เทนนิส หนึ่งในชนิดกีฬาที่มีการแข่งขันแบบอาชีพ นักกีฬาสามารถยึดเป็นอาชีพเลี้ยงตัวได้ ซุปเปอร์สตาร์แห่งวงการเทนนิสนั้นโดยมีรายได้มหาศาลทั้งจากเงินรางวัลจากการแข่งขันและรายได้ด้านภาพลักษณ์จากสปอนเซอร์ผู้ให้การสนับสนุน(บางรายมากกว่าเงินรางวัลเสียอีก) การแข่งขันถูกจัดให้มีการแข่งขันตามปฏิทินที่เรียกกันว่า ทัวร์ : tour (กอล์ฟอาชีพก็เรียกทัวร์ เช่น PGA tour) ภายใต้การดูแลของสามหน่วยงานคือ ATP (Association of Tennis Professionals) ดูแล ATP tour ทัวร์ของนักกีฬาเทนนิสชาย WTA (Women's Tennis Association) ดูแล WTA tour ซึ่งเป็นทัวร์ของนักกีฬาเทนนิสหญิง สุดท้ายคือ ITF (International Tennis Federation) ซึ่งดูแลการจัดการแข่งขันเทนิสในกีฬาระดับนานาชาติ เช่น โอลิมปิกเกมส์ เทนนิสชิงแชมป์โลกทีมชาติต่างๆ และการแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลม 4 รายการใหญ่สุดของโลกเทนนิสคือ ออสเตรเลียนโอเพ่น เฟรนช์โอเพ่น วิมเบิลดัน และ ยูเอสโอเพ่น ซึ่งการแข่งขันจัดจัดขึ้นในคอร์ทที่มีความแตกต่างกัน 4 ชนิด คือ ฮาร์ดคอร์ทของ ออสเตรเลียนโอเพ่นและยูเอสโอเพ่น(ฮาร์ดคอร์ทเหมือนกันแต่การเคลื่อนที่ของลูกเทนนิสหลังกระทบพื้นจะแตกต่างกัน) คอร์ทดินของเฟรนช์โอเพ่น และคอร์ทหญ้าของวิมเบิลดัน รอด เลเวอร์ อารีนา, ออสเตรเลียน โอเพ่น( เครดิต : gettyimages ) คอร์ท ซูซาน ลองลอง, เฟรนช์ โอเพน(เครดิต : wikimedia ) เซนเตอร์คอร์ท ออลอิงแลนด์เทนนิสคลับ, วิมเบิลดัน(เครดิต : wimbledon ) อาร์เธอ แอช สเตเดียม, ยูเอส โอเพน (เครดิต : images ) จากอดีตถึงปัจจุบันมีนักเทนนิสมากมายขึ้นมายิ่งใหญ่และหยุดหายไปตามกาลเวลา โดยมีเพียงสุดยอดนักเทนนิสเท่านั้นที่สามารถครองแชมป์แกรนด์สแลมได้ เนื่องจากการแข่งขันที่เข้มข้น เต็มไปด้วยความกดดันและยิ่งฝ่ายชายต้องทรหดกว่าปกติ เนื่องจากต้องหวดกัน 3 ใน 5 เซต(ทัวร์ปกติแข่ง 2 ใน 3 เซต) บทความนี้จะขอกล่าวถึงความมหัศจรรย์ของนักเทนนิสชายเดี่ยวสามคนซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์และเกิดในยุคเดียวกันคือ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล และโนวัค ยอโควิช โดยเป็นบุญตาของแฟนๆเทนนิสยุคนี้ที่ทั้งสามคนยังคงแข่งขันอยู่ในทัวร์จนถึงปัจจุบัน คนแรกโรเจอร์ เฟเดอเรอร์สุดยอดนักเทนนิสชาวสวิสเซอร์แลนด์ผู้ครองตำแหน่งมือหนึ่งของโลกยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมาคือ 317 สัปดาห์ ปัจจุบันเป็นมือ 4 ของโลก(ณ 23 ตุลาคม 2020) ครองแชมป์มาแล้ว 103 รายการเป็นอันดับที่ 2 ตลอดกาล(อันดับ 1 คือ จิมมี คอนเนอร์ 109 รายการ) ในจำนวนนี้เป็นรายการระดับแกรนด์สแลมอีก 20 แกรนด์สแลม มากที่สุดตลอดกาล กวาดเงินรางวัลจากการแข่งขันกว่า 130 ล้านดอลลาร์ (อันดับ 2 ตลอดกาล) เฟเดอเรอร์เป็นเทนนิสถนัดขวาและตีลูกแบคแฮนด์มือเดียว ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเทนนิสที่ครบเครื่องที่สุดเท่าที่เคยมีมา ( เครดิตภาพ : wikimedia ) คนที่สองราฟาเอล นาดาลยอดนักเทนนิสชาวสเปน มือสองของโลก (ณ 23 ตุลาคม 2020) คนปัจจุบัน ดินแดนที่ได้ชื่อว่าผลิตสุดยอดนักเทนนิสมาประดับวงการทุกยุค โดยเฉพาะนักเทนนิสสเปนจะเชี่ยวชาญคอร์ทดินเป็นพิเศษ นาดาลก็เช่นกัน ตลอดการเล่นเทนนิสอาชีพเขาคว้าแชมป์มาแล้ว 86 รายการ (อันดับที่ 4 ตลอดกาล) ในจำนวนนี้เป็นแชมป์ระดับแกรนด์สแลม 20 รายการ (อันดับ 1 ตลอดกาลร่วมกับเฟเดอเรอร์) กวาดเงินรางวัลจากการแข่งขันมาแล้วกว่า 122 ล้านดอลลาร์ (อันดับ 3 ตลอดกาล) นาดาลเป็นราชาแห่งคอร์ทดินโดยแท้เพราะคว้าแชมป์เฟรนช์ โอเพน ถึง 13 ครั้ง เขาเป็นนักเทนนิสถนัดขวาแต่ตีโฟร์แฮนด์ด้วยมือซ้าย และเล่นแบคแฮนด์สองมือ เครดิตภาพ : wikimedia ) คนที่สามคือโนวัค โยโควิช ยอดนักเทนนิสจากเซอร์เบีย (อดีตพาร์ทเนอร์ประเภทคู่ของดนัย อุดมโชคสมัยยังเป็นเยาวชน) มือหนึ่งของโลกคนปัจจุบัน (ณ 23 ตุลาคม 2020) คว้าแชมป์มาแล้ว 81 รายการ (อันดับ 5 ตลอดกาล) กวาดเงินรางวัลไปกว่า 145 ล้านดอลลาร์ (อันดับ 1 ตลอดกาล) โยโควิชได้ชื่อว่าเป็นนักเทนนิสที่ครบเครื่องเช่นกัน เขาถนัดมือขวา เล่นแบคแฮนด์สองมือเช่นเดียวกับนาดาล ( เครดิตภาพ : wikimedia ) ความมหัศจรรย์ที่ทั้งสามคนสร้างขึ้นการเล่นเทนนิสอาชีพคือในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาพวกเขาคว้าแชมป์รวมกันถึง 270 รายการเป็นแชมป์แกรนด์สแลมรวมกันถึง 57 ครั้ง(จาก 79 ครั้งของการแข่งขัน) เป็นเฟเดอเรอร์และนาดาล คนละ 20 ครั้ง โยโควิชอีก 17 ครั้ง โดยทั้งสามคนคว้าแชมป์เป็นอันดับ 1(ร่วมกัน) และ 3 ตลอดกาล ล่าสุดนาดาลเพิ่งคว้าแชมป์เฟรนช์ โอเพนครั้งที่ 13 เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่วน 1 เดือนก่อนหน้านั้นโนวัค โยโควิชควรจะได้แชมป์แกรนด์สแลมที่ 18 หากไม่ตกรอบยูเอส โอเพ่น 2020 ภายหลังถูกปรับแพ้จากการตีลูกเทนนิสโดนผู้กำกับเส้น และในข้อเท็จจริงคือคนที่คว้าแชมป์รองๆ ลงไปคือ 3 ครั้งเท่านั้น พวกเขายอมให้มีคนอื่นๆ ร่วมคว้าแชมป์แกรนด์แค่ 19 คน(จาก 79 ครั้ง) ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา (2001-2020) ทั้งที่ 20 ปีก่อนหน้านั้นมีถึง 25 คนที่คว้าแชมป์ได้และกระจายในหลายๆ คน โดยพีต แซมพราสคว้าแชมป์มากที่สุดใน 2 ทศวรรษนั้นคือ 13 ครั้ง อันตับที่ 2-10 ก็ลดหลั่นห่างกันแค่ครั้งสองครั้ง นอกจากชนะมากที่สุดแล้วพวกเขาทำเงินจากการแข่งขันรวมกันสูงถึง 397 ล้านดอลลาร์(โยโควิช อันดับ 1, เฟเดอเรอร์ อันดับ 2 และนาดาล อันดับ 3) และสิ่งเหล่านี้อาจมากขึ้นกว่านี้ไปอีกเพราะทั้งสามคนยังไม่แขวนแร็กเกตนั่นเอง แชมป์ชายเดี่ยวเทนนิสแกรนด์สแลม ปี 1981-2000 แชมป์ชายเดี่ยวเทนนิสแกรนด์สแลม ปี 1981-2000 สิ่งต่อมาคือพวกเขาเก่งกาจชนิดที่ 20 ปีที่ผ่านมาเป็นฝันร้ายของบรรดาดาวรุ่งต่างๆ ที่เติบโตมาในยุคนี้ซึ่งทำผลงานได้โดดเด่นในระดับเยาวชนพุ่งขึ้นมาและพุ่งลงอย่างรวดเร็วโดยมักจอดป้ายเมื่อเจอเขาทั้งสาม(หลายสำนักมักรวม แอนดี้ เมอร์เรย์ เข้าไปด้วยเป็นบิ๊ก 4 แต่เมอร์เรย์ขาดความแน่นอนและบาดเจ็บบ่อยๆ) และไม่สามารถก้าวผ่านพวกเขาไปได้เลย ไม่ว่าจะเป็นริชาร์ด กาสเกต์ โจ วิลฟรีด ซองก้า กาแอล มงฟิลส์ สามหนุ่มฝรั่งเศส กริกอร์ ดิมิทรอฟดาวรุ่งบัลแกเรีย เบอร์นาร์ด โทมิคและนิค เคียร์กิออสสองหนุ่มออสเตรเลีย รวมทั้งดับดาวรุ่งอเมริกันมหาอำนาจเทนนิสปลายศตวรรษที่ 20 ทุกคนจนถึงปัจจุบัน มีเพียงบางช่วงเท่านั้นที่พวกเขาปล่อยให้คนอื่นมาแย่งแชมป์เพราะพวกเขาโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานโดยเฉพาะ 4-5 ปีหลังที่ทั้งสามเริ่มอายุมากขึ้น นอกจากนี้ในบรรดาแชมป์แกรนด์สแลมที่พวกเขาเป็นเจ้าของสถิตินั้นโรเจอร์ เฟเดอเรอร์เป็นเจ้าของสถิติคว้าแชมป์วิมเบิลดันมากที่สุดตลอดกาลคือ 8 ครั้ง(รองลงมาคือ พีต แซมพราส 7 ครั้ง) โนวัค โยโควิช เป็นเจ้าของสถิติแชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่นมากที่สุดตลอดกาล 8 ครั้ง (รองลงมาคือเฟเดอเรอร์ 6 ครั้ง) และที่สุดคือราฟาเอล นาดาล "คิง ออฟ เคลย์" ตัวจริง เจ้าของแชมป์เฟรนช์ โอเพ่นมากที่สุดตลอดกาล 13 ครั้ง จากการลงแข่ง 16 ครั้ง มีแค่สองคนที่เอาชนะเขาได้ในโรลังด์ การอสคือ โรบิน โซเดอลิงในปี 2009 และโนวัค โยโควิชในปี 2015 (ปี 2016 เขาถอนตัวเพราะบาดเจ็บ) เป็นเป็นที่น่าสนใจว่าพวกเขาจะเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์บทนี้ไปอีกนานแค่ไหนเมื่อพวกเขายังคงแข็งแกร่งและยังไม่มีวี่แววว่าจะแขวนแร็กเกตในเร็ววัน สถิติที่เกิดขึ้นล้วนยากแก่การทำลายในเร็วๆ นี้เพราะคนรองลงไปล้วนแขวนแร็กเกตไปแล้วขณะที่คนที่ยังเล่นอยู่ก็ยังห่างกับพวกเขานั่นเอง ดังนั้นในขณะนี้สิ่งที่เป็นไปคือเฟเดอเรอร์วัย 39 นาดาลวัย 34 และโยโควิชวัย 33 ยังคงวนเวียนสลับกันอยู่ในท็อป 5 และยังคงกระหายชัยชนะไม่เสื่อมคลาย หรือไม่เหล่าดาวรุ่งยุคนี้คงต้องรอให้พวกเขาแขวนแร็กเกตไปเสียก่อน เครดิตข้อมูลจาก https://en.wikipedia.org