สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกคนด้วยนะครับ ผม Kakommz ในวันนี้ผมก็จะมาแนะนำหนังสือที่ดีเยี่ยมอีกเช่นเคยครับ แต่ก่อนอื่นต้องถามผู้อ่านทุกท่านก่อนว่า "ทำไม" ทุกท่าน ถึงได้อ่านบทความนี้ครับ?คำตอบ อาจเป็นไปได้หลากหลายสิ่งอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็น ความบังเอิญกดเข้ามาอ่านก็ดี อยากเข้ามาอ่านรีวิวของผม Kakommz ก็ดี หรือ อยากดูรีวิวก่อนตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้ก็ดีทุกสิ่งที่ผมกล่าวไป ล้วนเกิดมาจากการเริ่มต้นด้วยคำว่า "ทำไม" ทั้งสิ้นครับ เพราะเมื่อคำว่า ทำไม เกิดขึ้น จุดมุ่งหมายต่อสิ่งที่ทำก็จะตามมาครับ และนี่คือสิ่งที่คุณ Simon Sinek ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ต้องการจะสื่อ หากแต่เนื้อหาในหนังสือ ยังมีการอธิบายเนื้อหาเพิ่มเติมได้อย่างลึกซึ้งและกระจ่างมากขึ้น โดยผม ขออนุญาตหยิบยกเนื้อหาบางส่วน มาบอกเล่าให้กับผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านได้รับชมพร้อมกัน ณ บัดนี้ครับส่วนที่ 1 โลกที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการถามว่า "ทำไม"ตัวอย่างจากหน้าที่ 37-44ในส่วนนี้ ผมขอหยิบยกตัวอย่างจากการใช้ "สิ่งล่อใจ" ครับ ที่คุณ Sinek ได้อธิบายว่า ทำไมองค์กรบางแห่งถึงใช้สิ่งล่อใจ เพราะการใช้สิ่งล่อใจ สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนและทำให้บริษัทประสบความสำเร็จได้จริง แต่ทุกอย่างย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ ซึ่งข้อเสียหลักๆ ในการใช้สิ่งล่อใจ คือ มันสร้างความจงรักภักดีไม่ได้ ฉะนั้น ถ้าหากองค์กรของคุณกำลังเริ่มใช้สิ่งล่อใจในการทำสิ่งต่างๆ แล้วละก็ สิ่งที่เรียกว่า "ความจงรักภักดี" อาจไม่เกิดขึ้นหรือที่เลวร้ายที่สุด ความจงรักภักดีอาจหายไปจากองค์กรก็เป็นได้ครับ ดังนั้น เราจะต้องมี "ทางเลือกอื่น" ที่ดีกว่านี้ ในการสร้างองค์กรหรือตัวของทุกคน ให้ดีมากขึ้นส่วนที่ 2 ทางเลือกอื่นตัวอย่างจากหน้าที่ 47-61ในส่วนนี้ คุณ Sinek ได้เริ่มอธิบายถึงใจความสำคัญของหนังสือเล่มนี้ครับ นั่นคือการอธิบายการเริ่มต้นของคำว่า "ทำไม" ด้วยหลักการของ วงแหวนทองคำ (The Golden Circle) โดยก่อนที่จะศึกษาวิธีนำไปใช้ ต้องอธิบายความหมายของแต่ละคำในวงแหวนก่อน ว่ามีอะไรบ้าง โดยไล่จากวงนอกสุดไปหาวงในสุดครับอะไร : ทุกองค์กรในโลกล้วนรู้ว่าตัวเองทำอะไร ไม่ว่าพวกเขาจะมีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่หรืออยู่ในแวดวงใด ทุกคนสามารถอธิบายได้ว่าสินค้าหรือบริการของตัวเองคือสิ่งใด รวมทั้งบอกได้ว่าพวกเขามีหน้าที่อะไรในองค์กรนั้น นี่เป็นสิ่งที่พูดออกมาได้ไม่ยากอย่างไร : องค์กรบางแห่งหรือคนบางคนรู้ว่าจะทำสิ่งที่ทำอยู่อย่างไร ไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่า "การนำเสนอคุณค่าที่แตกต่าง" "กระบวนการเฉพาะตัว" หรือ "จุดขายอันเป็นเอกลักษณ์" ก็ตาม คำว่าอย่างไรมักมีไว้เพื่ออธิบายว่าคุณแตกต่างหรือดีกว่าคนอื่นตรงไหน นี่เป็นองค์ประกอบที่ไม่ชัดเจนเท่ากับคำว่าอะไร หลายคนคิดว่ามันเป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่างหรือช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้ แต่ความจริงแล้วยังมีอีกอย่างที่ขาดหายไปนั่นคือ... ทำไม : มีคนเพียงไม่กี่คนหรือองค์กรไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าทำไมพวกเขาถึงทำสิ่งที่ทำอยู่ คำว่าทำไมในที่นี้ไม่ใช่เรื่องของการหาเงินหรือหาเลี้ยงชีพ นั่นเป็นผลลัพธ์ต่างหาก คำว่าทำไมในที่นี้หมายถึงจุดมุ่งหมาย เจตนารมณ์หรือความเชื่อของคุณ ทำไมองค์กรของคุณจึงดำรงอยู่ ทำไมคุณถึงลุกจากเตียงทุกเช้า และทำไมคนอื่นถึงต้องใส่ใจในสิ่งที่คุณทำจะเห็นได้ว่า คุณ Sinek ได้ให้แง่คิดของคำว่า "ทำไม" ที่คนส่วนใหญ่อาจมองข้ามไป เพราะในหลายครั้ง เราอาจนำเสนอสิ่งที่เราทำลงไปและพยายามอธิบายอย่างเต็มที่ว่า เราทำอะไรลงไปให้ทุกคนได้รับรู้ แต่ก็น้อยคนนักที่จะบอกเล่าว่า เราทำสิ่งนั้นไปทำไม ฉะนั้น คำว่าทำไมในที่นี้ หมายถึง "จุดมุ่งหมาย" ที่เราทุกคนควรที่จะนำเสนอ ถ้าหากเราอยากบอกกล่าวสิ่งใดก็ตามให้ผู้อื่นได้รับรู้ เพราะเมื่อทุกคนได้รับรู้จุดมุ่งหมายที่เราทำ ความไว้เนื้อเชื่อใจและความสำเร็จ ก็จะเกิดขึ้นไปโดยปริยาย ไม่ใช่เพียงความอยากรู้อยากเห็นชั่วข้ามคืนที่อาจหายไปได้ทุกเมื่อ นั่นเองส่วนที่ 3 ผู้นำต้องมีผู้ตามตัวอย่างจากหน้าที่ 116-119จากที่กล่าวไปในส่วนที่แล้วครับว่า ความไว้เนื้อเชื่อใจและความสำเร็จ ก็จะเกิดขึ้นไปโดยปริยายเมื่อเรามีจุดมุ่งหมาย ดังนั้นในส่วนที่ 3 นี้ ผมจึงขอหยิบยกตัวอย่างของ แซมมวล เพียร์พอนต์ แลงลีย์ และพี่น้องตระกูลไรต์ ผู้ทึ่มีความพยายามในการสร้างเครื่องบินเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์กลับต่างกันราวฟ้ากับเหวพี่น้องตระกูลไรต์ เป็นที่รู้จักกันอย่างดีไปทั่วโลกว่า เขาสามารถสร้างเครื่องบินที่สามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้สำเร็จ ในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1903 ด้วยความเร็วในการบินเท่ากับคนวิ่งนาน 59 วินาทีที่ความสูง 36 เมตร และนับได้ว่าเป็นก้าวแรกที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปตลอดกาลขณะเดียวกัน แลงลีย์ ผู้ที่มีความพยายาม มีความกระตือรือร้น มีวินัยในการทำงานสูง และมีวิธีคิดทางวิทยาศาสตร์เหมือนกันกับพี่น้องตระกูลไรต์ แต่สิ่งหนึ่งที่พี่น้องตระกูลไรต์มีแต่แลงลีย์ไม่มี คือ แรงบันดาลใจครับ เพราะพี่น้องตระกูลไรต์เริ่มต้นจากคำว่า "ทำไม" มีจุดมุ่งหมายในการสร้างเครื่องบินที่ยิ่งใหญ่และพร้อมปลุกเร้าจิตวิญญาณของผู้คนรอบกาย ขณะที่แลงลีย์มีแรงผลักดันเป็นชื่อเสียงและความร่ำรวยเท่านั้น นั่นจึงทำให้พี่น้องตระกูลไรต์ ประสบความสำเร็จ แต่แลงลีย์ไม่สามารถทำมันได้นั่นเองครับส่วนที่ 4 หาแนวร่วมตัวอย่างจากหน้าที่ 183-188ในส่วนนี้ ผมจึงขออนุญาตหยิบยกตัวอย่างในหนังสือจากเรื่องของ แอปเปิล ครับ อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่าแอปเปิลได้ครองใจผู้คนเกือบทั่วทั้งโลก และพร้อมซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแอปเปิล ไม่ว่าจะเป็น ไอโฟน ไอแพด ฯลฯ ทั้งที่ในบางครั้ง เราอาจรู้ดีว่า ประสิทธิภาพที่เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์จากแหล่งอื่น ก็อาจไม่ต่างกันหรือดีกว่าด้วยซ้ำ แต่เพราะเหตุใด แอปเปิลถึงครองใจทุกคน นั่นก็เพราะว่าแอปเปิลเริ่มต้นจากคำว่า "ทำไม" และพวกเขามีจุดมุ่งหมายครับ โดยจะเห็นได้จากโฆษณาหนึ่งของแอปเปิล ในชุด "คิดต่าง" ที่นำเสนอเรื่องราวของคนคนหนึ่งที่คิดต่าง ไม่ใช่กลุ่มคน ไม่ว่าจะเป็นปาโบล ปิกัสโซ มาร์ธา เกรแฮม จิม เฮนสัน หรืออัลเฟรต ฮิตช์ค็อก และจะสังเกตได้ว่าบริษัทไม่ได้พยายามเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับคนดังที่หัวขบถเลย แต่แอปเปิลเลือกคนเหล่านั้นเพราะพวกเขาสะท้อนความเชื่อของบริษัทออกมาต่างหาก พวกเขาสร้างสรรค์โฆษณาโดยคำนึงถึงจุดมุ่งหมายของบริษัทเป็นอันดับแรก และแอปเปิลก็สื่อสารให้ผู้ชมทุกคนได้รับรู้ด้วย ซึ่งสะท้อนเหตุผลของบริษัทที่ดำรงอยู่อย่างชัดเจนครับส่วนที่ 5 ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความสำเร็จตัวอย่างจากหน้าที่ 205-242ขณะที่แอปเปิล ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย เพราะพวกเขารู้จุดมุ่งหมาย (ทำไม) ของตัวเอง วอล-มาร์ต กลับไปสู่เส้นทางที่ตรงกันข้าม คำถามคือ เกิดอะไรขึ้นกับ วอล-มาร์ต กันแน่? คำตอบ ก็ไม่ได้ซับซ้อนครับ เพราะวอล-มาร์ต หลงลืมจุดมุ่งหมาย (ทำไม) ของตัวเองนั่นเอง โดยเจตนารมณ์ของวอล-มาร์ต เริ่มต้นจาก คุณ แซม วอลตัน ผู้ก่อตั้งวอล์-มาร์ตครับ ในแรกเริ่ม วอลตันมีความเชื่อว่า ถ้าเขาดูแลคน คนก็จะดูแลเขาเอง ยิ่งวอล-มาร์ตมอบสิ่งดีดีให้กับพนักงาน ลูกค้ามากเท่าใด อีกฝ่ายก็จะตอบกลับมามากเท่านั้น นั่นจึงทำให้ในช่วงที่ แซม วอลตัน ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้ดูแลอยู่ เป็นจุดที่สูงสุดของวอล-มาร์ตเลยก็ว่าได้ครับ แต่หลังจากที่ แซม วอลตัน เสียชีวิตลงในเวลา 8 โมงเช้าของวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1992 ด้วยโรคมะเร็งในไขกระดูก วอล-มาร์ตก็ได้สูญเสียจุดมุ่งหมายของตัวเองไปเช่นกัน เพราะหลังจากนั้น ผู้ที่สืบทอดตำแหน่งหลายท่าน ไม่ได้รับรู้อย่างลึกซึ้งจากเจตนารมณ์ของวอลตัน หากแต่พยายามแทนที่เจตนารมณ์ของตัวเอง ซึ่งจะทำให้วอล-มาร์ตที่ วอลตัน สร้างขึ้น มีจุดมุ่งหมายที่เปลี่ยนไป และนั่นทำให้ วอล-มาร์ต ไม่สามารถกลับมาเป็นดั่งเดิมได้ครับส่วนที่ 6 โลกที่เริ่มต้นจากการถามว่า "ทำไม"ในส่วนสุดท้ายนี้ ผมขออนุญาตเชิญชวนผู้อ่านที่น่ารัก ค้นหาจุดมุ่งหมาย (ทำไม) ของตัวเองให้เจอครับ และอย่าหลงลืมมันไปตลอดชีวิตของทุกคน เพราะเมื่อทุกคนมีจุดมุ่งหมายที่แน่ชัด และสามารถอธิบายให้ผู้คนรับฟังได้อย่างเข้าใจได้ ความไว้เนื้อเชื่อใจ การได้รับการยอมรับ และความสำเร็จ จะเข้ามาหาทุกคนได้ในไม่ช้าก็เร็วแน่นอนครับสุดท้ายนี้ ผม Kakommz ต้องขอตัวลาไปก่อน ขอให้ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ค้นหาจุดมุ่งหมายของทุกท่านให้พบ เพราะการเริ่มต้นจากการถามว่า "ทำไม" จะทำให้เป้าหมายและความสำเร็จเข้าหาตัวของคุณได้อย่างรวดเร็วขึ้นแน่นอน สำหรับวันนี้ สวัสดีครับAbout Factชื่อหนังสือ : START WITH WHY ทำไมต้องเริ่มด้วย "ทำไม" ผู้เขียน : Simon Sinekผู้แปล : วิญญู กิ่งหิรัญวัฒนาราคา : 260 บาทหมวดหมู่ : ธุรกิจสำนักพิมพ์ : วีเลิร์นภาพหน้าปกโดยผู้เขียนขอขอบคุณภาพประกอบโดยภาพสิ่งล่อใจ โดย PublicDomainPicturesภาพทางเลือกอื่น โดย geraltภาพเครื่องบิน โดย cocoparisienneภาพแอปเปิล โดย Pexelsภาพความสำเร็จ โดย Free-Photosภาพทำไม โดย Maklay62ภาพหนังสือ START WITH WHY ทำไมต้องเริ่มด้วย "ทำไม" ถ่ายรูปโดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !