"ข่าวปลอม" มักเดินทางไปได้ไกลกว่า "ข่าวจริง" เสมอ ยิ่งสังคมเป็นของคนหมู่มากเท่าใด ข่าวสารก็ทำงานได้ผลมากขึ้นเท่านั้น แต่ข่าวสารที่ว่าก็ไม่ได้จำกัดอยู่ด้วยว่าเป็นข่าวที่ถูกต้องแม่นยำเพียงใด Social Media เกิดมาร่วม ๆ สิบปี พร้อมกับข่าวปล่อย ข่าวปลอม ที่เกิดขึ้นเป็นเงาตามตัว ยิ่งในสภาพสังคมปัจจุบันด้วยแล้ว สถานการณ์ความเลวร้ายต่าง ๆ เหตุการณ์แปลก ๆ ก็ยิ่งทำให้ข่าวปลอม ข่าวลวง ทำงานได้ผล เพราะคนทั่วโลกนั้นเป็นโรคตื่นตระหนกมากขึ้น แต่การใช้ช่องทาง Social Media ต้องการความรวดเร็วของข้อมูลและการแย่งชิงการนำของพื้นที่ข่าวสาร ทุกวันนี้เราเปิดมือถือ แท็บเล็ต หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้นมา อ่านข่าวสักข่าวหนึ่ง เราตอบกันได้หรือไม่ว่าเป็นข่าวจริง หรือข่าวปลอม Fake News ที่ตัดต่อภาพ คลิปวิดีโอ ตกแต่งเนื้อหา เพียงเพื่อหวังความสนุก หรือเพียงเพราะต้องการเพิ่มยอดไลค์ ยอดแชร์ ยอดถูกใจกันแน่? รู้ตัวอีกทีเราอาจจะเป็นคนแชร์ข่าวปลอมต่อ ๆ กันไปให้เพื่อนโดยไม่รู้ตัวไปแล้วก็เป็นได้ ผลสำรวจที่บอกว่าคนไทยอ่านเนื้อหาข่าวสั้นมาก และขาดการตรวจสอบที่มา จึงเป็นสาเหตุให้ Fake News ทำงานอย่างได้ผลและรวดเร็ว เพียงแค่พาดหัวข่าวให้แรง ๆ หรือตัดต่อภาพให้ดูสะใจ ขอบคุณภาพประกอบ pxhere ในทางกลับกันถ้าเราแชร์ข่าวจากการอ่านข่าวโดยไม่ตรวจสอบแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ อย่างข่าวที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ กรณีกราดยิงที่โคราช ข่าวฆาตกรรมอื่น ๆ หรือข่าวภัยพิบัติธรรมชาติ จะส่งผลร้ายแรงต่อคนในพื้นที่ขนาดไหน หรือข่าวคนที่ทำผิดโดยการไม่ได้ตรวจสอบ แต่แชร์กันออกไปแล้วเป็นหมื่นแชร์ ทั้ง ๆ ที่ปรากฏตอนหลังว่าคน ๆ นั้น ไม่ใช่คนทำผิด เขาจะทำอย่าไงไร ในเมื่อสังคมพิพากษาไปแล้ว การล่าแม่มดเกิดขึ้นแล้ว ถูกดูหมิ่น ถูกประจาน ถูกเกลียดชังไปแล้ว สุดท้ายก็กลายเป็น Cyberbully กลายเป็น Hate Speech ไปได้อีก เพราะฉะนั้นการตรวจสอบข่าวจากแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องน่าเชื่อถือจึงเป้นเรื่องสำคัญมากในโลกยุคสมัยนี้ เพื่อที่ตัวเราเองก็จะได้ไม่กลายเป็นเหยื่อไปกับเขาด้วย และยังจะได้ช่วยให้คน หรือสังคมไม่ได้รับผลกระทบไปกับข่าวปลอม Fake News ขอบคุณภาพประกอบจาก rawpixel.com / pxhere ภาครัฐของไทยก็ได้ตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake news Center) ขึ้นมา รวมทั้งเอกชนหลายหน่วยงานก็ได้สร้าง เว็บไซต์สำหรับตรวจสอบข่าวปลอมขึ้นมามากมาย Fake News อาจจะไม่ได้เจาะจงเพียงเฉพาะข่าวปลอมเท่านั้น เพราะรวมไปถึงการนำเสนอข้อมูลไม่รอบด้านแบบจงใจบิดเบือนด้วย การแอบอ้างคำพูดที่ไม่ตรงกันด้วย แม้แต่การตัดต่อผลวิจัยต่าง ๆ มาใช้เพื่อผลประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ก็ถือเป็น Fake News ด้วยเช่นกัน ผลกระทบของ Fake News นั้นกินวงกว้างเกินกว่าจะประมาณค่าได้ ในส่วนของบุคคลทั่วไปอาจจะถึงขั้นอยู่ในสังคมไม่ได้ ในส่วนของสังคมอาจจะสร้างความขัดแย้งจนลุกลามบานปลาย หรือบางเรื่องอาจจะส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ขอบคุณภาพประกอบ pxhere การช่วยกันตรวจสอบข้อมูลข่าวสารในยุคปัจจุบันนี้ที่ข่าวสารเดินทางรวดเร็ว เป็นเรื่องที่คนในสังคมต้องช่วยกัน เช็คข่าวจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ อาจจะตรวจสอบจากหลาย ๆ แห่งก่อน สำนักข่าวที่น่าเชื่อถือ หน่วยงานของรัฐ ฯลฯ อย่างกรณีโรคระบาดก็ควรตรวจสอบจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข หรือหน่วยงานโรงพยาบาล Fake News บางครั้งก็มาในรูปแบบข่าวเก่า โดยมีจุดประสงค์ให้เกิดความแตกตื่น หวังประโยชน์แอบแฝงกับความตื่นกลัว หากอ่านข่าวก็ควรตรวจสอบวันที่การนำเสนอข่าวให้ชัดเจน หาข้อมูลมาประกอบที่แน่นอน ตอนนี้มีหลายหน่วยงานที่เป็นที่นิยมในการใช้ตรวจสอบข่าวสาร และเช็คความผิดพลาดอย่าง Facebook SureAndShare ชัวร์ก่อนแชร์ ของสำนักข่าวไทย อสมท หรือตามข่าวสารได้ทางเว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com การเผยแพร่ข่าวปลอมเพื่อสร้างความตื่นตระหนก นอกจากเราจะตกเป็นเหยื่อเองแล้ว เราอาจจะกลายเป็นผู้ที่สร้างข่าวเท็จ บิดเบือน และร่วมเผยแพร่ในสังคม Social Media แล้ว ยังอาจจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นการใช้งานจึงควรเพิ่มความระมัดระวัง รู้เท่าทันสถานการณ์ ตรวจสอบข้อมูลแหล่งที่มาให้ชัดเจน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของ Fake News และช่วยให้สังคมไทยไม่ต้องได้รับผลกระทบจากความตื่นตระหนกถูกหลอกลวง และถูกใช้เป็นเครื่องมือ ขอบคุณภาพปก pxhere