สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกคนด้วยนะครับ ผม Kakommz วันนี้ผมมีหนังสือที่ดีเยี่ยมมาแนะนำอีกเช่นเคยครับ โดยต้องขออนุญาตเกริ่นก่อนว่า เป็นหนังสือที่ผมได้มาจากการที่เพื่อนให้ยืมมาอ่านและรู้สึกว่า เป็นหนังสือเล่มแรก (ที่ผมอ่าน) ที่ภาษาการเขียน "เป็นกันเอง" มาก คือก็เป็นหนังสือที่แปลมาอีกทีนะครับ แต่ก็ต้องชื่นชมผู้แปลมา ณ ที่นี้ เพราะผู้แปลสามารถแปลได้อย่างละเมียดละไมและค่อนข้างตรงกับต้นฉบับ (ที่ผู้เขียนเขียนได้เป็นเอกลักษณ์) เป็นอย่างมากเกริ่นมาขนาดนี้ ผมเพียงต้องการจะบอกกับผู้อ่านทุกคนว่า เป็นหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่ควรค่าแก่การแนะนำให้อ่านมากๆ ครับเข้าเรื่องดีกว่าครับ หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "ชีวิตติดปีก ด้วยศิลปะแห่งการ "ช่างแ ่ง" THE SUBTLE ART OF NOT GIVING A F*CK" ผู้เขียนคือคุณ Mark Manson และหนังสือเล่มนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น New York Bestseller โดยเนื้อหาคร่าวๆ ภายในหนังสือกำลังจะบอกให้ทุกคน "ช่างแ ่ง" บ้าง เพราะชีวิตของเรานั้น ไม่ควรที่จะแคร์ทุกสิ่งอย่างที่เข้ามา หากแต่เป็นการเลือกแค่สิ่งที่ควรจะแคร์จริงๆ แต่สิ่งที่ควรจะแคร์คืออะไรนั้น ผม Kakommz ขอรับหน้าที่นำเสนอเนื้อหา (บางส่วน) เพื่อคลายความสงสัยนี้กันครับศิลปะแห่งการช่างแ ่งเริ่มต้นมาก็ช่างแ ่งทันทีครับ แต่ว่าผู้อ่านทุกท่านกำลังสงสัยไหมครับว่า คำว่า "ช่างแ ่ง" จริงๆ แล้วหมายความว่าอย่างไร? บ้างก็อาจจะบอกว่า มันคือการที่เราอยู่นิ่งๆ และเมินเฉยต่อทุกสิ่งทุกอย่างหรือผู้ที่ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดและไม่ยอมก้มหัวให้ใคร สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การช่างแ ่ง แต่คือ "คนบ้า" ต่างหากครับ ถ้าอย่างนั้น การช่างแ ่ง หมายถึงอะไร? คุณ Manson ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ จะมาไขข้อสงสัยนี้ด้วย "เคล็ดลับ" 3 ประการกันครับเคล็ดลับ #1 : การช่างแ ่งไม่ได้หมายถึงการเมินเฉย แต่หมายถึงการยอมรับว่าตัวเองนั้นแตกต่างManson กล่าวว่า คนที่เมินเฉย ที่จริงแล้วเป็นคนจำพวกที่คิดว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่น มีปัญหาที่คนอื่นไม่มีวันเข้าใจ คนเหล่านี้จะซ่อนตัวเองอยู่ในหลุมสีเทาไร้อารมณ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง หมกมุ่นแต่กับตัวเอง และสงสารตัวเองตลอดเวลา คนเหล่านี้พยายามถอยตัวเองออกห่างจากสิ่งที่คอยสูบทั้งพลังงานและเวลาของพวกเขาที่เรียกว่า ชีวิต นี่จึงไม่ใช่การช่างแ ่งครับและต้องขอบอกว่า การช่างแ ่งนั้นไม่มีอยู่จริงด้วยซ้ำ เพราะชีวิตของคุณจะต้องแคร์บางสิ่งบางอย่างเสมอ คำถามคือเราควรจะแคร์อะไรบ้าง? คำตอบคือ "การไม่แคร์กับอุปสรรคในการไปให้ถึงเป้าหมายต่างหากคือสิ่งที่ควรแคร์" เพราะคนเหล่านี้จะแคร์เฉพาะในสิ่งที่สำคัญและมีความหมายจริงๆ เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น เพื่อน ครอบครัว เป้าหมาย ผัดกะเพราไก่ไข่ดาว อะไรแบบนี้ และด้วยเหตุผลนี้ เพราะคนเหล่านี้เลือกแคร์สิ่งที่สำคัญจริงๆ เท่านั้น คนอื่นๆ จึงแคร์พวกเขาเช่นกันความจริงอีกอย่างคือ โลกใบนี้ไม่มีคำว่าไร้อุปสรรคครับ คำคำนี้ไม่มีอยู่จริง เพราะไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหน มันจะมีเรื่องแย่ๆ ที่รอทับถมคุณเสมอ แต่นั่นไม่สำคัญหรอกครับ ประเด็นของเราไม่ใช่การหลีกหนีเรื่องแย่ๆ แต่คือการค้นหาเรื่องแย่ๆ ที่คุณยินดีที่จะรับมือกับมันเคล็ดลับ #2 : หากจะมองข้ามอุปสรรค คุณต้องแคร์อะไรก็ตามที่สำคัญกว่าอุปสรรคก่อนอย่าไปแคร์ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกตารางนิ้วของชีวิตครับ เพราะคนที่แคร์มากเกินไป คนที่แจกความแคร์ให้กับทุกอย่างเหมือนกับแจกใบปลิวโฆษณาตามบันไดเลื่อน ปัญหาของคนเหล่านี้คือ มันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้ให้แคร์อีกแล้วครับ ดังนั้นคุณควรที่จะค้นหาสิ่งที่สำคัญและมีความหมายต่อชีวิตของคุณ เพราะเป็นการใช้เวลาและพลังงานของคุณได้อย่างมีประโยชน์ที่สุด เพราะถ้าคุณหาสิ่งที่มีความหมายนั้นไม่เจอ คุณจะไปแคร์กับเรื่องที่ไร้ความหมายและไร้สาระแทนเคล็ดลับ #3 : คุณกำลังเลือกว่าจะแคร์อะไรบ้างอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตามคนเราเมื่ออายุมากขึ้น ก็จะเลือกแคร์สิ่งที่ควรจะแคร์จริงๆ เพราะเวลาเป็นสิ่งที่ไม่เคยหยุดรอใคร การแคร์ทุกสิ่งอย่างจะทำให้เราเสียพลังงานโดยที่ไม่มีความจำเป็น พูดง่ายๆ คือ พอเราแก่ตัวลง เราจะเลือกมากขึ้นกับสิ่งที่เราจะแคร์ ซึ่งคุณ Manson กล่าวว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่า วุฒิภาวะ ครับ ดังนั้น เราเหลือพลังงานที่จะแคร์น้อยลงและเราควรจะเก็บมันไว้เพื่อสิ่งที่ควรค่าแก่การแคร์ที่สุดในชีวิตของเรา นั่นคือครอบครัว เพื่อนสนิท ฯลฯ ซึ่งนั่นอาจทำให้แม้แต่ตัวเราเองยังต้องแปลกใจว่า แค่นี้ก็พอแล้วนี่ ความเรียบง่ายนี้เองที่ทำให้เรามีความสุขอยู่ตลอดเวลานั่นเองค่านิยมห่วยๆหัวข้อนี้ ผมขอกล่าวสั้นๆ ถึงค่านิยมห่วยๆ ที่ทุกคนอาจคาดไม่ถึงครับ เพราะค่านิยมห่วยๆ นี้ กลับเป็นสิ่งที่เรามองว่าเป็นสิ่งที่ดี นั่นคือ ความสนุก ความสำเร็จทางวัตถุ การต้องถูกเสมอ และการคิดบวกตลอดเวลา ทำไมสิ่งที่กล่าวไปมันถึงเป็นค่านิยมที่ห่วยนะหรือ นั่นก็เพราะว่าคนส่วนใหญ่รู้ดี (แต่อาจลืมไป) ว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเราหลายๆ ครั้งนั้น ไม่น่าสนุก ไม่มีความสำเร็จ ไม่สามารถคาดเดาได้ และไม่ได้เป็นเรื่องบวกนักจิตวิทยาชื่อดังอย่าง ซิกมันด์ ฟรอยด์ เคยกล่าวไว้ว่า "วันหนึ่งเมื่อมองย้อนกลับไป ช่วงเวลาอันยากลำบากนานนับปีที่คุณผ่านมาได้ จะกลายเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดในสายตาของคุณ" ดังนั้น ทุกคนต้องเลือกค่านิยมที่ดี ที่อยู่บนพื้นฐานของความจริง เป็นที่ยอมรับของสังคม และส่งผลโดยตรงถึงคุณ จากนั้นความสุขและความสำเร็จจะเกิดขึ้นตามมา ทั้งสองสิ่งนี้เป็นผลพลอยได้จากค่านิยมที่ดีครับคุณไม่ได้พิเศษกว่าคนอื่นคนที่รู้สึกว่าตัวเองพิเศษ สุดท้ายจะวนกลับมาสู่กรอบแห่งความหลงตัวเอง กรอบที่พร้อมจะบิดความจริงทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางของมันเอง คนที่รู้สึกว่าตัวเองพิเศษจะมองทุกเหตุการณ์ในชีวิตว่าถ้าไม่เป็นการยืนยันความยิ่งใหญ่ของตัวเอง ก็เป็นความประสงค์ร้าย ถ้าหากมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับคนเหล่านี้ นั่นก็เพราะความสามารถอันล้นเหลือของพวกเขา ถ้าหากมีสิ่งแย่ๆ เกิดขึ้น นั่นก็เพราะมีพวกขี้อิจฉาที่คอยพยายามจะฉุดพวกเขาให้ต่ำลง (หลงตัวเองจริงๆ เลย)ฉะนั้น ความรู้สึกว่าตัวเองพิเศษนั้นจริงๆ แล้วไม่ได้เรื่อง มันก็แค่การได้มึนเมาไปกับความสุขชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงการวัดคุณค่าที่แท้จริงของตัวเอง ไม่ได้อยู่ที่ว่าคนคนหนึ่งจะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องทางบวก แต่หมายถึงการที่คนคนหนึ่งจะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องทางลบของตัวเองต่างหาก ถ้ามีใครคนหนึ่งซ่อนปัญหาของตัวเองเอาไว้ด้วยการจินตนาการความสำเร็จให้กับตัวเองทุกครั้งที่ทำได้ และเพราะเขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับปัญหาของตัวเองได้ ต่อให้ตัวของเขารู้สึกดีกับตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ยังคงอ่อนแออยู่ดี (นี่คือความจริงครับ)ผมหวังว่าเนื้อหาบางส่วนที่ผมได้หยิบยกมากล่าวนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านทุกท่าน "ช่างแ ่ง" กับบางสิ่งที่ไม่จำเป็นไปบ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับสุดท้ายนี้ ผม Kakommz ต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่กับ Book Review By Kakommz ครั้งหน้า สำหรับวันนี้ ขอให้ทุกท่านมีความสุข สวัสดีครับAbout Factชื่อหนังสือ : ชีวิตติดปีก ด้วยศิลปะแห่งการ "ช่างแ ่ง" THE SUBTLE ART OF NOT GIVING A F*CKผู้เขียน : Mark Manson ผู้แปล : ยอดเถา ยอดยิ่งราคา : 220 บาทหมวดหมู่ : จิตวิทยา/พัฒนาตนเองสำนักพิมพ์ : BINGOเครดิตภาพ :ภาพหน้าปกโดย ผู้เขียนขอขอบคุณภาพประกอบจาก PIXABAYภาพช่างแ ่ง (ตัวอย่างประกอบ) โดย Joshuamirandaภาพค่านิยมห่วยๆ (ตัวอย่างประกอบ) โดย Rilsonavภาพคุณพิเศษ? (ตัวอย่างประกอบ) โดย johnhainภาพหนังสือ ชีวิตติดปีก ด้วยศิลปะแห่งการ "ช่างแ ่ง" ถ่ายรูปโดยผู้เขียนอัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !