีสิทธิ์โดนรถเหยียบทับเละคาที่แน่นอน อีกทั้งเรารู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า มันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อโดยสาร แต่เป็นเครื่องจักรสำหรับทำงานยกของหนัก ดังนั้น การโดยสารจึงห้ามกระทำโดยเด็ดขาด6. ขับความเร็วที่เหมาะสมและให้สัญญาณการขับรถไม่ว่ารถอะไร ยิ่งขับด้วยความเร็วมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น การขับโฟล์คลิฟท์ก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าจะดูขนาดเล็กกว่ารถยนต์ทั่วไปแต่มันมีน้ำหนักหลายตัน หากเกิดการชนด้วยความเร็วบวกความหนักของรถ ความเสียหายรุนแรงย่อมเกิดขึ้น ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยต้องใช้ความเร็วอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังต้องชะลอ เปิดไฟเลี้ยว พร้อมบีบแตรเมื่อถึงทางเลี้ยวเสมอ7. ห้ามยกน้ำหนักเกินพิกัดรถยก Forklift ใช้ทำงานยกของหนักแต่ก็มีข้อจำกัดเช่นกันว่าคันนั้นยกได้กี่ตัน ผู้ใช้งานหรือผู้ขับขี่จะต้องไม่ยกวัตถุหรือสินค้าที่มีน้ำหนักเกินกว่าที่รถจะยกได้ ไม่เช่นนั้นแล้วอาจทำให้ล้อหลังลอยขึ้นจากพื้น มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือระบบไฮดรอลิกเสียหาย และถึงแม้จะไม่มีเหตุอันตรายเกิดขึ้นการขนย้ายสินค้าก็ทำไม่ได้ เพราะรถอยู่ในสภาพยกล้อหลัง8. ขับถอยหลังเมื่อยกของใหญ่ของสูงผีบังตาอาจไม่น่ากลัวเท่ากับสินค้าบังการมองเห็น ทุกครั้งที่ต้องยกวัตถุขนาดใหญ่หรือสูงจนบังการมองเห็นทางข้างหน้า และไม่มีผู้ช่วยบอกทางอยู่ด้วย การขับถอยหลังค่อยๆไปจะปลอดภัยที่สุด เพราะผู้ขับไม่มีทางรู้เลยว่าทางข้างหน้าที่กำลังวิ่งไปนั้นมีคนยืนอยู่ไหม หรือมายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ และถ้าต่างฝ่ายต่างไม่เห็นกัน อุบัติเหตุการชนทับย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน9. จอดรถเก็บในจุดที่กำหนดทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งานจะต้องจอดรถยกในจุดที่กำหนดเสมอ อย่างน้อยก็เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่กีดขวางทางเดินหรือกีดขวางทางอื่นๆ ทั้งยังมีความสะดวกสำหรับการใช้งานครั้งต่อไป ทุกคนสามารถเดินมาที่จุดจอดนี้ได้โดยไม่ต้องถามหาว่าผู้ใช้งานก่อนหน้าไปจอดไว้ที่ไหนภาพปกและภาพประกอบโดย : ผู้เขียน // ติดตามเรื่องราวอื่นของผู้เขียนได้ที่ @ArtVich ติดตามข่าวสาร คอนเทนต์เด็ด ๆ ก่อนใคร อย่าช้า โหลดเลยที่ TrueID !!