คำถามไม่ใช่ "ใคร" หรือ "ที่ไหน" แต่เป็น..."เมื่อไหร่..?"ความลี้ลับของกาลเวลา ปริศนาที่แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ระดับโลกก็ยังไขคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ เป็นที่มาอันน่าหลงใหลของการต่อยอดทางจินตนาการ เกิดเป็นเรื่องราวชวนพิศวง ทว่าน่าติดตาม ของซีรีส์คุณภาพคับแก้วอย่าง "Dark" ที่ล่าสุดได้ถูกโหวตให้เป็น “Netflix Original Series ที่ดีที่สุดตลอดกาล” จากเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Rotten Tomatoes หรือที่หลายคนอาจคุ้นหูกับชื่อ "เว็บมะเขือเน่า" กับไอคอนมะเขือสีม่วงนั่นเองค่ะ โดยได้คะแนนโหวตมากถึง 80% จากทั้งหมด 2.5 ล้านเสียง แซงหน้าแชมป์เก่าอย่าง Black Miror และซีรีส์ยอดนิยมอย่าง The Crown หรือ Stranger Things ไปอย่างขาดลอย เพื่อน ๆ สามารถดูผลโหวตได้ ที่นี่ นับว่าเป็นปรากฎการณ์ของวงการซีรีส์ที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ กับผลโหวตล่าสุด แต่ก็ไม่ได้น่าแปลกใจนัก เพราะ Dark นับเป็นผลงาน Masterpiece เรื่องหนึ่งของ Netflix เลยล่ะค่ะ ความซับซ้อน คาดเดาได้ยาก และแปลกใหม่ของบท ทิ้งปริศนาไว้ให้ค้างคาแทบจะทุก Episode และความตื่นเต้นเมื่อปมต่าง ๆ ค่อย ๆ ถูกเฉลย ถึงกับยกระดับคำอุทานขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกตอนที่ดู ทำให้ผู้ชมต่างก็ติดหนึบ สวมวิญญาณนักสืบไขปริศนากันอย่างเมามันส์ทีเดียว บทความนี้ขอเอาใจสาย Sci-fi ที่รักการท่องกาลเวลา ชวนคุณมาทำความรู้จักกับซีรีส์ที่หากเผลอดูต้องได้กุมขมับกับความซับซ้อนซ่อนเงื่อน เลื่อนผ่านไม่ได้เลยสักจุด และหยุดดูไม่ได้เลยจริง ๆ " D A R K "Dark เป็น Original Netflix Series สัญชาติเยอรมัน แนว Sci-fi Thriller บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองวินเดน กับปริศนาคดีการหายตัวไปอย่างลึกลับของคนในเมือง ซึ่งน่าแปลกตรงที่,uเหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้นเมื่อระยะเวลาครบรอบ 33 ปี รวมทั้งปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ อย่างการที่นกที่บินอยู่บนฟ้าต่างก็ร่วงหล่นลงมาตายพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เหมือนกับเมื่อ 33 ปีก่อนไม่มีผิดเพี๊ยน! โดยมีถ้ำแห่งหนึ่งในเมืองวินเดนเป็นจุดเชื่อมโยงของคดีหายตัว โจนาส เด็กหนุ่มในฮู้ดสีเหลือง คือตัวละครหลักของเรื่อง หลังจากเสียพ่อไปจากการฆ่าตัวตาย โดยไม่เคยได้ทราบสาเหตุการจากไปของพ่อ ทำให้โจนาสเริ่มต้นค้นหาบางอย่างเพื่อคลายความค้างคาใจ แต่หารู้ไม่ว่า การจากไปของพ่อเป็นจุดเริ่มต้นที่นำให้เขาเดินทางเข้าสู่วังวนความลี้ลับและเงื่อนงำอันซับซ้อนของกาลเวลา ในส่วนของเนื้อเรื่องบอกเลยว่าเกริ่นมากไม่ได้จริง ๆ ค่ะ เกรงว่าจะเสียอรรถรสในการรับชม เพราะฉากหักมุม เฉลยปมสุดช็อคนั้นมีอยู่เรื่อย ๆ และบางเหตุการณ์ บางคำพูดของตัวละครในแต่ละฉาก ก็เป็นส่วนหนึ่งที่นำไปสู่การเฉลยปมแบบที่เรามักจะมองข้าม Concept ของเรื่อง ที่มักจะถูกพูดถึงบ่อย ๆ และใช้เป็นประโยคในโปสเตอร์โปรโมทคือ "Everything is conected ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนเชื่อมโยงกัน" เป็นแนวคิดตามทฤษฎีสมคบคิดด้านจักรวาลวิทยาที่มีการพูดถึงกันอยู่ในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบในปรัชญาว่าด้วยการดำรงอยู่ของโลกใบนี้ โดยซีรีส์ได้สื่อสารออกมาในเนื้อเรื่องด้วยแนวคิดดังกล่าว ว่าเวลาไม่ได้เดินเป็นเส้นตรง แต่เดินเป็นวงกลม มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดเป็นจุดเดียวกัน เมื่อถึงวาระที่ครบรอบวงกลม (ในเรื่องคือทุก 33 ปี) ทุกสิ่งจะต้องเริ่มใหม่ ในรูปแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เพียงต่างกรรมต่างวาระ ต่างตัวแสดง ซีรีส์ค่อนข้างนำทฤษฎีต่าง ๆ มามัดยำรวมกันเยอะพอสมควรเลยค่ะ ทั้งการดำรงอยู่ของจักรวาล ความลี้ลับของเวลา การเดินทางข้ามเวลา รวมไปถึงความเชื่อทางศาสนา ความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลก หรือ Apocalype ตามพระคัมภีร์ไบเบิล เรียกว่าใครที่ชื่นชอบแนวนี้ได้จินตนาการกันเต็มอิ่มจุใจแน่นอน แต่แม้จะยัดลงไปยำกันจนเยอะแค่ไหน ก็เป็นการยำที่กลมกล่อม ยิ่งเสพยิ่งซู้ดยิ่งฟินเลยล่ะค่ะ ฮ่า ๆDark เป็นซีรีส์ที่หากคาดหวังความเพลิดเพลินก็อาจจะต้องผิดหวัง แต่สำหรับใครที่รู้สึกเบื่อ ๆ อยากหาความท้าทายล่ะก็ ซีรีส์เรื่องนี้ตอบโจทย์คุณแน่นอน ฮ่า ๆ ๆ เนื่องจากเป็นเรื่องราวที่ชูโรงประเด็นของการเดินทางข้ามเวลา การดำเนินเรื่องจึงจะสลับไปมาในแต่ละยุค และตัวละครในเรื่องก็มีหลายช่วงวัย ซึ่งชวนปวดหัวอยู่พอตัว ยิ่งดูก็ยิ่งมีตัวละครปริศนาใหม่ ๆ โผล่เข้ามาเรื่อย ๆ คาดเดายากมาก ผู้ชมเองก็ได้รู้เฉลยไปพร้อม ๆ กับตัวละคร ลุ้นไปด้วย ช็อคไปด้วย ประหนึ่งว่าเป็นเรื่องราวของเราเสียเอง หากอยากรู้คำตอบก็ต้องดูต่อเท่านั้น ตามที่เนื้อเรื่องชักจูงเราไป เรียกว่าเป็นจุดวัดใจเลยทีเดียวค่ะ ใครไม่ชอบความลี้ลับซับซ้อนก็อาจจะถอดใจเอาดื้อ ๆนอกจากตัวบทที่แปลกและการผูกเรื่องได้ขั้นเทพแล้ว เรื่องที่น่าชื่นชมอีกเรื่องคือการแคสติ้งนักแสดงค่ะ นักแสดงแต่ละท่านในแต่ละช่วงวัย มีหน้าตาท่าทางที่คล้ายกันมาก จนผู้ชมเชื่อได้ว่าคือคนเดียวกันจริง ๆ แต่ตัวซีรีส์ก็ไม่ได้เฉลยตรง ๆ ไปหมดซะทุกคนหรอกนะคะ หลายตัวละครก็ถูกเนื้อเรื่องหลอก จนก่อเกิดเป็นการวิเคราะห์ไปต่าง ๆ นา ๆ อย่างสนุกสนานของผู้ชม ปนความปวดหัวหน่อย ๆ ด้วย ฮ่า ๆ ๆ และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือซาวด์แทร็คประกอบ ที่เพิ่มอารมณ์ให้กับเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดีทีเดียวMood & Tone ของซีรีส์ก็สมชื่อเลยค่ะ Dark มากจริง ๆ ใครที่ไม่ชอบภาพสีทึม ๆ ก็อาจจะเซ็งหน่อย เพราะแม้จะเป็นเวลากลางวัน ภาพก็ยังให้ความรู้สึกหม่นหมองทึบทึม เสมือนว่าเมืองวินเดนถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งชั่วร้าย แต่ก็เป็นความสมจริงของเรื่องนะคะ เพราะเมืองนี้เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าที่เกิเหตุระเบิด บรรยากาศจึงดูคละคลุ้งไปด้วยสารกัมมัตภาพรังสี และโรงไฟฟ้านี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเชื่อมโยงสำคัญของเรื่องเช่นกัน ต้องบอกเลยว่า แต่ละไอเทมวัตถุสิ่งของหรือสถานที่ที่ปรากฎในเรื่อง ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ สามารถเชื่อมโยงกันเชิงสัญลักษณ์ได้ทั้งเรื่องเลยจริง ๆ มี Easter Egg ซ่อนอยู่เยอะมาก เป็นที่สนุกสนานในการตีความของผู้ชมที่สวมวิญญาณนักสืบซีรีส์เชียวล่ะค่ะDark ตอนนี้เดินทางมาถึง Season 3 แล้วล่ะค่ะ โดยมีกำหนดฉายใน Netflix ประเทศไทย วันที่ 27 มิถุนายน 2020 ใครที่ยังไม่เคยชม ต้องรีบแล้วล่ะ เพราะไม่อย่างนั้นจะหลบสปอยล์ตาม Social Media ได้ยากนะบอกไว้ก่อน ส่วนใครที่เคยชมแล้ว หากมีเวลาอาจต้องย้อนดูซ้ำอีกรอบ เพราะความซับซ้อนของเนื้อเรื่องที่หลายคนอาจลืมไปแล้ว ไหนจะ Easter Egg ที่ต้องกลับไปเก็บรายละเอียดเพิ่มอีก หรือหากไม่มีเวลา เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยน และทบทวนเนื้อเรื่องใน Season 1 และ 2 รวมถึงอ่านทฤษฎีน่าสนใจจากการวิเคราะห์ของสมาชิกท่านอื่น ๆ ได้ที่กรุ๊ป Dark Netflix Thailand Fanclub ได้เลยค่า บอกเลยว่าวงการ Dark เข้าแล้วออกยากมาก เพราะหาทางออกไม่เจอสักทีถ้าปริศนาไม่ถูกเฉลย ฮ่า ๆ ๆสำหรับความเข้มข้นน่าติดตามของ Dark ให้ไปเลย 10/10 ไม่หัก อย่าลืมชม SS3 ซึ่งเป็นบทสรุปของทุกปริศนาที่รอคอยกันมานาน ความลี้ลับของกาลเวลากำลังจะถูกเปิดเผยแล้วในเร็ว ๆ นี้ ติดตามกันได้ทาง Netflix ค่า"Everything is Connected.." ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนเชื่อมโยงกัน.. เรื่อง : ดารัณ พันสวะนัด (ผู้เขียน)ขอบคุณภาพประกอบจาก Dark Official Page : ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 (Netflix Trailer) / ภาพที่ 4 (Netflix Thailand Page)