ภาพ - ผู้เขียนFilmmaker นิตยสารรายเดือนที่ชื่อนิตยสารได้บ่งบอกถึงเนื้อหาอย่างชัดเจน สอดคล้องกับคำโปรยบนปกว่า ‘นิตยสารเพื่อคนดูหนัง เรียนหนังและทำหนัง’ พิมพ์สี่สีตลอดทั้งเล่ม ราคาบนปก 90 บาท อยู่รอดมาได้ถึงฉบับ 48 (เดือนสิงหาคม 2016 หน้าปกเป็นภาพจากหนังเรื่อง Neon Demon) แต่ไม่มีฉบับ 49 และฉบับอื่นใดต่อไปแล้ว เพราะปิดกิจการไปเสียก่อน ตามยุคสมัยที่สื่อสิ่งพิมพ์หลายหัวทยอยหายไปภาพปกหน้าของฉบับ 38 - ผู้เขียนเนื้อหาของนิตยสารไม่ได้ขี้เหร่ แต่ก็ไม่ได้ดีเลิศประเสริฐไปกว่านิตยสารหนังเล่มอื่น มีทั้งข่าวสารทั่วไปในวงการบันเทิงทั้งไทยและเทศ และความรู้ภาคปฏิบัติของการสร้างหนัง บางคอลัมน์เป็นธรรมเนียมของนิตยสารหนัง (ท่าบังคับของนิตยสารหนังทุกหัว) ขณะที่บางคอลัมน์มีความแปลกใหม่ แตกต่างจากนิตยสารหนังเล่มอื่น เช่น รายละเอียดของหนังที่กำลังจะเข้าฉาย เทคนิคการเขียนบทหนัง บทสัมภาษณ์ผู้กำกับ ย้อนรอยหนังเก่า ตามรอยสถานที่ถ่ายทำหนัง พล็อตหนังจากทางบ้าน บทวิจารณ์หนัง แนะนำดีวีดีและบลูเรย์หนัง/หนังสั้น/หนังสือ/ซาวด์แทร็คผมไม่ได้ติดตามนิตยสารฉบับนี้มากสักเท่าไหร่ แต่มีซื้อหาและเก็บสะสมไว้ 1 ฉบับ นั่นคือฉบับ 38 (เดือนกรกฎาคม 2015 หน้าปกเป็นภาพจากหนังไทยเรื่อง สยามยุทธ) เหตุที่ยังไม่ทิ้งเพราะมีบางสิ่งอย่างที่ยังควรค่าแก่การครอบครองไว้ คือ คอลัมน์ TECHNIQUE กับการทำหนังเรื่องฝนตกขึ้นฟ้าของเป็นเอก รัตนเรือง, คอลัมน์ FILM MAJOR กับบทสัมภาษณ์อาจารย์และเพื่อนนักศึกษาเอกฟิล์มของผม ตอนรุ่นผมใกล้ฉายหนังสารนิพนธ์ที่โรงหนังเฮ้าส์ และภาพโปสเตอร์หนังเจ็ดแปดเรื่องแบบพิมพ์เต็มหน้ากระดาษ - แค่นี้จริงๆ จากทั้งหมด 112 หน้าของนิตยสารภาพ - https://bit.ly/2QvBiszเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ FILMMAKER อยู่ไม่รอด คนอ่านไม่รักมากเท่ากับนิตยสารหนังเล่มอื่น นอกจากการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยที่สื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ดังเห็นได้จากเมื่อ FILMMAKER ไม่อยู่แล้ว นักเขียนหลายคนในนิตยสารเล่มนี้ก็มามีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์แทน อย่างบนแฟนเพจเฟซบุ๊กและตามหน้าเว็บไซต์ เช่น อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก, A-Bellamy ยังมีอีกเหตุผลที่สำคัญ (จากการคาดเดาของ) ผมว่า อาจเป็นเพราะด้วยตัว FILMMAKER เอง การเลือกใช้ฟอนต์ Cordia New (ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด) ในเนื้อหาส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นฟอนต์ที่เรียบง่าย นิยมใช้กันแพร่หลายในวงกว้าง กับปัญหาใหญ่อย่างเรื่องอาร์ตเวิร์ค (ที่ไม่ค่อยเวิร์ค) คือการวางเนื้อหาที่เป็นตัวหนังสือหลายย่อหน้าในหลายหน้าติดกันเป็นพรืด ไม่ค่อยนิยมใช้ภาพประกอบเข้ามาช่วยดึงดูดความสนใจ ส่วนการจัดวางของภาพเท่าที่มีอยู่ก็ดูเหมือนไม่ค่อยถูกที่ถูกทาง ทั้งหมดนี้ดูรวมๆ แล้วไม่มีเสน่ห์ ไม่สวยงามและน่าสนใจเท่าที่ควร คล้ายเล่มรายงานที่เด็กนักเรียนนักศึกษาทำส่งครูบาอาจารย์ ภาพปกหลังของฉบับ 38 - ผู้เขียนสำหรับใครที่สนใจนิตยสาร Filmmaker คงไม่สามารถหาซื้อย้อนหลังได้ที่แผงหรือร้านหนังสือแฟรนไชส์ทั่วไป แต่น่าจะยังมีให้จับจ่ายกันตามร้านหนังสือมือสองและร้านหนังสือเก่า หรือหากอยากอ่านทางออนไลน์ เท่าที่ผมพบเจอก็มีให้ดาวน์โหลดไฟล์ PDF ได้ เพียงสมัครแพ็คเกจทาง https://bit.ly/2ygbFWj