หลายๆคนคงเคยประสบปัญหาแบบนี้คล้ายๆ กัน นั้นก็คือ มีเสื้อผ้าในตู้เยอะมากแต่ก็ไม่รู้จะหยิบตัวไหนมาใส่ดี ตัวนี้ก็เคยใส่แล้ว ตัวนั้นก็เคยใส่แล้ว ไม่อยากจะใส่ซ้ำอีกแล้ว เดี๋ยวคนอื่นจะรู้กันหมดว่าเราใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ พอถึงเวลาไปเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้าเจอเสื้อผ้าสวยๆ ก็อยากจะซื้อใหม่ให้หมดเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่สื่อออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Instagram Twitter หรือสื่ออื่น ๆ อีกมากมายได้เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก เราทุกคนต่างใช้เวลาอยู่บนหน้าจอไปกับการเสพสื่อออนไลน์กันเยอะมากในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเข้าไปในแอปพลิเคชันไหนก็จะต้องเจอเหล่าดารา อินฟลูเอนเซอร์ หรือแม้แต่เพื่อนของเราเอง ใส่เสื้อผ้าสวยๆ แชร์กันเต็มโซเชียลมีเดียไปหมด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากในการแสดงออกของผู้คนผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหลาย เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงตัวตนของผู้ที่สวมใส่ ไม่ว่าจะสายหวาย สายเซอร์ สายเปรี้ยว ก็สามารถแสดงออกได้ผ่านเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเลย และเป็นธรรมดาที่เมื่อเราเห็นเพื่อน ดารา หรือเหล่าอินฟลูเอนเซอร์สวมใส่เสื้อผ้าที่ดูดีสวยงาม ก็ย่อมต้องอยากได้ตาม แต่พอเราซื้อมาแล้วใส่ได้ไม่กี่ครั้ง แบรนด์เสื้อผ้าต่างๆ ก็จะพากันออกคอลเลคชันใหม่กันออกมา เสื้อผ้าที่เรามีอยู่ก็จะตกเทรนไปแล้ว และนั้นคือสิ่งที่เราทนไม่ได้ จนต้องรีบซื้อเสื้อผ้าคอลเลคชันใหม่ให้ไวที่สุด เป็นแบบนี้วนไปเรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นต้นกำเนิดของธุรกิจ ‘Fast Fashion’ ที่ขยายตัวเติบโตอย่างรวดเร็วมาก แต่การขยายตัวของธุรกิจ fast fashion นี้ กลับส่งผลกระทบต่อโลกของเราอย่างประเมินค่าไม่ได้ เราต่างตกเป็นเหยื่อของกระแสแฟชั่นที่เกิดขึ้นจนรู้ตัวอีกทีเสื้อผ้าก็ล้นตู้จนไม่มีที่จะเก็บแล้ว แถมเรายังกลายเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นตัวการสนับสนุนการทำร้ายโลกของเราอีกด้วย วันนี้เราเลยอยากจะมาแชร์วิธีการเลือกซื้อเสื้อผ้าในแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกันค่ะ ตัวอย่างตู้เสื้อผ้าที่มีเสื้อผ้ามากมาย แต่ก็ไม่รู้จะหยิบอะไรออกมาใส่อยู่ดี เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงเคยมีความรู้สึกแบบนี้ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก Fast Fasion กันก่อนดีกว่า Fast Fashion คืออะไร? แปลแบบตรงตัวก็คือ แฟชั่นที่รวดเร็ว หมายถึง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็วตามกระแสสังคมและขายด้วยราคาที่ไม่สูงมากนัก อีกทั้งยังเปลี่ยนรูปแบบใหม่ไปเรื่อย ๆ ตามกระแสที่เกิดขึ้น เราจึงรู้สึกว่าสามารถเข้าถึงการซื้อเสื้อผ้าได้ง่ายดายขึ้น ส่งผลให้มีการเลือกซื้อเสื้อผ้าที่บ่อยมากขึ้นตามกระแสสังคมนิยม แต่เมื่อซื้อแล้วนำออกมาใช้งานได้เพียงไม่กี่ครั้งก็ทิ้ง หันไปซื้อเสื้อผ้าที่ผลิตออกมาใหม่ ส่วนความรู้สึกว่าเรายังใช้ไม่คุ้ม เสียดายเงินก็จะน้อยลงเพราะเราซื้อมาในราคาที่ไม่ได้สูงมากนัก ดังนั้นในช่วงระยะเวลาไม่กี่สิบปีที่ผ่านมานี้ จึงเกิดธุรกิจ fast fashion ขึ้นจำนวนมาก และสามารถสร้างเม็ดเงินให้กับเจ้าของธุรกิจอย่างมหาศาลกันเลยทีเดียว ตัวอย่างแบรนด์ fast fashion เช่น UNIQLO , TOPSHOP , H & M , ZARA เป็นต้น แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าในขั้นตอนการผลิตเสื้อผ้าเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมากมายเลยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเกิดจาก Fast Fashion คือพวกโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอ อย่างโรงงานเสื้อผ้า ได้ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศจำพวกก๊าซเรือนกระจกขึ้นเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิด climate change อีกทั้งยังก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำขึ้นด้วย เนื่องจากในโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอจะต้องมีกระบวนการฟอกย้อมโดยสารเคมีที่มีความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลเสียต่อสัตว์น้ำ ระบบนิเวศโดยรอบรวมถึงมนุษย์ด้วย อีกผลกระทบที่เป็นปัญหามากอีกอย่างและแก้ไขได้ยากก็คือปริมาณขยะที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเทรนของแฟชั่นที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าบางชิ้นถูกใช้ไปแค่ไม่กี่ครั้งก็ถูกนำไปทิ้งเพราะตกเทรนแล้ว อีกทั้งในแต่ละครั้งของการผลิตเกิดเสื้อผ้าขึ้นเป็นจำนวนมาก พอเกิดเทรนใหม่ขึ้นมาแล้ว เสื้อผ้าที่ขายไม่ออกก็ต้องถูกนำไปกำจัดทิ้ง และในการกำจัดทิ้งนี้สารเคที่มาจากการฟอกย้อมแล้วติดอยู่บนเสื้อผ้าหรือเส้นใยของเสื้อผ้าที่ปัจจุบันมักผลิตมาจากเส้นใยสังเคราะห์อย่างโพลีเอสเตอร์ซึ่งมีพลาสติกเป็นส่วนประกอบจึงย่อยสลายได้ยาก เมื่อนำไปฝังกลบจึงทำให้เกิดปัญหาการปนเปื้อนสารพิษในน้ำใต้ดินตามมาอีกด้วย อันนี้คือตัวอย่างเสื้อผ้าของเราเอง ที่พอลองมาจัดตู้ดูแล้วถึงพบว่ามีเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่แล้วจำนวนมากเลยทีเดียวตัวอย่างการเกิดมลพิษทางน้ำ เนื่องมาจากกระบวนการฟอกย้อมของผ้าตัวอย่างการเกิดมลพิษทางอากาศ เนื่องมาจากโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตเสื้อผ้าเมื่อเราทราบแล้วว่า Fast Fashion ส่งผลกระทบด้านลบในหลากหลายมุมขนาดนี้ ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคจึงควรจะร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ในส่วนผู้ผลิตควรจะเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การนำเส้นใยเซลลูโลสมาใช้แทนโพลีเอสเตอร์ เนื่องจากเส้นใยเซลลูโลสสามารถย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ และทางโรงงานควรมีระบบการบำบัดของเสียที่เกิดขึ้นให้ถูกต้องตามมาตรฐานก่อนจะปล่อยออกสู่สาธารณะ ส่วนผู้บริโภคอย่างเราซึ่งถือเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดก็ควรเลือกซื้อเสื้อผ้าในแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้นแล้วการเลือกซื้อเสื้อผ้าแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมควรทำอย่างไร? วันนี้เรามีวิธีมานำเสนอค่ะ โดยเป็นวิธีที่เราลองทำเองแล้วรู้สึกว่ามีการซื้อเสื้อผ้าที่น้อยลงแล้วก็เสื้อผ้าไม่ล้นตู้เท่าแต่ก่อนด้วยค่ะ ไปดูกันเลยว่าจะมีวิธีอะไรบ้าง1. เลือกซื้อเสื้อผ้าที่มีคุณภาพ มีความคงทนอย่างแรกเลยเราต้องปรับความคิดเราก่อน จากความคิดว่าเราต้องซื้อเสื้อผ้าที่ใหม่ที่สุดสวยที่สุดมาใส่โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพการใช้งานเพื่อโพสต์ลงโซเชียลมีเดียเพียงไม่กี่ครั้งแล้วก็ทิ้ง เป็นการเลือกซื้อเสื้อผ้าที่เราถูกใจจริงๆ แล้วก็เหมาะสมกับรูปร่างของเรา มาใส่เพื่อการใช้งานจริงๆ ในชีวิตประจำวันดีกว่า แล้วก็ต้องเลือกซื้อเสื้อผ้าที่มีคุณภาพสูง มีความคงทน สามารถใช้งานได้ยาวนาน ราคาอาจจะสูงขึ้นมาอีกสักนิดแต่ว่าเมื่อเทียบกับระยะการใช้งานที่ยาวนานขึ้นแล้ว ยังไงก็คุ้มกว่าแน่นอน รับประกันค่ะ2. เลือกซื้อเสื้อผ้าจากร้านมือสองลองเลือกซื้อเสื้อผ้าจากร้านมือสองดูบ้างก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว อย่าพึ่งคิดว่าร้านมือสองไม่ดีกันนะคะ ตามจริงแล้วร้านมือสองเนี่ยมีของดีๆ ซ่อนไว้มากมายเลย เสื้อผ้าที่มาขายตามร้านมือสองบางตัวเป็นสภาพที่สวยงามดูดีราวกับซื้อมือหนึ่งมาใหม่กันเลยทีเดียว แถมราคายังถูกกว่าไปซื้อมือหนึ่งเสียอีก สถานที่ซื้อก็หาได้ไม่ยากเลย อย่างเช่น ตลาดนัดจตุจักร หรือตลาดปัฐวิกรณ์ มีเสื้อผ้าให้เลือกสรรกันได้เต็มที่ทุกแบบทุกสไตล์เลย3. เลือกซื้อเสื้อผ้าที่ผลิตจากประเทศที่ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมเช่น มีความเข้มงวดในเรื่องของการกำหนดปริมาณสารพิษที่จะปล่อยลงสู่แหล่งน้ำว่าต้องห้ามเกินปริมาณเท่าไรถึงจะปลอดภัย มีการกำหนดวัตถุดิบที่สามารถใช้ในกระบวนการผลิตว่าต้องวัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือผลิตจากวัตถุดิบที่สามารถนำมารีไซเคิลใหม่ได้ เป็นต้น เราอาจจะต้องใส่ใจในรายละเอียด หาข้อมูลเพิ่มเติมในการเลือกซื้อเสื้อผ้ามากขึ้นหน่อย แต่มันก็สามารถช่วยดูแลโลกของเราให้น่าอยู่ขึ้นได้ 4. ใช้เสื้อผ้าให้คุ้มที่สุดเท่าที่จะทำได้สำคัญที่สุดเลยค่ะ คือการใช้เสื้อผ้าให้คุ้มที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากรู้สึกว่าเสื้อผ้าที่มีอยู่ตกเทรนไปแล้ว จะหยิบตัวไหนขึ้นมาก็เคยใส่ไปหมดแล้ว เช่นนี้ก็อยากให้ทุกคนลองปรับนำกางเกงตัวนั้นมาจับคู่กับเสื้อตัวนี้ หรือลองตัดแต่งเสื้อผ้าให้ออกมาในรูปแบบใหม่ๆ เช่นนำกางเกงขายาวมาลองตัดเป็นกางเกงขาสั้นดู หรือนำเสื้อแขนยาวมาตัดแขนออก ลองนำไปย้อมสีใหม่ หรือจะโรยกากเพชรวิบวับ ก็ดูดีไปคนละแบบ กลายเป็นเสื้อผ้าที่มีตัวเดียวในโลกไปเลย แบบนี้ก็จะช่วยสร้างความแปลกใหม่ในการแต่งตัวได้ แถมยังสนุกอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นการหากิจกรรมใหม่ๆ มาทำไปในตัว หรือหากเสื้อผ้าที่มีอยู่เก่าจนไม่สามารถนำมาสวมใส่ได้แล้วอาจจะนำไปใช้เป็นผ้าสำหรับเช็ดทำความสะอาดก็ช่วยยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้าขึ้นได้และยังช่วยลดปริมาณขยะที่จะเกิดจากเสื้อผ้าอีกด้วย หากพวกเราทุกคนร่วมมือร่วมใจกันตระหนักถึงการก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเกิดจากอุตสาหกรรม fast fashion แล้วหันมาช่วยกันปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต ให้หันกลับมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น เช่นนี้ก็จะช่วยดูแลรักษาโลกของเราให้น่าอยู่ไปอีกนานแสนนานได้ค่ะ แหล่งอ้างอิง : อ้างอิง 1 / อ้างอิง 2ขอบคุณรูปภาพจาก รูปภาพปก ถ่ายโดย Hannah Morgan / รูปภาพ 1 (ซ้ายบน) โดย freestocks.org / รูปภาพ 1 (ขวาบน) โดย islandworks / รูปภาพ 1 (ซ้ายล่าง) โดย Armen Aydinyan / รูปภาพ 1 (ขวาล่าง) โดย Tim Douglas / รูปภาพ 2 โดย Burgess Milner / รูปภาพ 3 โดย Becca McHaffie / รูปภาพ 4 โดย ผู้เขียนบทความ / รูปภาพ 5 โดย Gigie Cruz-Sy / รูปภาพ 6 โดย Maxim Tolchinskiy / รูปภาพ 7 โดย Tobias Tullius / รูปภาพ 8 โดย Markus Winkler / รูปภาพ 9 โดย Priscilla Du Preez / รูปภาพ 10 โดย Junko Nakaseอัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !