“Hypothyroid” กับการดูแลตัวเอง ถ้าพูดถึงโรคไทรอยด์แล้ว หลาย ๆ คนคงจะคิดถึงคำว่า “ คอพอก ” หรือไม่ก็คิดถึงคนที่ขาดสารไอโอดีนอยู่เป็นแน่ แต่จริง ๆ แล้วโรคที่เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของต่อมไทรอยด์นั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุทั้งปัจจัยทางด้านพันธุกรรม อาหารการกิน รวมถึงปัจจัยด้านอารมณ์และจิตใจซึ่งนำไปสู่ความเครียดที่เป็นอีกสาเหตุหลักของโรคนี้ โดยโรคนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ โรคต่อมไทรอยด์โตแบบเป็นพิษ หรือทำงานมากเกินไป (Hyperthyroidism) และโรคต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป (Hypothyroidism) ในบทความนี้ผู้เขียนจะมาแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับโรคต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป (Hypothyroidism) ให้กับท่านผู้อ่านกันค่ะ ซึ่งผู้เขียนได้ตรวจพบว่าตนเองเป็นโรคดังกล่าวมาได้ 6 ปีกว่าแล้ว ตอนที่ตรวจเจอเป็นช่วงที่ผู้เขียนกำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยปีแรก ในช่วงนั้นเรียนและทำกิจกรรมต่าง ๆ ค่อนข้างหนักมาก จึงทำให้ป่วย และเมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลแพทย์จึงขอตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือดด้วยเลย เพราะผู้เขียนมีรูปร่างที่ผอมมาก อีกทั้งยังมีตาโปนที่เหมือนจะถลนออกมา เท่าที่อ่านกันมาหลายคนคงจะคิดว่า นี่คือ ลักษณะของผู้ที่เป็นโรคต่อมไทรอยด์โตแบบเป็นพิษกันใช่ไหมล่ะคะ แต่จริง ๆ แล้วผู้เขียนเป็นโรคโรคต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป (Hypothyroidism) ค่ะ ซึ่งหลังจากที่ตรวจพบก็ได้ติดตามอาการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยการตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือดเป็นระยะ และกินยาไทรอยด์ฮอร์โมนตามที่แพทย์สั่งค่ะ ที่มารูปภาพ : https://www.pobpad.com/ไฮโปไทรอยด์ นอกจากนี้แล้วผู้เขียนก็ได้ลองไปศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ที่เป็นโรคนี้ดู และได้นำมาพิจารณาอาการของตนเองจึงพบว่าโรคนี้แท้จริงแล้วมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมของเราโดยตรงค่ะ เพราะผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีน้ำหนักขึ้น ขี้หนาว ผมร่วง ผิวแห้งหยาบ ตัวบวม หน้าบวม เป็นตะคริวบ่อย ท้องผูก อ่อนล้า เฉื่อยชา ง่วงนอนและเพลียมาก ๆ เมื่อต้องเรียนหรือทำกิจกรรมติดต่อกันโดยที่ไม่ได้พัก และหากพักผ่อนไม่เพียงพอก็จะมีอาการมึนงง หรือที่เรียกว่า “เบลอ” นั่นแหล่ะค่ะ เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้เขียนก็ได้ไปศึกษาวิธีการดูแลสุขภาพสำหรับคนที่เป็นโรคนี้และลองนำมาปรับใช้กับตนเอง ซึ่งมีดังนี้ค่ะ 1.ต้องงดการรับประทานผักตระกูลกะหล่ำ ไม่ว่าจะเป็น กะหล่ำปลี ผักกาดขาว บรอกโคลี คะน้า และหัวไชเท้า เนื่องจากพืชเหล่านี้มีสารกอยโตรเจน (goitrogen) ที่เป็นตัวไปขวางการจับไอโอดีนของต่อมไทรอยด์ ที่มารูปภาพ : https://pixabay.com/th/photos/กะหล่ำปลี-การเพาะปลูก-ผัก-3722498/ 2.ควรรับประทานแอลกอฮอล์ในปริมาณน้อย หรือควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีที่สุดค่ะ เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้ฮอร์โมนไทรอยด์ไม่สมดุลกัน ที่มารูปภาพ : https://pixabay.com/th/photos/เครื่องดื่ม-เครื่องดื่มแอลกอฮอล์-2578446/ 3.ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่โหมงานหนักจนต้องโต้รุ่ง ที่มารูปภาพ : https://pixabay.com/th/photos/การนอนหลับ-เตียง-ผู้หญิง-ห้องนอน-1209288/ 4.ดื่มน้ำให้ได้วันละ 7-8 แก้วต่อวัน และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ที่มารูปภาพ : https://pixabay.com/th/photos/น้ำ-แก้ว-ลดลง-เครื่องดื่ม-2296444/ 5.หลีกเลี่ยงความเครียดซึ่่งจะเป็นตัวทำลายสมดุลทางด้านอารมณ์และจิตใจ ที่มารูปภาพ : https://pixabay.com/th/photos/ผู้หญิง-ใบหน้า-ขวักไขว่-ความเครียด-2696408/ เห็นไหมคะว่า...แทบจะทุกข้อที่กล่าวมาตัวเราเองเท่านั้นที่จะกำหนดพฤติกรรมของตัวเองได้ หวังว่าผู้อ่านจะมีสุขภาพที่ดีจากการอ่านบทความนี้กันนะคะ ที่มาแหล่งข้อมูล : https://www.pobpad.com/ไฮโปไทรอยด์ https://www.bangkokpattayahospital.com https://health.kapook.com/view177067.html