ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่าหนังคือหนึ่งในความบันเทิงหลักของโลกยุคปัจจุบัน แต่ละคนล้วนชอบหนังในแนวทางของตนเอง อาทิเช่นใครชอบเรื่องรักโรแมนติก ก็ต้องเคยดู ชู้รักเรือล่มหรือไททานิค ใครนิยมเสพอะไรที่ดิบเถื่อนรุนแรง แนะนำให้ดูเรื่องซอว์ เกมต่อตาย ตัดเป็น และถ้าใครที่ชื่นชอบหนักตลก เบาสมองที่แฝงแง่คิด ก็ลองติดตามฟอร์เรสท์ กัมพ์ แต่ถ้าใครอยากดูสุดยอดหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่ เห็นจะไม่พ้นหนังจากค่ายมาร์เวล สตูดิโอ เป็นแน่ อันที่จริงถึงผมจะไม่อธิบายอะไรให้มากความ ทุกคนก็ควรจะรู้อยู่แล้วว่ามาร์เวลคืออะไร เพราะความยิ่งใหญ่ของพวกเขาในเวลานี้ มันไม่เคยมีใครก้าวมาถึงจุดนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการทำหนังที่มีรายได้สูงสุดตลอดกาล เกมของตัวเอง สวนสนุกส่วนตัว ของเล่นที่ทำมาจากตัวละครในหนัง การโชว์ตัวของดารานำตามสถานที่ต่างๆ ทุกสิ่งล้วนการันตีถึงความเป็นแบรนด์ชั้นเลิศของพวกเขา ทว่าหลายคนกลับไม่ล่วงรู้ว่า….ก่อนที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ พวกเขาต้องผจญกับอะไร ในปีค.ศ.1939 มาร์เวลเริ่มต้นจากการเป็นสำนักพิมพ์เล็กๆที่เขียนการ์ตูนแนวซุปเปอร์ฮีโร่ ผู้ก่อตั้งก็คือ มาร์ติน กูดแมน การ์ตูนเรื่องแรกที่ตีพิมพ์ออกมาก็คือ ฮิวแมนทอร์ชและนามอร์ เดอะซับมารีเนอร์ ในปีค.ศ. 1941 กัปตันอเมริกาก็ถือกำเนิดขึ้นมา กัปตันอเมริกาเป็นการ์ตูนที่สามารถปลุกใจคนอเมริกาให้เผชิญหน้ากับสงครามโลกครั้งที่สองได้อย่างเต็มภาคภูมิ นับเป็นการ์ตูนที่มียอดขายสูงมากจนแตกแยกยอดกลายเป็นละครทีวีในตอนนั้น เวลาต่อมา มาร์ติน กูดแมนได้ว่าจ้างให้ สแตนลีย์ ลีเบอร์ เข้ามาเป็นผู้ช่วยสำนักงานทั่วไป ก่อนจะผลักดันให้สแตนลีย์เข้ามาเป็นบรรณาธิการชั่วคราวซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการเขียนบท โดยใช้นามปากกาว่า สแตนลี แสตนลีได้เขียนบทการ์ตูนเรื่องแรกของตัวเอง นั่นก็คือ เดสทรอยเยอร์ การ์ตูนเรื่องนี้ได้ผลตอบรับกลับมาดีพอสมควร จึงทำให้สแตนลีได้มีโอกาสสร้างสรรค์ซุปเปอร์ฮีโร่อื่นๆอีกมากมาย นับเป็นยุคทองของวงการคอมมิคโดยแท้ เมื่อกาลเวลาผ่านมาถึงยุค 90 ก็เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ยอดขายของมาร์เวลตกลงถึง 70 เปอร์เซ็นต์จนต้องยื่นขอล้มละลายในปีค.ศ. 1996 แต่แล้วในปีค.ศ. 2000 เควิน ไฟกีก็เข้ามาช่วยกิจการของบริษัท พวกเขาขายลิขสิทธิ์ของซุปเปอร์ฮีโร่ให้ค่ายหนังเอาไปทำเป็นภาพยนตร์ และพอเห็นช่องทางการเจริญเติบโต พวกเขาก็เปลี่ยนวิธีการอีกครั้ง พวกเขาควานหาทุกสิ่งที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ นักแสดง คนเขียนบท พร้อมจัดตั้งบริษัทมาร์เวล สตูดิโอเพื่อสร้างหนังของตนเอง เรื่องแรกที่ฉายสู่สายตาชาวโลกก็คือไอรอน แมน ในปีค.ศ. 2008 อันเป็นหนังที่สร้างรายได้อย่างมหาศาล ต่อจากนั้นการเดินทางสู่ความยิ่งใหญ่ของมาร์เวลก็เริ่มต้นขึ้น ในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา มาร์เวลผลิตหนังออกมาหลายสิบเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นกัปตันอเมริกา,ไอรอนแมน,เทพเจ้าสายฟ้า ธอร์,ยักษ์เขียวจอมพลัง ฮัลค์,ดร.สเตรนจ์ และอื่นๆอีกมากมาย ทุกเรื่องที่ฉายล้วนโด่งดังและสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เรื่องที่สร้างรายได้สูงสุดตลอดกาลก็คือ….. Avenger The Endgame เหตุที่มาร์เวลสามารถครองใจคอหนังที่เข้ามาดูได้ น่าจะเป็นเพราะพวกเขาออกแบบเนื้อเรื่องในลักษณะที่เป็นมิตรต่อผู้คน สามารถดูแล้วอินได้ทุกเพศทุกวัย มีความขบขำ สนุกสนานที่แฝงแง่คิดดีๆ อีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญก็คือ….การรวมหนังทุกเรื่องให้เป็นจักรวาลเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้ผู้ดูภาพยนตร์เกิดความผูกพันในตัวละครที่ติดตามและเชื่อว่าตัวละครนั้นมีอยู่จริง นับได้ว่ามาร์เวลคือผู้เปิดมิติใหม่แห่งวงการหนังโดยแท้ ปัจจุบันมาร์เวลผลิตหนังออกมาแล้วถึง 23 เรื่อง และยังมีโครงการหนังที่เตรียมสร้างอีกนับสิบ บอกตามตรง ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าหนังลำดับถัดมาของพวกเขาจะรุ่งหรือจะร่วง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะสื่อและอยากให้มองมาร์เวลเป็นตัวอย่างก็คือ……จิตใจนักสู้ พวกเขาเริ่มต้นจากศูนย์ ต่อมาก็ก้าวถึงจุดสูงสุด โด่งดัง ร่ำรวย ขยายธุรกิจถึงขั้นโลดเเล่นในตลาดหุ้น พอโลกเข้าสู่ภาวะตกต่ำ พวกเขาก็ล้มละลาย และพลิกฟื้นตัวเองด้วยเส้นทางสายใหม่ นั่นก็คือการเข้าสู่วงการภาพยนตร์ มันเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงจิตใจที่ไม่ยอมแพ้และความคิดสร้างสรรค์อันเป็นเลิศ มันทำให้คุณและผมหรือใครๆบนโลกนี้ได้รับรู้ว่า….ถ้าเราไม่ยอมแพ้และมองหาหนทางที่จะเอาชนะอยู่ตลอด เราก็จะพบบันไดสู่ความสำเร็จเฉกเช่นที่มาร์เวลเคยทำ ติดตามบทความและนิยายทั้งหมดของผมและบทความในรูปแบบวิดิโอได้ที่https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriterhttps://www.youtube.com/watch?v=EJLeZEwvZIgขอขอบคุณภาพประกอบจากภาพหน้าปกจากเว็บ https://www.marvel.comภาพที่ 1 จากเว็บ https://www.marvel.comภาพที่ 2 จากเว็บ https://www.marvel.comภาพที่ 3 จากเว็บ https://www.marvel.comภาพที่ 4 จากเว็บ https://www.marvel.com