บทความนี้เล่าประสบการณ์ตรงที่เคยนำวิธีของชาวญี่ปุ่นมาออมเงินกับตัวเองค่ะต้องขอออกตัวว่าเราเป็นคนที่ประหยัดมากถึงมากที่สุดเป็นทุนเดิม แน่นอนว่าบัญชีรายรับรายจ่างนี่มาเป็นเล่ม ๆ แถมยังพิมพ์ลง Excel เก็บไว้อีกที่สำรอง เผื่อทำสมุดหาย (หนักค่ะ ยอมรับ)แต่ถึงจะประหยัดยังไงเราก็คิดว่าเราเก็บเงินได้น้อยกว่าที่ตั้งเป้าไว้อยู่ดีเลยตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราใช้จ่ายใน หมวดอะไร เยอะไปเป็นพิเศษรึเปล่าทำไม เราถึงยังคิดว่ามันไม่พอนะนี่ก็คือจุดเริ่มต้นที่เราเริ่มหาวิธีตามโลกออนไลน์บ้างแถมยังเข้าร้านหนังสือเพื่อหาไอเดียเก็บตังค์ แล้วเราก็เจอกับ ‘Kakeibo’ วิธีโบราณที่ไม่โบราณของชาวญี่ปุ่นเพื่อการออมเงินความเจ๋งของวิธี Kakeibo นี้คือไม่ต้องใช้เทคโนโลยี ต้องการแค่สมุด ดินสอ ปากกาเท่านั้น ด้านล่างตัวอย่างรูปสมุดของเราเองKakeibo ต้องการสมุดสองเล่ม เล่มเล็ก ๆ เอาไว้จด real time หลังจากจ่ายเงินเลยว่าเราพึ่งใช้เงินเพื่ออะไรไป และอีกเล่มใหญ่หน่อย เอาไว้สรุปทุกสัปดาห์ สองสัปดาห์ หรือทุกเดือนแล้วแต่เพื่อน ๆ เลย เพราะบางคนอาจจะเงินเข้ารายสัปดาห์ รายครึ่งเดือนค่ะKakeibo แบ่งหัวข้อในการจดเป็น 4 หมวดใหญ่ ๆ (ในสองสมุดสองเล่มเลยนะ)สิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตเพื่อการเข้าสังคมอื่น ๆ ที่คิดว่าไม่จำเป็นต้องมีในการดำรงชีวิต (แต่ซื้อมาอยู่ดี)อื่น ๆ สำหรับโอกาสพิเศษเช่น วันเกิดเพื่อน รถเสีย ซ่อมบ้าน (ต่างจากข้อที่กล่าวมาเพราะ "อื่น ๆ" ข้อนี้จะมาโดยคุณไม่ได้คาดไว้ก่อน)ตอนสรุป (สิ้นเดือน สิ้นอาทิตย์ กลางเดือน แล้วแต่เลยค่ะ) Kakeibo ให้ตอบคำถามตัวเอง 4 ข้อรายได้ เงินที่เรา มีเราต้องการ เก็บเงิน มากเท่าไหร่จริง ๆ แล้วเรา ใช้เงิน ไปมากเท่าไหร่เราจะ ปรับปรุง การใช้เงินในรอบถัดไปได้อย่างไรบ้างข้อดีการตอบคำถามเหล่านี้นอกจากจะทำให้เราเห็นภาพสรุปการใช้เงินที่ผ่านมาแล้วยังช่วยให้เราวางแผนการเงินเดือนถัดไปด้วยค่ะคำแนะนำจากเราเองถ้าร่างตารางไม่ถูก แนะนำ search "printable kakeibo" ค่ะถ้าเรารู้ว่าสิ่งที่จะซื้อ หรือเอาเงินไปแลกมานั้นไม่ได้จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่นรองเท้าคู่ใหม่ หูฟังใหม่ หรือของลดถล่มราคา ลองใช้ 24 hours rule ค่ะ ของมันไม่ไปไหนหรอก เดินออกมาจากตรงนั้นก่อน กลับบ้านนอนคิดซักคืน ถ้าตื่นมาแล้วคิดว่าเรายังต้องการมันอยู่ ก็จัดเลยคะ ลองใช้เงินสดดู เป็นจิตวิทยานิด ๆ ค่ะเพราะเราจะรู้สึกเสียดายอะไรที่จับต้องได้ (เงินสด) มากกว่าอะไรมองไม่เห็น เช่นการรูดบัตรค่ะรู้สาเหตุของการใช้จ่ายสิ้นเปลืองแล้วไม่ทำตัวอย่างง่าย ๆ เช่น ไม่ควรไป supermarket ตอนหิว แถมตอนนี้กลับไปตอบคำถามตัวเองได้แล้วหลังจากทดลองใช้วิธี kakeibo ของญี่ปุ่นมาครึ่งปี...Q: เราใช้จ่าหมดอะไรเยอะเป็นพิเศษรึเปล่าA: เพื่อการเข้าสังคมค่ะ (ซองมาเยอะเหลือเกิน) Q: ทำไมเราถึงยังคิดว่ามันไม่พอนะA: เราไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าเก็บเงินไปเพื่ออะไร เราเลยคิดว่ามันเยอะไม่พอซักที เอาไว้เป็น case study ได้ค่ะ อย่าลืมเลย เก็บเงินไปทำไมทิ้งท้ายบทความนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ทำได้ง่าย ๆ แค่สมุด ดินสอที่เพื่อน ๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อการวางแผนทางการเงินค่ะขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากwww.cnbc.com/2020/01/08/how-this-japanese-method-of-saving-money-changed-my-lifeand-made-me-richer.htmlwww.youtube.com/watch?v=Re4sv-vIGIYPhoto Credit : Naomi editor