ด้วยประสบการณ์ชีวิตกว่า 70 ปี คุณแม่มักมีเรื่องราวมากมายมาเล่าให้ฟังเสมอ แม้เรื่องราวเหล่านั้นจะเกิดขึ้นในวัย 5 - 6 ขวบ ก็ยังสามารถจดจำได้อย่างแม่นยำราวกับเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน นอกจากเล่าให้ฟังแล้วคุณแม่มักเขียนบล็อกส่วนตัวใช้นามปากกาว่า “ทองคำขาว” มาจากชื่อภาษาจีน “แป๊ะกิม” ในเมื่อ AORii ก็เขียนบทความใน TrueID มาสักพักแล้วน่าจะถึงเวลานำเรื่องราวต่างๆ ที่คุณแม่เล่าให้ฟังมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆ ชาว TrueID ได้สนุกสนานไปกับบทเรียนชีวิต 7 ทศวรรษ และเรื่องแรกที่จะพาคุณแม่มาเดบิวต์ใน TrueID AORii เลือกเรื่องที่คุณแม่เพิ่งเล่าให้ฟังเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องด้วยแถวบ้านมีต้นพุทราใหญ่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แม้ไม่มีใครคอยดูแลแต่ก็เติบใหญ่และมีพุทราหวานอร่อยให้เก็บทานได้เรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปอย่าว่าแต่คนเลย แม้พุทราก็ไม่เหมือนเดิม แต่สิ่งทั้งปวงเกิดด้วยเหตุปัจจัย การเปลี่ยนแปลงก็เช่นกัน เหตุปัจจัยใดที่ทำให้พุทราข้างบ้านเปลี่ยนไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจะกลายเป็นบทเรียนสอนใจได้อย่างไร คุณแม่เล่าออกมาแนวนิทานเด็กได้น่ารักดี มาเพลิดเพลินกับนิทานสอนใจ “บทเรียนชีวิตจากต้นพุทรา” กันค่ะ ทุกๆ วัน เด็กหญิงจะเดินข้ามถนนไปเก็บลูกพุทราที่อยู่ตรงข้ามกับหน้าบ้านกินตลอด โดยจะมองเห็นได้ง่ายเป็นต้นใหญ่ให้ร่มเงาโน้มเอนมาหาเพื่อให้เด็กหญิงได้เก็บอย่างง่ายดายในทุกวัน มีอยู่วันหนึ่งเด็กหญิงก็ข้ามถนนไปเก็บพุทราเหมือนทุกวัน แต่ต้องสะดุดกับเถาวัลย์ที่โผล่ขึ้นมาบริเวณโคนต้นของต้นพุทรา เด็กน้อยก็ไม่ได้สนใจอะไร เก็บพุทราตามปรกติไป วันต่อมาเด็กน้อยสังเกตว่า เส้นเถาวัลย์ใหญ่ขึ้นถึงขนาดต้องปีนข้ามเถาวัลย์เพื่อไปเก็บลูกพุทราแต่เด็กน้อยก็เก็บไปตามปรกติ วันต่อมาอีกวันหนึ่ง เด็กหญิงหาลูกพุทราไม่เจอบนต้น แต่กลับติดอยู่แถวๆ ปลายกิ่ง โดยมีเถาวัลย์บังอยู่เต็มไปหมด ต้องเอื้อมมือไปหยิบมีเพียง 3 ลูก ทั้งเล็กและมีสุกสีเหลืองเพียงลูกเดียว ที่เหลือเขียว และก็ไม่น่าทานเหมือนเคย เด็กหญิงเกิดสงสัย มองขึ้นไปที่ต้นพุทรา กลับเห็นว่าต้นเหี่ยวเฉามีเถาวัลย์คลุมเต็มไปหมดเหมือนต้นกำลังจะแห้งเหี่ยวเฉา เด็กน้อยฉุกคิดได้ว่า ถ้าวันที่ตนเห็นกิ่งเถาวัลย์เล็กๆ วันนั้นและดึงมันออก ก็คงไม่ปล่อยให้ต้นพุทราทั้งต้นโดนคลุมด้วยเถาวัลย์เหมือนอย่างวันนี้ ว่าแล้วเด็กน้อยก็มุ่งหาต้นตอของเถาวัลย์เดิม หมายจะตัดทิ้ง พอค้นจนเจอต้นตอแล้ว ก็ใช้วิธีการหลากหลายทั้งดึง ทั้งเอาไม้ตี ทั้งเอาคีมหนีบ แต่ด้วยกำลังของเด็กน้อย ไม่สามารถตัดเถาวัลย์ที่เหนียวแน่นออกไปได้ และสุดท้ายเธอก็ได้ไปขอให้ชาวสวนที่เชี่ยวชาญ รู้จักวิธีจัดการกับเถาวัลย์เป็นอย่างดี มาช่วยตัดออกสำเร็จในที่สุด ต้นพุทรานั้นก็ได้สว่างใสเขียวสวยงามอีกครั้ง พุทราป่าต้นนี้งอกขึ้นมาเมื่อไหร่ไม่ทันสังเกต แต่ที่แน่ๆ บัดนี้ต้นพุทราสูงใหญ่มีผลมากมายและให้ร่มเงาช่วยคลายความร้อนของแสงแดดได้ จึงมักมีผู้ที่มาหลบแดดใต้เงาต้นพุทราและเก็บผลพุทรากินกันอยู่เนืองๆ หากเปรียบ "ต้นพุทรา" เป็นดั่ง "ความดี" แผ่ไปที่ใดก็ร่มเย็นเป็นประโยชน์ มีผลสุกหวานอร่อยให้เก็บกินได้ไม่มีเบื่อ แม้ความดีนั้นจะผุดขึ้นเองราวต้นพุทราป่า แต่ถึงกระนั้น หากไม่มี "สติ" คอยตรวจตราขัดเกลากิเลสที่จรมาเพียงเล็กน้อยก็อาจลุกลามบดบังความดี เหมือนเถาวัชพืชที่วันหนึ่งก็บดบังแสงแดดจนต้นพุทราสูงใหญ่ก็ต้องพ่ายแพ้เหี่ยวเฉาไร้ผลรสอร่อยจนได้ในที่สุด พอได้ฟังนิทานเรื่องนี้แล้วก็ทำให้ AORii นึกถึง “ความดี” ที่พลาดง่ายสุด แต่กลับถูกมองข้ามมากสุดอย่าง “คำพูด” 1 ใน 3 สิ่งในชีวิตที่เมื่อเราพลาดแล้วไม่อาจเรียกคืนได้ นั่นคือ คำพูด เวลา และโอกาส ข่าวดีคือ “คำพูด” เป็นสิ่งเดียวที่เราควบคุมได้ 100% หากฝึกฝนดีพอ จะทำให้ “ดี” ถึงขั้นช่วยชีวิตคนหรือ “เลวร้าย” ในระดับที่สามารถคร่าชีวิตคนเลยก็เป็นได้ ชวนให้หมั่นถอน “วัชพืช” เป็นที่สุดเลยค่ะเพื่อนๆ สำคัญถึงขั้นมีสำนวนไทยไว้คอยเตือนใจมาเนิ่นนาน “พลั้งปากเสียศีล พลั้งตีนตกต้นไม้” โดยเฉพาะในยุค 5G แบบนี้ อะไรๆ ก็รวดเร็วไปหมด หลายครั้งเราก็เผลอพูด เผลอคอมเมนต์ แบบไม่ทันได้คิดจนต้องรู้สึกเสียใจภายหลัง อาการเหล่านี้ก็เหมือนวัชพืชที่ต้องคอยหมั่นถอนทิ้งด้วยการฝึกสติ แต่ภาระหน้าที่อันวุ่นวายในแต่ละวันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแบ่งภาคชีวิตมาฝึกสติเต็มรูปแบบ ถ้าเช่นนั้น AORii มีวิธีฝึกสติง่ายๆ ในชีวิตประจำวันมาฝาก เพียงแค่เพื่อนๆ กลับมาอยู่กับลมหายใจให้บ่อยตามที่ต้องการ จะเพียงแค่ 5 - 6 ลมหายใจระหว่างรอรถไฟฟ้า รอซื้อกาแฟ หรือเปลี่ยนอารมณ์ช่วงคิดงานไม่ออก ฮ่า ฮ่า หรืออาจจะฝึกกลับมารู้สึกตัวในกิจวัตรประจำวันอย่าง การเดิน การดื่ม การกิน อะไรแบบนี้ เก็บแต้มเรียกสติไปเรื่อยๆ แล้วพอพลังแห่งสติเต็มหลอด อยู่ๆ เราก็จะรู้สึกได้ว่าสติมาปัญญาเกิดแบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องพยายามแม้แต่น้อย จะมีเวลาให้หยุดคิดเหมือนภาพสโลว์โมชั่น ตกตะกอนความคิดได้ก่อนลงมือทำ AORii เคยเป็นคนพูดไม่ค่อยคิดถึงจิตใจคนอื่น พอนึกได้อีกทีก็เสียใจจะกลับไปแก้ไขอะไรก็ไม่ได้แล้ว พอได้ฟังนิทานเรื่องนี้แล้วหวังว่าจะฝึกสติก่อนนอนก็หลับใส่ทุกที เลยอาศัยฝึกสติในชีวิตประจำวันแบบนี้สะสมไปเรื่อยๆ อยู่มาวันหนึ่งก็รู้สึกได้ว่ามีช่วงหยุดคิดขึ้นมาเฉยๆ แบบอัตโนมัติก่อนพลั้งปากพูดอะไรไป แน่นอนว่าอะไรที่ต้องฝึกฝนย่อมใช้เวลาและต้องหมั่นฝึกฝนอยู่เสมอ เหมือนการถอนวัชพืชที่ต้องคอยจัดการบ่อยๆ เผลอเมื่อไรขึ้นแย่งอาหารต้นไม้เมื่อนั้น สุดท้ายนี้ AORii อยากชวนเพื่อนๆ ร่วมรำลึกถึงคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เพื่อเป็นกำลังใจในการทำดีซึ่งบางทีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายการทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่ว ซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่ และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว แต่ละคนจึงต้องตั้งใจ และเพียรพยายามให้สุดกำลัง ในการสร้างเสริมและสะสมความดี - พระบรมราโชวาทพระราชทาน แก่ผู้สำเร็จการศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สวนอัมพร ๑๔ สิงหาคม ๒๕๒๕ และนี่คือ #เรื่องที่แม่เล่า ตอนที่ 1 ฝากคอมเมนต์ / กดติดตาม AORii เป็นกำลังใจ 💗 แล้วพบกันใหม่ทาง TrueID ค่ะเครดิตรูปภาพ:ปก, ภาพที่ 1 - 4: นักเขียน / Website: canvaอัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !