ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเราแทบ 100% นำพาโลกใบนี้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ บวกกับการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดอย่างไม่หยุดยั้ง แน่นอนว่าย่อมกระทบต่อวิถีชีวิตของมนุษย์อย่างเราๆท่านๆโดยตรง แต่นั่นแค่ปัญหาเล็กๆเมื่อเทียบเจ้าของธุรกิจน้อยใหญ่ที่ต้องปรับตัวกันเพื่อความอยู่รอดเมื่อโดน Disrupt บอกได้เลยว่า ถ้าคุณยังมั่นใจในความคิดเดิมๆ ยึดติดกับสิ่งเดิมๆ คุณเตรียมผ้าเช็ดน้ำตาไว้ได้เลยครับ Digital Disruption คืออะไร ? Disruption หากจะแปลตามตรงก็คือ “การหยุดชะงัก”บางคนก็แปลว่า “การปฏิรูป” เมื่อรวมกับคำว่า “Digital Disruption” จึงมีความหมายว่า “สภาวะที่องค์กรหยุดชะงักด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว” บางคนก็ให้ความหมายว่า “การปฏิรูปหรือเปลี่ยนแปลงองค์กรที่เกิดจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล” การให้ความหมายดังกล่าวอาจทำให้หลายคนเข้าใจยาก หากจะพูดแบบภาษาชาวบ้านทั่วไป Digital Disruption ก็คือ การเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม การศึกษา การเงินการธนาคาร การค้าการลงทุน สื่อสิ่งพิมพ์ และอื่นๆ อันเกิดจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในองค์กร การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลให้ทุกวงการต้องปรับตัวเพื่อให้องค์กรของตนอยู่รอดได้ โดยอาศัยเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีในการสื่อสาร, Cloud, Big Data, Robotics, Machine Learning, AI และอื่นๆ เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจหรือบริหารจัดการองค์กร แต่ Digital Disruption อาศัยเพียงแค่เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเดียวไม่เพียงพอ วิสัยทัศน์ของผู้นำองค์กรและความร่วมมือของบรรดาสมาชิกในองค์กรก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน ดังนั้น Digital Disruption กำลังกลายเป็นปัจจัยที่ส่งผลอย่างรุนแรงต่อทุกองค์กรทั้งในภาคการผลิต ภาคบริการ ภาครัฐ และภาคเอกชน การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เกิดขึ้น เช่น การเติบโตของ Fintech, Startup, การปิดตัวของนิตยสารและสื่อสิ่งพิมพ์ และที่กำลังได้รับความสนใจ Uber และ Grab สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจาก Digital Disruption แทบทั้งสิ้น Disrupt หมายถึง การหยุดชะงัก Digital Disruption คือภาวะที่เทคโนโลยีทำให้เกิดการหยุดชะงัก ส่งผลต่อธุรกิจทุกแขนง วันนี้เราจะมาพูดถึงการโดน Disrupt แบบที่เห็นภาพง่ายๆและเข้าใจที่สุดกัน ตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงที่ได้รับผลกระทบอย่างเด่นชัดที่สุด คือ ธุรกิจการพิมพ์หรือ "หนังสือพิมพ์" นั่นเอง ปฎิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือยุคอวสานของหนังสือพิมพ์อย่างแท้จริง สืบเนื่องจากการกำเนิดของมือถือ Smart Phone เมื่อหลายปีที่แล้ว ผู้คนสามารถรับข่าวสารจาก Internet ผ่านช่องทาง Social media ไม่ว่าจะเป็น Facebook Line Twitter รวมถึง Website ต่างๆ ที่สามารถป้อนข่าวสารให้แก่ผู้บริโภคแบบ Real time นาทีต่อนาที ต้องปรับตัวอย่างไร ในยุค Digital Disruption ? ในปี 2562 มีบริษัทในไทยปิดกิจการไปแล้วกว่า 1,500 แห่ง ปฎิเสธไม่ได้ว่า ส่วนหนึ่งมาจากการโดน Disrupt หรือไม่ยอมปรับตัวนั่นเอง ไม่ต้องมองไกลเลยครับ ทุกวันนี้ ผู้คนแทบไม่ต้องเดินออกไปช็อปปิ้งในห้างหรือร้านดังๆ เพราะว่ามี Startup ขาใหญ่อย่าง Lazada และ Shopee ยิ้มหวานรอให้กดสั่งซื้อบนโทรศัพท์อยู่แล้ว ร้านอาหารไม่จำเป็นต้องจัดร้านให้ดูเวอร์วังอลังการอีกต่อไป ในเมื่อมีบริการ Delivery อย่าง Grab Lineman Foodpanda และ GET รอให้กดสั่งอาหารบนเมนูผ่านทางโทรศัพท์ เห็นไหมครับว่า ตัวอย่างที่เรายกมาข้างต้นนั้นใกล้ตัวเราเหลือเกิน Digital Disruption ไม่ได้เป็นศัตรูกับเราซะทีเดียว มันคือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น หน้าที่หลังจากนี้คือการปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ เป็นยุคที่ต้องอยู่กับเทคโนโลยี ศึกษาควบคู่กันไปโดยไม่หยุดนิ่ง ปรับตัวให้เร็วและเผชิญหน้ากับมัน เชื่อเหลือเกินว่าจะมีนวัตกรรมใหม่ๆในอนาคตที่พร้อมจะเปลี่ยนโลกเราไปอีกขั้นแน่นอนครับ. ข้อมูลเพิ่มเติมจาก : https://www.kirz.com/post/digital-disruption-and-transformation รูปภาพจาก : https://pixabay.com/th/