ขนมข้าวต้มผัดคุณยาย สวัสดีค่าาาาา วันนี้แวะมาทักทายด้วยขนมบ้านๆ ที่ถ้าใครเดินตลาดสดต้องเห็นวางแผงขายแน่ๆ เมนูนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ผู้เขียนได้รับการถ่ายทอดจากคุณยายตั้งแต่ยังเด็กเช่นเคยค่ะ เนื่องด้วยแถบท้องถิ่นที่ผู้เขียนอาศัยอยู่เป็นวิถีชีวิตที่ตอนเช้าชาวบ้านจะทำอาหารไปวัดกันประจำเวลามีงานบุญประเพณีก็มักจะประกอบด้วยขนมที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของงานบุญนั้นๆโดยเฉพาะขนมข้าวต้มผัดจะมีแทบทุกงานบุญประเพณีของท้องถิ่นผู้เขียนและถึงแม้ขนมข้าวต้มผัดจะเป็นเหมือนขนมประจำทุกประเพณีแล้วนั้นรสชาติของขนมก็ยังคงมีความเป็นตัวเองของแต่ละครอบครัว แต่ละครอบครัวก็มีเทคนิคการห่อการปรุงรสที่แตกต่างกันที่ต่างครอบครัวก็ได้รับการถ่ายทอดจากแต่ละช่วงอายุของบรรพบุรุษของตนเอง ฉะนั้นถึงจะขึ้นชื่อขนมเดียวกันแต่ความแตกต่างทางรสชาติยังคงแตกต่างกันแน่นอน บางครอบครัวก็ห่อสวยงามคล้ายงานศิลปะที่สวยงาม บางครอบครัวก็ครีเอทการห่อจากอย่างอื่นที่ไม่ใช่ใบตอง ทำให้มีข้าวต้มผัดที่หลากหลายทั้งรสชาติและการห่อแต่ในวันนี้ผู้เขียนจะมาพาทำข้าวต้มผัดแบบดั้งเดิมสูตรคุณยายที่พอได้ลิ้มรสทีไรต้องนึกถึงความเป็นไทยดั้งเดิมทุกทีคิดถึงช่วงเวลาที่ได้ทำขนมร่วมกันเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปทำขนมต้มผัดกันดีกว่าค่าาา วัตถุดิบ ข้าวเหนียวนึ่งสุก กะทิ น้ำตาลปิ๊บ เกลือ พริกไทยป่น ถั่วนึ่ง กล้วยสุก ใบตอง ขั้นตอนการทำ 1. ตัดใบตองแล้วนำใบตองไปผึ่งแดดระหว่างปรุงข้าวและนำถั่วที่จะใช้นึ่ง ในกรณีนี้สามารถใช้ถั่วได้ตามความชอบของผู้ปรุงอาหารเลย ครัวเรือนไหนสะดวกจะใช้ถั่วชนิดใดในส่วนผสมก็สามารถใช้ได้เลย ไม่ได้ทำให้รสชาติของข้าวต้มผัดลดลงจากการที่ครอบครัวของผู้เขียนได้ลองใช้ถั่วหลายๆ ชนิดดูแล้ว ถั่วไม่ได้ทำให้ข้าวต้มผัดเสียความเป็นรสชาติของข้าวต้มผัดแต่อย่างใดฉะนั้นสามารถใช้ถั่วได้แทบทุกชนิดค่ะ ยกเว้นถั่วลันเตากับถั่วฝักยาวไว้ละกันนนนน แต่ในวันนี้ผู้เขียนใช้ถั่วลิสงนึ่งค่า 2. ตั้งกระทะด้วยไฟอ่อนๆ เทกะทิลง 2/4 ของข้าวเหนียวนึ่งสุก นำน้ำตาลปี๊บ1/4 ของข้าวเหนียวนึ่งสุกแล้วนำลงไปเคี่ยวในน้ำกะทิเติมเกลือเล็กน้อยเคี่ยวจนน้ำตาลปิ๊บละลายจากนั้นนำข้าวเหนียวนึ่งสุกที่เตรียมไว้ลงเคี่ยวกับน้ำกะทิที่ปรุงก่อนหน้านั้นผัดให้กลายเป็นเนื้อเดียวกันสามารถเติมข้าวเหนียวสุกเพิ่มได้ตลอดหากน้ำกะทิที่ปรุงยังคงมีปริมาณเยอะจนทำให้ข้าวที่ผัดแฉะ บ้านผู้เขียนจะโรยพริกไทยป่นไปผัดด้วยในตอนท้ายตัดความหวานเล็กน้อยด้วยเกลือเมื่อผัดได้ที่แล้วก็ตักข้าวออกไปพักในภาชนะที่เหมาะสมและทนต่อความร้อนของข้าวที่เพิ่งผัดเสร็จใหม่ๆได้เป็นอย่างดี 3. เก็บใบตองมาตัดและเช็ดทำความสะอาดตัดให้มีลักษณะไม่กลมหรือรีเกินไปนำถั่วลิสงที่สุกแล้วมาปอกเปลือกเตรียมใส่ภาชนะสำหรับถั่วเมื่อเสร็จก็เตรียมหั่นกล้วยสุกโดยหั่นให้มีลักษณะเหมือนกำลังทำเนื้อทอดปาดตามแนวยาว1 ผลสามารถหั่นได้3 ชิ้น 4. ขั้นตอนแรกของการห่อขนมหยิบใบตองขึ้นมา 2 ใบวางซ้อนกันเหมือนหาความน่าจะเป็นค่ะ ตักข้าวปรุงสุกใส่ 2 ช้อนโต๊ะ หยิบถั่วโรยลงตามความเหมาะสม ในสายตาผู้ห่อว่าควรมีกี่เม็ดใน 1 ห่อใส่แค่ไหนจะพอดีใส่แล้วจะห่อได้หรือเปล่าจากนั้นนำกล้วยที่ผ่านการหั่นเตรียมไว้ก่อนหน้านั้นมาวางบนข้าวอีกทีเมื่อเสร็จก็จัดการห่อการห่อก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่การันตีได้เลยนะว่าครอบครัวไหนมีฝีมือทำขนมมาแต่โบราณกาลเพราะคนที่ห่อสวยก็จะห่อสวยมากส่วนของผู้เขียนก็เอาแค่พอดูได้ค่ะยากเกินไปกับงานฝีมือ 5. ห่อเสร็จก็นำไปนึ่งสัก5-10 นาทีนึ่งเอากลิ่นหอมใบตองแต่บางครัวเรือนเขาก็นึ่งเพราะข้าวที่เขาผัดนั้นยังไม่ได้สุกมากหรืออาจจะเพราะถั่วที่ใช้คือถั่วดิบเลยเผื่อมาสุกตอนนึ่งเมื่อห่อเสร็จแต่บ้านผู้เขียนนึ่งเอากลิ่นใบตองแล้วก็กลิ่นของขนมต้มผัดกับถั่วและกล้วยให้เป็นกลิ่นสัมผัสเดียวกันโดยที่คงความไม่เละและไม่ต้องกังวลว่าข้าวจะสุกหรือยังเพราะถ้านึ่งไปเรื่อยๆจนข้าวสุกใบตองก็จะหดเกินไปความสวยงามของห่อขนมก็จะลดลง เป็นยังไงกันบ้างคะกับขนมพื้นบ้านทางฝั่งบ้านผู้เขียนเป็นอีกขนมไทยที่ผู้เขียนชอบมากอีกหนึ่งอย่างเลยค่ะเวลาทำก็จะคิดถึงคุณยายมากเหมือนกันเพราะท่านเป็นคนสอนทำจำได้ว่าตอนทำครั้งแรกห่อคือดูไม่ได้ แต่คุณยายก็เลือกชิมอันนั้นทำให้ผู้เขียนรู้สึกดีใจมากในตอนนั้นและพยายามที่จะห่อให้มันสวยเสมอพยายามเงียบๆมาตลอดจนตอนนี้ผู้เขียนก็อยากบอกคุณยายว่าหลานห่อได้รูปร่างใกล้เคียงยายแล้วนะคะไว้ยังไงทุกคนอย่าลืมเอาไปลองทำให้คนที่บ้านทานกันนะค๊าาาา รับรองว่าถ้าได้ทำต้องชอบเหมือนผู้เขียนแน่นอน Credit cover: hocsui