How to ? การดูแล Cactus คนส่วนใหญ่มักคิดว่า แคคตัสเป็นพืชที่ชอบขึ้นอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีอากาศร้อนแห้งแล้ง เช่น ในทะเลทราย แต่ความจริงแล้ว แคคตัสสามารถเจริญเติบโตได้ในหลายพื้นที่ และแคคตัสยังสามารถเจริญเติบโตอยู่ได้ในทุกสภาพพื้นที่และสภาพอากาศของโลกเกือบทั่วโลก ไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะแถบทะเลทรายอย่างเดียวเท่านั้น แต่แคคตัสแต่ละพันธุ์ก็ย่อมเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแตกต่างกันไป วันนี้เราเลยจะมาแนะนำวิธีการดูแลน้องหนามให้ทุกคนทราบกัน1.เครื่องปลูกคนส่วนมากมักเข้าใจว่าแคคตัสเป็นพืชทะเลทราย จึงคิดกันว่าทรายเป็นวัสดุปลูกที่เหมาะสมสำหรับแคคตัส ซึ่งจริงๆแล้วแคคตัสก็เหมือนกับพืชอื่นทั่วๆไป ที่ต้องการวัสดุปลูกที่อุดมสมบูรณ์ หรือเป็นดินผสมที่มีธาตุอาหารสมบูรณ์ โปร่งร่วน น้ำไหลผ่านได้สะดวก ไม่อุ้มน้ำรักษาความชื้นได้ดีสำหรับส่วนผสมของวัสดุปลูกแคคตัสนั้น โดยมากนิยมใช้ดินร่วน 2ส่วนทรายหยาบ 3ส่วนถ่านป่น 1ส่วนใบไม้ผุหรือปุ๋ยหมัก 1 ส่วนนอกจากนี้อาจผสมกากถั่ว ขี้เถ้าแกลบ ปุ๋ยคอก อิฐหัก หรือกระดูกป่นปนเข้าไปด้วยก็ได้2. การเลือกภาชนะปลูกควรเลือกกระถางให้มีขนาดเหมาะสมกับขนาดของต้น โดยส่วนมากพิจารณาจากเนื้อที่ว่างระหว่างผิวต้นกับขอบกระถาง หากเหลือน้อยกว่า1นิ้ว แสดงว่าแคคตัสโตเกินไปสำหรับภาชนะ ควรเปลี่ยนกระถางใหม่ ทั้งนี้ไม่ควรเลือกกระถางที่ใหญ่เกินไป จะทำให้ต้นโตช้า เพราะวัสดุปลูกอุ้มน้ำมาก และบางครั้งรากอาจเน่าตายได้การเปลี่ยนกระถางปลูกทำได้ง่ายๆโดยใช้ผ้าหรือกระดาษหุ้มรอบต้น เพื่อป้องกันอันตรายจากหนาม และเพื่อไม่ให้ต้นกระทบกระเทือน เคาะกระถางเบาๆให้ต้นหลุดออกมาและนำต้นไม้ไปปลูกในกระถางใหม่ต่อไป3.น้ำดูเหมือนว่าแคคตัสเป็นไม้ที่ทนต่อความแห้งแล้ง และไม่ต้องการการดูแลรักษามากนัก แต่ถ้าแคคตัสขาดน้ำ แม้ไม่ตายเพราะในต้นมีน้ำเลี้ยง แต่ก็จะไม่เจริญงอกงาม เพราะน้ำไม่พอวิธีการรดที่ถูกต้องก็คือ ต้องรดให้โชกถึงราก และรดครั้งต่อเมื่อดินเริ่มแห้ง ระวังอย่าให้น้ำขังหรือดินแฉะ แคคตัสอาจเน่าหรือเป็นโรคตายได้ เพราะแคคตัสแต่ละพันธุ์มีความต้องการน้ำและความถี่ในการรดน้ำต่างกัน วิธีง่ายๆในการสังเกตก็คือ เอาไม้แหลมๆปักลงไปให้ถึงโคนกระถางในวันที่รด และคอยสังเกตว่าไม้นั้นยังมีความชื้นอยู่หรือไม่? หากไม้แห้งแสดงว่าต้องการให้น้ำครั้งต่อไป เมื่อนับระยะเวลาจากวันรดน้ำครั้งแรกจนถึงวันที่ไม้ปักนั้นแห้ง ก็จะช่วยให้คาดเดาถึงการจะรดน้ำครั้งต่อไปได้ 4.แสง แสงที่เหมาะกับแคคตัสนั้น ควรเป็นแสงช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายที่แดดไม่ร้อนมากจนเกินไป หากแคคตัสได้รับแสงที่พอเหมาะ ต้นจะเติบโตได้ดี เกิดสีสันของหนามและต้นสวยงาม แต่หากได้รับแสงมากเกินไป ต้นจะแห้งเป็นสีน้ำตาล ควรจะพรางแสงให้แก่สถานที่เลี้ยงแคคตัสหรือในโรงเรือนบ้าง ให้แสงเหลือประมาณ70-80เปอร์เซ็นต์ 5.อุณหภูมิแคคตัสส่วนใหญ่เป็นพืชเมืองร้อน บางชนิดอยู่ในทะเลทราย สำหรับหน้าเราประเทศไทยอากาศค่อนข้างร้อน จึงเหมาะกับการเลี้ยงแคคตัสได้ผลดีเกือบทุกฤดูกาลเลยก็ว่าได้6.ปุ๋ยส่วนมากนิยมใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ เพราะมีสูตรให้มากมาย ซึ่งทำให้กำหนดชนิดและปริมาณธาตุอาหารได้ ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมักไม่นิยมใช้กันมากนัก เนื่องจากเป็นสาเหตุทำให้แคคตัสเป็นโรคต่างๆได้ง่าย เพราะอาจมีเชื้อโรคหรือแมลงปลอมปนมากับปุ๋ยเหล่านั้น และหากนำไปอบผ่านความร้อนก่อนประสิทธิภาพของธาตุอาหารและปุ๋ยก็ลดลงไปด้วย Cr:รูปหน้าปกโดย:R19Cr:เนื้อเรื่อง:R19ขอบคุณภาพประกอบ:Pixabay/istockphoto/photostockeditor/freepik/jooinn/ภาพประกอบที่/ภาพประกอบที่2/ภาพประกอบที่3/ภาพประกอบที่4/ภาพประกอบที่5/ภาพประกอบที่6