การให้กำลังใจตัวเองนั้นเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นในการใช้ชีวิตมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องของการทำงาน เพราะคนที่จะเป็นแรงผลักดันและกระตุ้นให้ตัวเรามีพลังได้ดีที่สุดคือตัวของเราเอง หลายคนอาจมีวิธีที่แตกต่างกันไป เช่นการฟังนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ การปรึกษาโค้ช อื่นๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรกลุ่มคนเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ช่วยกระตุกให้เราฉุกคิดเท่านั้น สุดท้ายแล้วคนที่จะอยู่กับเราช่วย ให้เราคิดหนทางพบเจอกับวิธีแก้ปัญหาก็คือตัวเราเอง คนทำงานปัจจุบันนี้ต้องบอกว่ามีความเครียดและกดดันสูงมาก เนื่องจากเทคโนโลยี ความรู้ สถานการณ์ต่างๆ ที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ทำให้เราต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ทันเพื่อตอบรับกับการทำงานยุคใหม่อยู่เสมอ และคนหนึ่งคนสามารถทำงานได้หลายอย่างมีความสามารถที่หลากหลาย อีกทั้งยังมีการแข่งขันที่สูงของกลุ่มคนทำงาน ทั้งหมดนี้อาจส่งผลให้เราเกิดความเครียด ท้อ และหมดไฟในการทำงานได้ ดังนี้เราจึงต้องฝึกวิธีการให้กำลังใจตัวเองเพื่อให้การใช้ชีวิตของเรามีพลังและเป็นสุข1. ตั้งเป้าหมายในการทำงานในแต่ละวันการทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่ได้เป็นผลดีกับเราเลยนะคะ นอกจากไม่มีเวลาในการพักผ่อนแล้ว ยังสื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพการบริหารเวลาของเราในด้านลบด้วย เพราะหากเราไม่มีการวางแผน เราอาจหลุดโฟกัสกับเป้าหมายการทำงานได้โดยง่าย เช่นก่อนนอนทุกวันเปิดตารางปฏิทิน หรือตารางงานในวันพรุ่งนี้ว่ามีอะไรบ้าง มีกี่ประชุม มีกี่งาน ช่วงเวลาเท่าไหร่ และเราต้องมีข้อมูลอะไรที่จะต้องใช้ในการประชุมบ้าง ให้เรียงว่างานไหนต้องทำเป็นลำดับแรก จดโน๊ตเล็กๆแปะไว้หน้าคอมพิวเตอร์ไว้เลยค่ะ พอเราตื่นเช้าวันรุ่งขึ้นเรามีเวลาออกกำลังกาย จิบกาแฟ อารมณ์แบบสบายๆเพราะเรารู้ตารางเวลาของตัวเอง ทุกวันนี้เน้นทำงานแบบมีความสุข สนุกกับการทำงานค่ะ2. การร้อยเป้าหมายชีวิตไปกับการทำงานอันนี้สำคัญมากๆค่ะ เพราะเป็นยากระตุ้นชั้นเลิศก็ว่าได้ ทุกคนจะต้องมีเป้าหมายในอนาคตว่าอยากเป็นอะไรต่อจากนี้ อยากทำงานอะไร หรือ ชอบอะไร ใช่ไหมคะ ให้ร้อยเป้าหมายนั้นกับการทำงานของเราค่ะ เช่น เราอยากมีตำแหน่งงานที่สูงขึ้น อยากทำงานได้เงินเดือนเยอะๆ แล้วปัจจุบันเราต้องทำอย่างไรบ้าง หรือยังขาดทักษะความรู้ความสามารถด้านไหน ให้เราเรียนรู้สิ่งนั้นเพิ่มเติม เช่นงานเกี่ยวกับวิทยากรฝึกอบรม สมัยนี้สอนเป็นอย่างเดียวไม่พอนะคะต้องเก่งเรื่องเทคโนโลยีด้วย การตัดต่อวีดีโอ การทำกราฟฟิก ต่างๆ สิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มมูลค่างานและช่วยเพิ่มผลตอบแทนที่สูงขึ้นให้เราได้ หรือบางคนอยากทำงานสายท่องเที่ยวแต่ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับบัญชี เราก็ต้องใช้โอกาสของบริษัทที่มีในการช่วยเรา เช่น บริษัทมีเปิดสอนภาษาอังกฤษให้ฟรีไหม เชื่อว่าเกือบทุกบริษัทมีสนับสนุนให้ ในขณะทำงานก็ศึกษาเกี่ยวกับภาษีการท่องเที่ยวไปด้วยเพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมสิ่งนี้จะช่วยทำให้เราอยากตื่นไปทำงานในทุกๆเช้า 3. ปล่อยวางในสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ฟังดูเหมือนง่ายนะคะแต่มีหลายคนที่ทำมันได้ยาก หลายครั้งนำปัญหาเหล่านั้นมาคิดให้เป็นกังวล เครียด เราถึงต้องมีการฝึกคิดอยู่เสมอเพื่อให้เราเข้าใจวิธีการปล่อยวางค่ะ ก่อนอื่นต้องวิเคราะห์ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร เกิดจากใคร และมีสิ่งใดที่เราทำพลาดผิดแผนไปหรือไม่ ถ้ามี แน่นอนว่าเราต้องนำมาแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่ถ้าหากปัญหาที่เกิดขึ้นเราไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ หรือทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้อีกแล้วเนื่องจากเป็นกฎของบริษัท เช่นการนำเสนองานไม่ผ่านเนื่องจากมีงบประมาณที่สูงเกินไป เพราะตอนนี้บริษัทมีนโยบายให้ควบคุมเรื่องค่าใช้จ่าย เราจงยิ้มและบอกตัวเองว่าเสนอสิ่งที่ดีและได้ทำหน้าที่ของเราแล้ว4. เรียนรู้ทักษะการทำงานใหม่ๆการกินอาหารเมนูเดิมซ้ำๆเรายังเบื่อเลย แล้วนับประสาอะไรกับการทำงาน ที่มีขั้นตอนกระบวนการไม่แตกต่างไปจากเดิมอยู่ทุกๆวัน ดังนั้นหากเรามีการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เช่นการทำอาหาร การวาดรูป การฝึกทำคลิบวีดีโอ การเริ่มปลูกต้นไม้ เป็นต้น เราก็จะไม่รู้สึกเบื่ออีกทั้งยังเป็นแรงกระตุ้นให้เรากระตือรือร้นด้วย ทักษะที่ว่านี้จะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวกับลักษณะการทำงานในปัจจุบันก็ได้ขึ้นอยู่กับความชอบของเราค่ะ 5. ชื่นชมผู้อื่นอยู่เสมอการชื่นชมนั้นไม่ว่าใครถ้าหากได้รับก็ย่อมรู้สึกดีเสมอ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่เพื่อนร่วมงานที่อยู่ร่วมกับสภาพแวดล้อมของเรา เราควรชื่นชมในสิ่งที่เขาทำได้ดี เช่น ชื่นชมอาหารที่ ภรรยา สามี หรือลูก ได้เตรียมไว้ให้ว่าอร่อยมากขอบคุณนะ ชื่นชมเพื่อนร่วมงานที่มาถึงที่ทำงานก่อนเราเสมอว่าเป็นคนมีความมุ่งมั่นและมีวินัย ชื่นชมเพื่อนเมื่อเพื่อนประสบความสำเร็จว่าเป็นคนขยันและเป็นคนเก่ง ชื่นชมเพื่อนร่วมงานที่มีรอยยิ้มให้เราเสมอว่าเป็นคนจิตใจดี คอยให้กำลังใจที่ดีต่อผู้อื่น สิ่งเหล่านี้จะเป็นกำลังใจให้คนรอบข้างให้เขามีความสุข มีรอยยิ้ม และเมื่อคนรอบข้างรอบตัวเรามีรอยยิ้ม เราที่อยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นก็จะมีรอยยิ้มตามไปด้วย กล่าวคือทุกคนต่างเป็นพลังบวกให้กันและกันและนี่ก็เป็นอีกเทคนิคการให้กำลังใจตัวเองในการทำงาน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆคนทำงานได้บ้างนะคะเครดิตรูปภาพ ภาพปก : โดย Andrea Piacquadio / Pexelsภาพที่ 1 : โดย Tim Gouw / Pexelsภาพที่ 2 : โดย JESHOOTS.com / Pexelsภาพที่ 3 : โดย Fauxels / Pexelsอัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !