เวลานึกถึง ดูไบ คนส่วนใหญ่จะนึกถึง บ่อน้ำมัน ตึกระฟ้าใจกลางมหานคร ซูเปอร์คาร์ที่จอดเรียงรายบนถนน และเศรษฐีใส่เพชรใส่ทองเต็มตัว ดูไบเป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้งอยู่บนชายฝั่งอ่าวเปอร์เชีย มีประชากรประมาณ 2 ล้านคน นอกจากมหานครดูไบจะมีชื่อเสียงทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังมีภูมิทัศน์ของทะเลทราย ที่มีลวดลายสวยงาม ที่ทอดตัวอยู่รอบ ๆ ตัวเมือง หลังจากเที่ยวในตัวเมืองจนทั่วแล้ว พวกเราตัดสินใจซื้อแพคเกจนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ของทางสายการบิน Emirates ไปชมทะเลทรายกัน เป็นรถ SUV ที่ขับเข้ามารับพวกเราในตัวเมือง หลังจากขับออกไปราว ๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง รถได้เลี้ยวขวาเข้าไปในเขตทะเลทราย และได้ทำการปล่อยลมออกจากยางรถทั้ง 4 ล้อ เพื่อจะให้รถสามารถวิ่งในทะเลทรายได้อย่างง่าย และไม่โดนทรายดูด ระหว่างทางพวกเราได้เพลิดเพลินกับแนวสันทรายที่สวยงามละเอียดดุจปุยนุ่น มีรถบางคันที่ติดจมลงไปในทรายแล้วพวกเราไปช่วยดึงขึ้น รถที่ขับพาพวกเราไปจะจอดเป็นระยะ ให้พวกเราได้ไปถ่ายรูปกับเนินทรายสวย ๆ นี่สินะที่เขาเรียกว่าดินแดน “ ฟ้าจรดทราย ” มองไปไหนก็มีแต่ฟ้ากับทราย ช่างสวยงามเหลือเกิน ในส่วนของการนั่งรถนี้ สิ่งที่เราชอบที่สุด คือ เวลาที่คนขับพาโต้สันทราย ขับขึ้นไปบนเนินทรายที่สูง ๆ แล้วทิ้งตัวลงมาอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นวัยรุ่นหรือเด็ก ๆ คงชอบเพราะสนุกดี แต่ถ้าป้า ๆ ลุง ๆ หรืออาม่าที่ค่อนข้างมีอายุคงรับไม่ไหว เพราะมันน่ามึนหัว พวกเราได้เจอรถหลายคัน หยุดเพื่อให้ผู้โดยสารลงไปอาเจียน ไฮไลต์ของทริปนี้มี 2 อย่าง อย่างแรก คือ จุดชมพระอาทิตย์ตก จุดนี้ คือ สวยมาก ๆ พระอาทิตย์ดวงโตกำลังเลื่อนลงไปกอดเนินทราย และหายลับไปจากขอบฟ้า ช่างน่าประทับใจเหลือเกิน เวลานี้อาจเป็นแสงสุดท้ายของวัน แต่มันคือการเริ่มต้นของหลาย ๆ ชีวิตในดินแดนทะเลทรายแห่งนี้ เช่น สัตว์ทะเลทรายอย่างเจ้า Gazelle และ Arabian Oryx ที่มีลักษณะคล้ายกวางมีเขาแหลม 2 ข้างบนหัว พวกมันได้ออกหากิน และเดินไปมาให้นักท่องเที่ยวได้ชมความน่ารัก พอพระอาทิตย์ตกดิน พวกเราได้นั่งรถต่อไปยังกระโจมของชนเผ่าเบดูอิน ที่นั่นมีกิจกรรมให้ทำมากมาย เช่น ขี่อูฐ เล่นแซนด์บอร์ดลงมาจากเนินทราย ทานอาหารเย็น ดื่มเหล้าท้องถิ่น สูบชิชา ร่วมเต้นรำกับคนท้องถิ่น ทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นในกระโจมนี้เป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมาก โดยเฉพาะการดับไฟดูดาวหรือ Star Gazing เรามองไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับเต็มไปหมด ดวงดาวดูเหมือนว่าอยู่ต่ำมากจนเราอยากเอามือเอื้อมไปจับดู เหมือนในหนังที่เราเคยดูเลย ไม่นึกว่าของจริงจะสวยงามได้ขนาดนี้ ชักหลงเสน่ห์ทะเลทรายเข้าแล้วสิเรา พอตกดึกไกด์ก็ได้เรียกพวกเราขึ้นรถกลับเข้าเมือง พวกเราจึงได้ร่ำลาทุกคนที่เราได้เจอ ณ ทะเลทรายแห่งนี้ เวลาที่อยู่บนรถระหว่างนั่งกลับเข้าเมือง เราได้มานั่งทบทวนไปว่าวันนี้เรามีความสุขมาก เราโชคดีมากที่ได้มาเปิดหูเปิดตาดูโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ ได้เจอผู้คนที่น่ารัก ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ได้เห็นมิตรภาพที่สวยงาม ซึ่งสิ่งที่สวยงามที่สุดของการเดินทาง คือ สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างทางของเรา ไม่ใช่จุดหมายปลายทางเสมอไป ทุก ๆ อย่างมีความสวยงามในตัวของมัน เพียงแต่เราต้องฝึกใจเราให้เห็นความสวยงามของสิ่งเหล่านั้นเสมอ จึงจะทำให้ชีวิตเราเป็นสุข Cr. ภาพถ่ายโดยผู้เขียน