หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงไหลความงดงามของสถาปัตยกรรมโบราณ และพร้อมที่จะดำดิ่งไปสู่ลวดลายวิจิตรเคล้ากลิ่นอายประวัติศาสตร์ เรามีสถานที่แห่งหนึ่งในเมืองไคโร ประเทศอียิปต์ มาแนะนำค่ะ รับรองว่าจะต้องชื่นชอบกันอย่างแน่นอน ที่แห่งนั้นคือ Cairo citadel ป้อมปราการแห่งไคโรนั่นเอง ป้อมปราการไคโร คนอียิปต์รู้จักกันในนาม ป้อมปราการซอลาฮุดดีน ซึ่งตั้งตามชื่อแม่ทัพซอลาฮุดดีนผู้พิชิตกรุงไคโรได้ในปีค.ศ.1176 ป้อมนี้ตั้งอยู่บนภูเขาขนาดใหญ่ชื่อ Mokattam ด้วยความแข็งแกร่งและทรงคุณค่าของสถานที่แห่งนี้ องค์กร UNESCO จึงบันทึกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1979 ด้วยนะ นับเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านประวัติศาสตร์อิสลามของโลกแห่งนึงเลย ป้อมนี้สูงมากก่อขึ้นจากก้อนอิฐทำจากดินทราย และหินขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเพื่อใช้ป้องกันเมืองจากการถูกรุกรานในอดีต เทียบกับคนแล้วคนดูตัวเล็กไปเลยค่ะ ลักษณะป้อมเป็นกำแพงโอบล้อมเมืองเล็กๆ ด้านในมีมัสยิด 3 แห่ง พิพิธภัณฑ์ 4 แห่ง ที่พักของทหาร ห้องใต้ดินต่างๆ ในป้อมมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองไคโรได้ทั้งเมืองไกลสุดลูกหูลูกตา มัสยิดหลังใหญ่ที่สวยงามที่สุดในป้อมคือ Mosque of Mohammed Ali ซึ่งเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สวยไม่แพ้มัสยิด Hagia Sofia ในตุรกีเลยทีเดียว หน้ามัสยิดจะเห็นตัวอาคารสูงตระหง่าน ประกอบด้วยโดมและหอต่างๆ ดูแล้วสวยอลังการมากๆเลยค่ะ เสาภายในมัสยิดมีขนาดใหญ่มาก ทำจากหินอ่อนแกะสลัก คิดแล้วก็อดทึ่งไม่ได้ว่าคนในยุคนั้นสามารถขุดแร่หินมาประกอบเสาแบบนี้ได้อย่างวิจิตร ทั้งที่ยังไม่มีเทคโนโลยีหรือเครื่องทุ่นแรงมากมายนัก ผนังด้านในของมัสยิดมีลักษณะโล่งกว้าง เป็นโถงใหญ่ ซึ่งสามารถทำให้มีเสียงก้อง เนื่องจากเมื่อก่อนไม่มีเครื่องขยายเสียง ผนังจะช่วยสะท้อนเสียงเมื่อมีการบรรยายศาสนาหรือทำการละหมาดในมัสยิด จิตกรรมบนเพดานมัสยิด นับเป็นความงดงามเลอค่า ด้วยความละเอียด ปราณีต สีสันและลวดลายของผนังสะกดทุกสายตาให้หยุดแหงนมอง ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้คือการนอนราบลงกับพื้นเพื่อชื่นชมและเก็บภาพประทับใจความสวยงามของผนังมัสยิดนี่แหละค่ะ โดยเฉพาะโดมด้านใน จะมองเห็นเป็นช่องกลมใหญ่ซึ่งถูกตกแต่งอย่างละเอียดทุกระเบียดนิ้ว ในภาพถ่ายว่าสวยแล้ว แต่ก็ยังไม่ตะลึงเท่าที่ได้เห็นด้วยสายตาค่ะ กระจกรอบนอกของเป็นกระจกหลากสีคล้ายกับกระจกแบบเปอร์เซีย ถ้ามาเข้าชมในตอนเย็น รอให้แสงอาทิตย์ลอดผ่านกระจก จะได้รูปถ่ายที่สวยงามมาก โคมไฟประดับมัสยิดเป็นโคมไฟแก้วห้อยระย้า แสงไฟนวลระยิบระยับให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในหนัง Beauty and the beast (โฉมงามกับเจ้าชายอสูร) เลยค่ะ มัสยิดนี้ยังเปิดใช้งานในวันศุกร์สำหรับชาวมุสลิมที่เข้ามาละหมาด จะมีแท่นเพื่อฟังศาสนธรรม เป็นแท่นคล้ายๆกับโพเดียม ไว้สำหรับอิหม่าม(ผู้นำศาสนา) ขึ้นไปบรรยายธรรม มีสองแท่น ใช้สลับกันในบางครั้ง แท่นสูงสีเขียวมีบันได และแท่นบนพื้น เป็นแท่นไม้ตั้งอยู่บนพรมสีแดงเลือดนก บอกได้คำเดียวว่าสวยเหมือนมองภาพในนวนิยายเลยค่ะ ถัดออกมาจาก Mosque of Mohammed Ali จะมีมัสยิดอีกหลังหนึ่งที่เล็กลงมาหน่อย ชื่อว่า Al-Nasir Muhammed Mosque การตกแต่งเป็นแบบเก่าแก่คลาสสิค ข้างบนเปิดโล่ง ไม่มีหลังคา ตรงกลางเป็นทางเดินโล่ง และมีตะเกียงโบราณแขวนอยู่ตามทางเดิน ให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา สัมผัสได้ถึงความเป็นอาหรับยุคเก่า ยิ่งช่วงใกล้ค่ำ ถ่ายภาพเงาตะเกียงตัดกับแสงอาทิตย์สีส้ม ภาพจะสวยมากค่ะ นอกจากนี้รอบนอกยังมีพิพิธภัณฑ์ตำรวจ พิพิธภัณฑ์รถ ซึ่งเป็นแหล่งเก็บสะสมของโบราณไว้เล่าเรื่องราวความเป็นมาด้านการเมืองการปกครองของประเทศอียิปต์ และยังมีบ้านพักของทหารไว้ให้เดินชมอีกด้วย ส่วนชั้นใต้ดิน ปัจจุบันทางการอียิปต์ได้ทำการบูรณะซ่อมแซ่ม คาดว่าจะเปิดให้เข้าชมได้ในปี 2021 ที่จะถึงนี้ค่ะ เล่ามาขนาดนี้แล้ว หลายคนคงอยากมาชมให้เห็นกับตาแล้วใช่ไหมล่ะคะ การเดินทางมาก็ไม่ยากเลย เรียกรถแท็กซี่มาจากเมืองไคโรได้เลยค่ะ ป้อมปราการแห่งนี้เปิดให้ชมตั้งแต่ 9.00-16.00 น. ค่าเข้าสำหรับนักท่องเที่ยวราคา 100 ปอนด์อียิปต์ หรือ 200 บาท แต่หากมีบัตรนักศึกษาใช้ลดราคาได้ เหลือ 90 ปอนด์ หรือ 180 บาท ราคาอาจจะแพงไปนิด แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งท้อใจ ใครที่อยากเข้าชมฟรีสามารถเข้าชมได้ปีละสองครั้ง คือวันตรุษอีดิลฟิตริ และตรุษอีดิลอัฏฮา ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองตามปฏิทินอิสลาม ทางรัฐบาลจะเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าไปละหมาดวันตรุษค่ะ อย่าลืมแวะไปชมความความงดงามกันนะคะ เตือนไว้ก่อนว่าระวังจะตกลงหลุมรักที่แห่งนี้โดยไม่รู้ตัว เครดิตภาพ : ภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน