เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะเห็นแฮชแท็ก #LetTheEarthBreath ขึ้นมาในเทรนด์ทวิตเตอร์ตั้งแต่คืนวันที่ 14 เมษายนและมีการรณรงค์ชวนกันประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ ประหยัดพลังงานลดโลกร้อน เนื่องจากมีนักวิทยาศาสตร์ออกมาประท้วงรัฐบาลอังกฤษ ที่ได้อนุญาตให้มีการสร้างโรงงานพลังงานฟอสซิล ซึ่งจะทำให้ในอีก 3-5 ปีข้างหน้าโลกร้อนขึ้น ทำให้นักวิทยาศาสตร์เริ่มทนไม่ไหวออกมาประท้วงว่า มันจะทำให้โลกร้อนนะ พวกเขาเตือนมาหลายปีแล้ว แต่ไม่มีใครฟังเลย ซึ่งการที่จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ มันจะเกิดขึ้นยากมากหากใช้มือของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ดังนั้นการที่แฮชแท็กนี้ขึ้นเทรด์ มันเป็นแค่กระบอกเสียง หากจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริงๆนั้น เหนือกว่าแฮชแท็กแล้ว คือการร่วมมือปฏิบัติอย่างจริงจังเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศโลกของเราทรุดลงทุกที แม้จะมีข่าวแว่วๆว่า โรคระบาดในช่วงของโรคระบาด มนุษย์จะอยู่แต่ในบ้าน ทำให้โลกได้ฟื้นฟูบ้าง แต่ในขณะเดียวกันสารเคมีที่เป็นภัยต่อโลกก็ยังถูกปล่อยออกมาอยู่ดี ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม - 12 พฤศจิกายน เมื่อปี พ.ศ.2564 มีการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (CO26) ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ โดยมีการบรรลุข้อตกลงเพื่อควบคุมปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลักดันให้ยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งการประชุมนี้ ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ว่ามนุษย์มีความตื่นตัวกับปัญหาสภาพภูมิอากาศแล้ว แต่เมื่อได้เห็นคลิปที่เป็นไวรัลของนักวิทยาศาสตร์ ที่บอกถึงปัญหาของโลกใบนี้จนเกิดแฮชแท็กแล้ว มันไม่ควรที่จะมีความอุ่นใจอีกต่อไป ขณะนี้โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ซึ่งไปในทางทิศลบ นํ้าแข็งละลายจนแทบจะไม่เหลือแล้ว ต้นไม้ก็ถูกตัดทิ้งเพื่อสร้างอาคาร ตึกสูงๆ โรงงานมีการปล่อยก๊าซที่เป็นพิษส่งผลให้ชั้นบรรยากาศถูกทำลายลงไปเรื่อยๆ ซึ่งเชื่อว่าคนไทยเอง ได้เห็นแล้วว่าโลกของเราไม่ปกติอีกแล้ว เราช่วงหน้าร้อนกลับมีฝนตก มีอากาศหนาว และสิ่งเหล่านี้ก็เกิดจากฝีมือชาวโลกที่เรียกว่า มนุษย์ บางทีโลกเราถูกทำลายเกินกว่าจะรักษาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว แต่เราสามารถทำให้โลกนี้ได้มีที่อยู่ อาหาร เพื่อเราและลูกหลานเราได้ใช้ชีวิตบนโลกนีให้ได้ที่สุดได้ สิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้เลยทันที คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ที่ส่งผลให้โลกร้อน เช่น ปลูกต้นไม้ ลดการใช้พลาสติก ใช้นํ้าอย่างประหยัด ปิดไฟและถอดปลั๊กทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้ อย่ากินทิ้งขว้าง และสิ่งที่สำคัญจิตสำนึกของมนุษย์ เราไม่รู้หรอกว่า สิ่งที่เราเขียนในบทความนี้จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรือเปล่า แต่เราขอเป็นอีกกระบอกเสียง ที่จะสามารถทำให้พวกเราทุกคนมีความตื่นตัว ไม่มองข้ามกับปัญหาโลกที่เรากิน ใช้ อยู่ ในตอนนี้ หวังว่าเราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้นะภาพปก จาก Ehimetalor Akhere Unuabona | Unsplash.comภาพที่1 จาก Markus Spiske | Unsplash.comภาพที่2 จาก veeterzy | Unsplash.comภาพที่3 จาก Chris Gallagher | Unsplash.comภาพที่4 จาก Markus Spiske | Unsplash.comเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !