เอาล่ะทุกคน เมื่อเราพักกายให้หายเหนื่อยจากการขี่ snowmobile และเล่น dog sled กับเจ้าฮัสกี้ในตอนก่อนหน้าแล้ว เรามาปิดท้ายทริปนี้ด้วยกิจกรรมที่เรามา Colorado เพื่อการนี้เลยดีไหมมมม DAY 5 เราตื่นเช้ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแต่งตัวเรียบร้อยพร้อมตรงไปที่ร้านเช่าอุปกรณ์ในการ hiking เพื่อซื้อถุงร้อนเอามาใส่กระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกงเพื่อให้ความอบอุ่นเท่านั้น แต่ด้วยเหตุใดก็ตามเราอาจจะไม่ได้เข้าวัดไปทำบุญมากเท่าที่ควร เพราะถึงแม้วัดไทยใน USA จะมีอยู่บ้างก็ตาม ผลบุญที่เราสะสมมาจึงไม่พอให้เราไปถึงที่ที่เราต้องการได้ โอเค เรื่องของเรื่องก็คือเป็นเพราะ government shutdown เส้นทางที่เราจะไปจึงถูกปิด ทางร้านจึงแนะนะให้เราไป hiking อีกที่หนึ่งที่ยังเปิดอยู่ ซึ่งหารู้ไม่ว่าเราจะต้องเช่า snow shoes รองเท้าแบน ๆ ที่ใส่เข้าไปหลังเราใส่ snow boots มีลักษณะเป็นตีนเป็ดที่เรียกได้ว่าใส่แล้วก็เกิดคำถามในหัวว่าเราจะเดินยังไง และอีกอย่างก็คือ poles สิ่งนี้คือไม้คำยันที่จะช่วยพยุงตัวเราไปถึงฝั่งฝันได้ นับว่าเป็นการ hiking ที่อุปกรณ์ครบมือที่สุดในชีวิตจริง ๆ กลับกันถ้าเรามาที่นี่ในหน้าร้อนนะ hiking shoes คู่เดียวอยู่เลย แต่ไม่เป็นไรฮะ เรารู้สึกเหมือนเป็น hiker ตัวจริงมาก และสิ่งที่เราจะไปพิชิตในวันนี้ก็คือ Twin sisters peak แปลแบบไทย ๆ ก็คือ ยอดเขาพี่น้องฝาแฝดสาว นั่นเอง ...เราว่าไม่แปลจะดีกว่าเนอะ เรียกเขาว่า Twin sisters peak เหมือนเดิมแหละ เมื่อทำการเช่าอุปกรณ์เสร็จแล้วเราก็พุ่งตรงกันไปที่จุดเริ่มต้นนั่นก็คือลานจอดรถนั่นเอง มีรถอยู่สองคันมาจอดอยู่ก่อนหน้าเราแล้ว แสดงว่าเรามีเพื่อน โล่งใจ ถึงจะมีแค่สองคันในลานกว้างที่จอดได้เป็นสิบก็เถอะ และแล้วก็ถึงเวลาที่เราต้องใส่อุปกรณ์ทั้งหลายที่คาดว่าจะช่วยให้การเดินป่าของเราในครั้งนี้ง่ายขึ้น ชุดที่พร้อมเดินป่าของพวกเราก็จะเป็นดังภาพค่ะ กระนั้น ถึงชุดจะพร้อมขนาดนี้ ถุงเท้าสองชั้นขนาดนี้ เท้าเราก็ชาตั้งแต่ยังไม่เริ่มเดินเลยครับทุกท่านนนน บอกตรง ๆ เลยว่าตีนเป็ดนั้นทำให้เราคิดในใจตลอดเวลาว่า Are you really helping me? ฮ่า ๆ แต่พอเดินไปสักพักความมีประโยชน์ของน้องตีนเป็ดที่เราไม่เห็นคุณค่าในตอนแรกนั้นก็ปรากฎขึ้นอย่างทันทีทันใด เมื่อเส้นทางที่เป็นเพียงเกล็ดหิมะนุ่ม ๆ เริ่มผันตัวเองเป็นน้ำแข็ง และมีบางจังหวะที่ถ้าเราไม่มีน้องตีนเป็ดสุดที่รักเราจะต้องลื่นหัวคะมำอย่างแน่นอน รวมถึงน้อง Poles ที่เกาะน้ำแข็งได้ดีเช่นกัน เรียกว่าพยุงตัวเราที่พร้อมถไลไปตามธารน้ำแข็งตลอดเวลาให้ยืนหยัดสู้กับมันและเดินต่อไปได้ เราเริ่มเดินเวลาประมาณ 10 โมงเช้า แดดอ่อน ๆ กำลังดี แต่พอเดินไปสักพักหิมะก็ตกลงมาเบา ๆ ซึ่งเป็นครั้งแรกของเราอีกเช่นกันที่ได้เห็นหิมะ 5 แฉก ที่เราอาจจะเคยให้ในการ์ตูน Disney อย่าง Frozen มันสวยมากจริง ๆ ถึงจะแลกมาด้วยความหนาวเหน็บก็ตาม เราเดินบ้างพักบ้างไปตามเท่าที่ร่างกายของทุกคนจะไหว และแล้วเราก็รู้สึกว่าพวกเรานั้นเดินช้าไปนิดเมื่อกลุ่มคนที่ขึ้นไปก่อนทยอยลงมาและบอกเราว่าอีกนิดเดียวเท่านั้น พวกเรามีกำลังใจขึ้นมาทันที แต่เมื่อเดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงยอดจึงทำให้รู้ว่า นั่นเป็นเพียงการให้ความหวังเท่านั้น เพลงมาค่ะ! เมื่อเวลามาถึงบ่าย 2 กำลังจะเข้าบ่าย 3 พวกเราจึงตัดสินใจพักทานข้าวเที่ยง ใช่ค่ะ ข้าวเที่ยงตอนบ่าย 3 เท่านั้นไม่พอ ข้าวผัดที่ใส่กระเป๋ามานั้นกลายเป็น Frozen fried rice เปิดประสบการณ์สุด ๆ ไปเลยค่ะท่านผู้ชม ถึงอย่างไรก็ตามพวกเราก็ต้องทานเพื่อนที่เราจะเดินต่อได้ ซึ่งมันไม่แย่ซะทีเดียว เย็นดี TT และเมื่อเราทานเสร็จจึงตัดใจไม่เดินต่อเพราะเพลาได้เคลื่อนมาถึงบ่าย 3 แล้ว เกรงว่าจะมืดเสียก่อน แล้วเราจะมองไม่เห็นทาง เราจึงตัดสินใจเดินลงค่ะทุกคน ซึ่งอย่าเรียกว่าเดินเลย ให้เรียกว่า ถไลตัวลงดีกว่า เพราะหิมะที่ตกลงมาก่อนหน้ามันเริ่มละลาย ซึ่งแก๊งเราก็ลื่นกันไปหลายฉาก และเราต้องทำเวลากันสุด ๆ อีกแล้ว เพราะฟ้าเริ่มมืด แสงเริ่มหมด ด้วยความเป็นหน้าหนาวด้วย 5 โมงเย็นก็แทบจะมืดสนิทแล้ว และแล้วเราก็มาถึงลานจอดรถฮะทุกคน ปรบมืออออ ท่ามกลางฟ้าที่มืดสนิท หมดแรงไปตาม ๆ กันเลย ถึงแม้ว่าเราจะไปไม่ถึงยอดเขา แต่นี่เป็นประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้เลยสำหรับเรา อะแฮ่ม ๆ เราต้องขอบคุณน้องตีนเป็ดและน้อง poles ด้วยที่ทำให้การเดินป่าครั้งนี้ของเรา complete DAY 6 แล้ววันสุดท้ายของทริปนี้ก็มาถึง เป็นวันที่เราแพลนจะขับรถถ่ายรูปเล่นกันชิล ๆ ก่อนเราจะไปสนามบินและทุกคนจะแยกย้ายกัน... ที่แรกของเราจึงเริ่มที่ ร้านซักผ้า ใช่ค่ะ เสื้อผ้าของพวกเราต้องการ laundry สิ่งที่เด็ดตรงนี้ก็คือ วิวสวยมาก ๆ เรารัก Colorado ก็ตรงนี้ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ภูเขา มันสบายตาจริง การเที่ยวแบบ Road trip มันดีอย่าง หนึ่งก็คือ เราจะได้เห็นวิว Landscape ของสถานที่นั้น ๆ อย่างชัดเจน หากเราอยากจะหยุดถ่ายรูปตรงไหนก็สามารถหยุดได้ตามใจเราเลย เพราะรถคันนี้เป็นของเรา และการถ่ายรูปวิวจากบนรถนั้นเป็นอะไรที่เราชอบมาก เพราะมันทำให้รูปดูเหมือนมีมิติ เราอาจจะเป็นคนเดียวที่เข้าถึงศิลปะตรงนี้ ฮ่า ๆ เมื่อเราเดินทางมาจนถึงวันสุดท้ายทริปนี้ก็ต้องจบลง เราต่างก็แยกย้ายกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง แต่สิ่งที่ยังอยู่ก็คือความทรงจำที่เราสร้างมันด้วยกัน ทริปนี้เป็นทริปหนึ่งที่เราได้ทำอะไรที่ไม่เคยเยอะมาก ๆ รวมถึงเปิดโอกาสให้เรารู้จักกันมากขึ้น และครั้งหน้าเราจะพาทุกคนไปเที่ยวที่ไหนอีก อย่าลืมติดตามกันน้าาาา