Miyano Mamoru เกิดวันที่ 8 มิถุนายน ปี 1983 ปัจจุบัน อายุ 37 ปี เกิดที่ ไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น กรุ๊ปเลือด B สูง 182 ซม.มาโมะจังเริ่มเข้าวงการตอนอายุได้เพียง 7 ปีภายใต้สังกัดสุดดังอย่าง Himawari Theatre Group โดยมี Shota Miyano ซึ่งเป็นพี่ชายของมาโมะจังเป็นคนพูดคุยให้หลังจากได้เรียนมัธยมตัวของมาโมะจังก็ไม่ได้เข้าเรียนอะไรมากมายอันเนื่องจากความคิดของเขาในตอนนั้นที่มีของอนาคตหลังจากนี้อยู่แล้วมาโมะจังเริ่มที่จะเรียน ร้องเพลง, เต้น ช่วงเวลาที่เรียนนั้นมาโมะจังเหมือนกับค้นพบตัวเองผ่านเพลงของวงระดับตำนานอย่าง EXILE และ CHEMISTRYมาโมะจังเริ่มมีงานในวงการบันเทิงตั้งแต่มี 1992 เรียกได้ว่าตอนนั้นเขามีอายุเพียง 9 ปีเท่านั้นโดยมีผลงานการแสดงจากเรื่อง Tokusou Exceedraft หรือ มือปราบผู้พิทักษ์เอ็กช์ซีดราฟ โดยรับบทเป็น Bunzo Yazaki ที่จะออกมาในตอนที่ 7 ของเรื่องนั่นเอง ในปี 2001 นั้นมาโมะจังได้ Debut ครั้งแรกในวงการนักพากย์กับบทบาทใน Series อย่าง Caitlin's Way ต่อมาในปี 2002 นั้นมาโมะจังได้เข้ามาโลดแล่นในวงการเกมและอนิเมะเป็นครั้งแรกเรียกได้ว่าพากย์ตัวละครหลักกันเลยทีเดียวกับบทบาทอย่าง Akira จาก Shin Megami Tensei: Devil Children - Light & Dark และ Riku จาก เกม Kingdom Heart ในปี 2003 นั้น มาโมะจังได้มีงานพากย์อย่าง Kiba จาก Wolf`s Rain ซึ่งก็เป็นพระเอกของเรื่องอีกเช่นกัน ในปี 2004 – 2005 ตัวมาโมะยังก็ไม่ได้มีผลงานพากย์ที่โดดเด่นเท่าไรนัก ผมขอข้าม ๆ ส่วนนี้ไปละกัน ต่อมากับปี สุดปัง สุดดัง สุดแจ้งเกิดของมาโมะจัง อย่างปี 2006 กับบทบาทในต้นปีอย่าง Suou Tamaki จากเรื่อง Ouran Koukou Host Club ซึ่งผมทันได้ดูพากย์ญี่ปุ่นตอนนั้นผมบอกเลยนะว่า ดีมาก ดีม๊ากกกกกกกกกกก แต่ถ้าบอกว่านี่คือปีแจ้งเกิดมีเรื่องเดียวคงแปลก ๆ ซึ่งแน่นอน ปลายปี มาโมะจังมีโคตรบทแจ้งเกิดแบบเต็มตัวอย่าง Yagami Light จาก Death Note อนิเมะและมังงะระดับตำนานของ อ.ซึงุมิ โอบะ ซึ่งมาโมะจังทำออกมาได้ดีมาก ดีจนไม่รู้จะพูดอะไรซึ่งตอนนั้นถ้าใครได้ดู Death Note พากย์ญี่ปุ่นผมกล้าพูดเลยว่าไม่มีใครกล้าปฎิเสธเลยว่าเขาทำออกมาได้ดีจนไม่คิดว่านี่คือนักพากย์ที่พึ่ง Debut มาได้ไม่นาน ต่อมากับปีอย่าง 2007 กับงาน Seiyu Award ครั้งที่ 1 มาโมะจังถูกเสนอชื่อเข้าชิงนักพากย์ชายยอดเยี่ยมและนักพากย์หน้าใหม่ยอดเยี่ยมแต่แล้วก็ต้องพ่ายให้กับ Fukuyama Jun ในบท Lelouch Lamperouge ที่ตอนนั้นยอมรับเลยว่าจุนนั้นเต็ง 1 ที่จะได้แน่นอน ถึงจะไม่ได้รางวัลแต่ในปีนี้ก็มีข่าวดีของมาโมะจังซึ่งทางค่าย King Records ได้จับมาโมะเซ็นสัญญาเปิดตัวเป็นนักร้องเดี่ยวและ Debut ในวันที่ 28 พฤษภาคม กับ ผลงานเดี่ยวผลงานแรกในชื่อเพลง Kuon ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงปิดของอนิเมะเรื่อง Koutetsu Sangokushi ซึ่งมาโมะจังก็ได้พากย์เป็นตัวละครพระเอกอย่าง Rikuson Hakugen ด้วยเช่นกัน ในท้ายปีเราจะขาดไปไม่ได้เลยถ้าพูดถึง 2007 แล้วไม่มีเรื่องนี้ Mobile Suit Gundam 00 ในบทโคตรดังโคตรปังอย่าง Setsuna ซึ่งถือว่าตัวเขาเองนั้นทำออกมาได้ดีมากๆกับบทนี้ ในปี 2008 หลังจากรอคอยกับรางวัลมานานในที่สุดมาโมะจังก็มีรางวัลกับเขาสักทีกับรางวัล นักพากย์ชายยอดเยี่ยม จากเวที Tokyo International Anime Fair 2008 ในบทบาทอย่าง Setsuna และ Yagami Light และรางวัลที่ 2 ในสาขานักพากย์ชายยอดเยี่ยมจากเวที Seiyu Award ครั้งที่ 2 ในบท Setsuna F. Seiei และปีนี้ก็ยังมีบทพากย์เด่น ๆ อย่าง Death The Kid จาก Soul Eater ซึ่งถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียวและยังปล่อยเพลงมาเพิ่มเป็น Single ที่ 2 อีกด้วย ต่อมากับปี 2009 มาโมะจังก็ยังไม่หยุดเพิ่มชื่อเสียงแต่อาจจะไม่ได้มีผลงานอนิเมะที่โดดเด่นมากนักเพราะปีนี้มาโมะจังได้ให้เสียงพากย์ Ultraman Zero จาก Mega Monster Battle: Ultra Galaxy Legend The Movie ซึ่งนี่คือผลงานที่ดังมาก ๆ ในปีนั้นพร้อมกับในปีนี้ มาโมะจังเปิดตัวอัลบั้มแรกในชื่อ Break และ ก็มีทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกอีกด้วย ในปี 2010 มาโมะจังก็ยังออกผลงานเพลงมาเรื่อย ๆ กับอัลบั้ม ที่ 2 อย่าง Wonder พร้อมกับปีนี้มีบทพากย์ที่เป็นที่น่าจดจำน่าจะแค่ 2 บทนั่นก็คือ Tsunashi Takuto ที่พากย์คู่กับ Fukuyama Jun จาก Star Driver กับ Kida Masaomi จาก Durarara!! และในปีนี้มาโมะจังก็มีทัวร์คอนเสิร์ตครั้งที่ 2 อีกด้วย ต่อมาปี 2011 ก็ยังคงเป็นปีที่มาโมะจังไม่ค่อยมีงานพากย์อนิเมะเด่น ๆ อีกเช่นเคย เพราะบทเด่นบทเดียวและเป็นบทแจ้งเกิดให้กับมาโมะจังในช่วงหลังจากปี 2010 นั่นก็คือ Okabe Rintarou จาก Steins;Gate ที่เรียกว่าทำออกมาได้ดีเอามาก ๆ ดีจนไม่รู้จะดียังไงละ และก็ยังมีบทอย่าง Mashima Taichi จาก Chihayafuru กับ Ichinose Tokiya จาก Uta no Prince-sama: Maji Love 1000% ที่เรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ อีกบทเลยทีเดียว ในปี 2012 มาโมะจังยังคงเดินหน้าปล่อยผลงานเพลงต่อเนื่องพร้อมกับอัลบั้มใหม่อย่าง Fantasista ที่สามารถขึ้นไปแตะบทชาร์ตรายสัปดาห์ของ Oricon ได้ถึงอันดับที่ 4 ซึ่งในปีนี้ก็อีกเช่นเคยผลงานพากย์อนิเมะของมาโมะจังก็ไม่ค่อยจะมีอะไรเป็นพิเศษนอกจาก Natsume Zange จากเรื่อง Inu x Boku Secret Service และ Fushimi Saruhiko จาก K Project ที่เรียกได้ว่า 2 บทนี้ทำออกมาให้สาว ๆ ใจบางกันไปไม่มากก็ Star Driver น้อยโดยเฉพาะบท Fushimi จาก K และได้รับรางวัลนักพากย์ชายสมทบยอดเยี่ยมจากเวที Seiyu Award ครั้งที่ 6 อีกด้วยต่อมากับปี 2013 มาโมะจังได้ปรากฏตัวครั้งแรกในรายการเพลงวาไรตี้ชื่อดังอย่าง NHK MUSIC ที่ทำเอาแฟนคลับปลื้มกันไม่มากก็น้อย เพราะนักพากย์น้อยคนมากนักที่จะมาโผล่ในขอ TV กับรายการดัง ๆ แบบนี้และยังเป็นปีที่มาโมะจังยังดังแบบต่อเนื่อง ด้วยอนิเมะน้องใหม่อย่าง Free! ที่พากย์เป็น Matsuoka Rin ทำเอาสาว ๆ กรี๊ดหลงรักตัวละครตัวนี้อย่างไม่ยากนักไหนจะเป็นเป็นการกลับมาของ Uta no Prince-sama: Maji Love 2000% ในบทเดิมอย่าง Ichinose Tokiya ที่ทำให้แฟน ๆ ยุคใหม่ได้หันมาสนใจ Series นี้มากขึ้น และ ยังเป็นนักพากย์ชายคนแรกที่ได้แสดงเดี่ยวที่ Nippon Budokan ปี 2014 เป็นปีที่มาโมะจังไม่ค่อยมีผลงานอะไรมากมายเท่าไรเพราะในปีนี้ก็เป็นปีของภาคต่อหลาย ๆ เรื่องที่มาโมะจังได้พากย์เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น Free! Eternal Summer , K: Missing King และ ก็มีผลงานพากย์เรื่องใหม่อย่าง Tokyo Ghoul ในบท Tsukiyama Shuu กับ Gilthunder จาก Nanatsu no Taizai แล้วก็ได้รางวัลติดไม้ติดมือมาอีกเช่นเคยกับรางวัลการแสดงดนตรียอดเยี่ยม จากเวที Seiyu Award ครั้งที่ 8 ต่อมาในปี 2015 มาโมะจังได้ปล่อยอัลบั้มใหม่และผลงานเพลงเพิ่มขึ้นมาอีก ส่วนงานพากย์ ก็ยังคงเป็นภาคต่อทั้ง Durarara!!x2 Shou , Durarara!!x2 Ten , K: Return of Kings , Nanatsu no Taizai: Seisen no Shirushi , Uta no Prince-sama: Maji Love Revolutions เป็นต้น และยังเป็นนักพากย์ชายคนแรกที่ยอด Single ขึ้นอันดับ 1 ของ Oricon daily chart ปี 2016 ก็ยังเช่นเคยเหมือนปีที่ผ่าน ๆ มากับภาคต่อมากมาย ทั้ง Durarara!!x2 Ketsu , Uta no Prince-sama: Maji Love Legend Star แต่ก็มีผลงานใหม่ที่ปังๆอย่าง Dazai Osamu จาก Bungou Stray Dogs และ Biba จาก Koutetsujou no Kabaneri ทั้ง 2 บทนี่ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ปี 2017 ปีนี้เปิดปีด้วยการที่มาโมะจังไปแสดงสดที่ไต้หวันเป็นครั้งแรกทำให้เปิดตลาดประเทศไต้หวันเพิ่มมาอีก 1 ตลาด และมีแฟน ๆไม่น้อยเลยทีเดียวที่ติดตามไปดูการแสดงของมาโมะจัง ส่วนในด้านผลงานพากย์ที่เด่น ๆ ก็ยังเป็นปีของภาคต่ออีกเช่นเคย ปี 2018 มาโมะจังได้ปรากฏตัวครั้งแรกในงานแสดงดนตรี FNS Music Festival ของ Fuji Television ส่วนงานพากย์ก็ยังเหมือนเดิมเต็มไปด้วยภาคต่อเช่นเคย ต่อมากับปี 2019 มาโมะจังก็ยังเดินหน้าทัวร์ต่อไป จึงทำให้งานพากย์น้อยมาก ๆ มีแค่ภาคต่อ ส่วนเรื่องใหม่ที่ภาคก็ไม่ได้เด่นมากมาย ในปี 2020 นี้ มาโมจังน่าจะต้องมีงานมากกว่านี้ในฐานะนักร้องสาย Live Tour แต่ดันเกิดโรคระบาด COVID-19 ทำให้งานน้อยลงไปตามระเบียบ แต่ก็ยังปล่อยเพลงใหม่มาให้เสพกันกับเพลง Hikari Sasu Hou e พร้อม MV ส่วนงานพากย์ในปีนี้นั้นก็มีเรื่องใหม่มาให้เห็นบ้าง ในบท Sakuragawa Kurou จาก Kyokou Suiri และ Katou Haru จาก Fugou Keiji - Balance:Unlimited ที่สาว ๆ หลาย ๆ คนชอบนั่นเอง สำหรับใครที่ชอบมาโมะจังก็สามารถไปติดตามได้ที่ Twitter , Youtube , Website ของทาง official ได้เลยTwitter : https://twitter.com/miyanomamoru_PROfficial Website : https://miyanomamoru.com/ แน่นอน Concept เดิมของ Content คือเป็นเพียงการแนะนำเท่านั้นถ้าหากใครอยากศึกษาเชิงลึกเพิ่มขึ้นสามารถไปตามต่อตามอ่านกันได้เลย เพราะผมเพียงแค่อยากให้พวกคุณรู้จัก Seiyuu เพราะบางครั้งอนิเมะที่คุณชอบตัวละครที่คุณชอบก็มีนักพากย์นี่แหละที่เป็นส่วนหนึ่งให้คุณชอบและคุณเองก็อาจจะชอบนักพากย์ที่พากย์ตัวละครตัวนี้แต่คุณไม่รู้ อะไรเลยถ้าคุณเผลอมาเจอ Content ของผมก็อาจจะทำให้รู้จักเพิ่มขึ้นและหลงรักนักพากย์มากขึ้น credit ภาพจาก Japan Ticket รูปประกอบที่ 1credit ภาพ จาก Anime Death note รูปประกอบที่ 2credit ภาพจากอนิเมะเรื่อง Kyokou Suiri รูปประกอบที่ 3