ท่านผู้อ่านลองทบทวนดูว่าการเดินไปข้างหน้าของทุกคน ต้องมองไปข้างหน้าหรือเปล่า แม้กระทั่งคนตาบอดก็ต้องมีคนบอกทาง หรือมีอุปกรณ์นำทางว่าทางข้างหน้าที่เราจะเดินทางไปเป็นแบบไหน เดินทางสบายราบรื่น หรือว่ามีอุปสรรคอะไรบ้าง หากมีอุปสรรคเราควรจะหลบหลีก หรือหาทรัพยากรเพื่อช่วยในการเดินทาง หรือกำจัดปัญหาอุปสรรคนั้นให้เราเดินทางได้สะดวกที่สุด บทความนี้ผมจะนำประสบการณ์จากการดำรงชีวิตจริงมาแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านทุก ๆ ท่าน มันอาจจะเป็นแค่แสงเทียนเล็ก ๆ ที่ช่วยส่องนำทางให้ผู้อ่านทุก ๆ ท่านเดินทางสู่เป้าหมายของชีวิตได้ในโลกปัจจุบันผู้อ่านทุก ๆ ท่านอาจจะได้พบเส้นทางที่หลากหลาย ทุกเส้นทางอาจจะมีสิ่งล่อใจที่เราชอบ ทำให้เราตกหลุมพราง และเดินไปตามความรู้สึกชอบ จนลืมมองไปว่าเส้นทางนี้จุดหมายปลายทางคืออะไร บางคนหลงทางจนหาทางออกไม่ได้ บางคนเดินไปสู่ทางตันของชีวิต บางคนเดินถลำลึกจนต้องเดินทางย้อนกลับมาเริ่มใหม่ที่จุดเริ่มต้น ปัญหาเหล่านี้จะลดลงหากท่านผู้อ่านมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน และเป้าหมายนั้นเป็นไปได้ มีเส้นทางที่เราสามารถเดินทางไปได้ตามบริบท และศักยภาพของแต่ละคน โดยวิธีคิดก็จะใช้แนวคิดของการบริหารจัดการองค์กรมาประยุกต์ใช้นั่นเอง ผมประกอบอาชีพรับราชการ ทำหน้าที่ตั้งแต่ผู้ปฏิบัติ ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นผู้บริหาร แต่ผมกลับนำความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้มาใช้ในการบริหารจัดการหน่วยงานของตนเอง เช่น หน่วยงานเราต้องมีวิสัยทัศน์ว่าในอนาคตอยากให้เป็นแบบไหน เราต้องมีพันธกิจอย่างไรบ้างเพื่อจะทำให้หน่วยงานเราเดินทางไปสู่วิสัยทัศน์ได้ภายในกำหนด เป้าหมายระยะยาว ระยะสั้นคืออะไรบ้าง มีแผนการดำเนินงานอย่างไรเพื่อไปสู่เป้าหมาย มีอะไรเป็นตัววัดความสำเร็จของแผนการดำเนินงานต่าง ๆ รวมถึงหน่วยงานเรามีเงิน หรือทรัพยากรเพียงพอที่จะทำให้เราไปสู่วิสัยทัศน์ได้ไหม ต้องสรรหา หรือพัฒนาทรัพยากรอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า ถ้าหากดำเนินการตามแผนงานสถานะการเงินของหน่วยงานเราจะเป็นอย่างไร ขาดดุล เกินดุล หรือสมดุล บุคลากรในหน่วยงานมีความสุขในการทำงานหรือเปล่า และกระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ อีกมากมาย และที่ขาดไม่ได้คือ กระบวนการพัฒนาคุณภาพงานอย่างต่อเนื่อง ผ่านวงล้อ P D C A ทั้งหมดที่กล่าวมา และยังมีที่ยังไม่ได้กล่าว เราทำเพื่อหน่วยงานเราทั้งนั้น และยังมีหน่วยงานมาตรวจสอบว่าถูกต้องไหม ได้มาตรฐาน และคุณภาพไหม บางคนทำงานจนได้โรค NCD มาเป็นของแถม เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น และที่น่าเจ็บใจทำแทบตาย ผลงานกลับกลายเป็นของคนอื่น ๆ (แต่มันยังไม่เคยเกิดขึ้นกลับผมนะครับ แต่เห็นมีหลาย ๆ คน เคยบ่นให้ฟัง 555)จากที่กล่าวมาความชัดเจนของเป้าหมาย โดยการประยุกต์ใช้ความรู้การบริหารจัดการของหน่วยงาน จึงเป็นแนวทางที่ผมนำมาปรับใช้ในการดำรงชีวิตของผม และครอบครัว โดยไม่มีใครมาตรวจสอบว่าทำถูกไหม ผ่านมาตรฐานหรือไม่ แต่คุณภาพที่ได้ผมถือว่าผมประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง และเส้นทางที่ผมเดินทางมาก็ผ่าน Landmark หรือจุด Checkpoint ที่ผมตั้งไว้ในแผนที่ หรือแผนชีวิตของผม (ซึ่งจะนำเสนอในบทความต่อ ๆ ไป) สิ่งที่สำคัญคือ ต้องค้นหาความสุขฉาบฉวย และความสุขที่แท้จริงให้ได้ เราจะได้เป้าหมายชีวิตที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ตัวอย่างเป้าหมายชีวิตของผมคือ "ผมจะต้องมีชีวิตที่สมบูรณ์ ให้เร็วที่สุดและต้องก่อนเกษียณอายุราชการ" (ความจริงเป้าหมายของผมไม่ได้เขียนโดยใช้ภาษาที่รูปแบบนี้หรอก) ชีวิตที่สมบูรณ์ของผมมี 6 อย่าง และผมไม่ได้ตั้งเป้าหมายขึ้นพร้อมกันครั้งเดียว 6 อย่าง แต่ตั้งเป้าหมายตามลำดับของสภาพปัญหาของตัวเองสมบูรณ์ทางเศรษฐกิจ คือ มีอิสรภาพทางการเงิน (ไม่ได้หมายถึงความมั่งคั่ง แต่หมายถึงมีการจ่ายเงินตามแผนที่ไม่เกินตัว สร้างกระแสเงินสด สร้างความสมดุลรายได้ Passive Income และ Active Income)สมบูรณ์ทางครอบครัว คือ ครอบครัวที่อบอุ่น (สร้าง Teamwork ให้ครอบครัว) ตอบสนองความสุขของสมาชิกในครอบครัว และที่ผมจะมีความสุขมาก ๆ คือ ภรรยา และลูก ๆ ของผมต้องได้เรียนรู้เรื่องการเดินทางสู่ความสำเร็จของชีวิต และสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้หากผมไม่สามารถที่จะดูแลเขาได้สมบูรณ์ทางด้านจิตใจ คือ จัดการตนเองเพื่อความสุขส่วนตัวตามสมควร เข้าใจถึงธรรมชาติของชีวิต หลักธรรมคำสอนของศาสดาแต่ละศาสนาที่จะนำมาใช้เพื่อความสุขของตัวเราเองสมบูรณ์ทางการเมือง การปกครอง คือ ต้องประพฤติตัวตามกฎหมาย และศีลธรรมอันดีงามสมบูรณ์ทางด้านสังคม คือ การอยู่ร่วมกันคนในชุมชน ในสังคมอย่างมีความสุข ปลอดภัย เข้าบริการสาธารณะได้สะดวกสมบูรณ์ทางสิ่งแวดล้อม คือ จัดสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยที่ดี และสามารถป้องกันมลพิษที่เกิดขึ้นได้ตามความเหมาะสม“ความสุขที่แท้จริงของเรา คือ อะไร หามันให้เจอ”บทความนี้ ต้องการให้ผู้อ่านได้ให้ความสำคัญกับเป้าหมายของชีวิตที่มาจากความสุขที่แท้จริง สำหรับบทความต่อ ๆ ไป ก็จะเป็นบทความที่แบ่งปันประสบการณ์ในการเดินทางไปสู่เป้าหมายความสมบูรณ์ในแต่ละด้านตามบริบทของผมเอง และอาจจะมีบทความแสงเทียนวาไรตี้ (Candlelight variety) มาแทรกบ้างครับ ฝากติชมการเขียนบทความ และสร้างกำลังใจในการทำบทความต่อ ๆ ไป ด้วยการกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตาม ด้วยนะครับบทความโดย : Candlelightขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก โดย KELLEPICS : รูปที่ 1 โดย Pixource / รูปที่ 2 โดย geralt / รูปที่ 3 โดย coombesy