ขอบคุณภาพหน้าปกจาก : https://www.canva.com ชีวิตวัยเด็กในโรงเรียนของผมไม่ค่อยสดใส โสภานักความที่ผมเป็นเด็กแปลกแยกเข้ากับใครไม่ค่อยได้เล่นกีฬาไม่เก่งร่างกายอ่อนแออ้วนตุ๊ต๊ะ แถมขี้แยอีกต่างหากด้วยเหตุนี้ ผมจึงเป็นเหยื่อชั้นดีสำหรับเด็กขี้แกล้งในชั้นเรียนเบาะ ๆ ก็โดนด่าว่าล้อเลียนหนัก ๆ เข้าก็โดนใช้กำลังกลั่นแกล้งเอาแรง ๆ ไม่ต่างอะไรกันกับ“ ออสการ์เด็กชายอายุสิบสองท่าทางแหย ๆ แปลก ๆ เข้ากับเพื่อนที่โรงเรียนไม่ค่อยได้แถมยังถูกรังแกเอาเจ็บ ๆเด็กอย่างพวกเราก็เหมือนกับของเล่นให้เด็กเกเรข่มเหงรังแกกันอย่างสนุกสนานแทบทุกวัน แน่นอนผมไม่ได้สนุกไปด้วยผมโกรธและเกลียดพวกมันผมอยากสู้อยากบอกให้พวกมันเลิกรังแกผม แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะผมอ่อนแอและขี้ขลาดเกินไปออสการ์เองก็เช่นกันดังนั้นเราทั้งสองจึงถูกรังแกอยู่เรื่อยไปทุก ๆ วันเราต้องคอยหวาดกลัวว่าจะโดนแกล้งไหมต้องเจ็บใจและเจ็บตัวต้องนั่งเหงาเพราะไม่มีใครอยากคบเราเป็นเพื่อนชีวิตในโรงเรียนส่วนใหญ่จึงเหมือนฝันร้ายดี ๆ นี่เอง แต่แล้ววันหนึ่งฝันร้ายของออสการ์ก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับ เด็กหญิงท่าทางแปลก ๆ คนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกันเด็กหญิงคนนั้นมีชื่อว่า "อีลี่ "อาจด้วยความที่เป็นเด็กแปลก ๆ เหมือนกันทั้งคู่จึง เริ่มผูกมิตรและสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว ไม่นานหลังจากนั้นชีวิตที่เงียบเหงาและหมองหม่นของออสการ์ จึงดูสว่างไสวขึ้นอีกนิดมิตรภาพของทั้งสองงอกเงยพร้อม ๆ กับชีวิตใน แต่ละวันของออสการ์ที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีเขาเข้มแข็งและร่าเริงขึ้น กระทั่งกล้าลุกขึ้นสู้กับคนที่รังแกเขาทุกอย่างล้วนเป็น ผลพวงจากการที่เขาได้พบกับเธอจนในที่สุดเขาเริ่มรู้สึกชอบเธอทุกอย่าง คงไปได้ด้วยดีถ้าไม่ติดปัญหาอยู่อย่างหนึ่งปัญหานั้นก็คือ อีลีที่ว่าไม่ได้เป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาทั่ว ๆ ไปแล้วเธอก็ไม่ใช่เด็กผู้หญิงหรอกอันที่จริงเธอไม่ใช่คนด้วยซ้ำไป แต่เธอเป็นแวมไพร์ขอบคุณภาพประกอบจาก : https://pixabay.comออสการ์และอีลีเป็นตัวละครหลักในหนัง Let the Right One In (2008) ฝีมือการกำกับของโธมัสอัลเฟรดสัน (Thomas Alfredson 1965-) สร้างขึ้นมาจากนิยายยอดฮิตของสวีเดนที่มีชื่อเดียวกัน (2004) จากปลายปากกาของนักเขียนชาวสวีเดนอย่างจอห์นลินด์ควิสต์ (John Lindqvist 1968-)เห็นพล็อตเรื่องแบบนี้อาจทำให้หลาย ๆ คนนึกไปถึงหนังแวมไพร์วัยรุ่นโรแมนติคที่ขายหนุ่มหล่อสาวสวยอย่าง Twilight (2008) อย่าเพิ่งเข้าใจผิดเพราะมันไม่ได้มีอะไรเฉียดใกล้กันเลยแม้แต่น้อย Let the Right One In เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของมนุษย์กับแวมไพร์ที่บาดเจ็บบกพร่อง และเปลี่ยวเหงาซึ่งมาเจอะเจอกันในบรรยากาศอันเย็นยะเยือก และเงียบงันของสวีเดนหนังเต็มเปี่ยมไปด้วยความมืดหม่นอึดอัดหนาวเหน็บเศร้าสร้อยและสยดสยอง แต่แฝงไว้ด้วยความซาบซึ้งกินใจด้วยเรื่องราวความรักความผูกพัน ในวัยเยาว์ที่บังเอิญแค่ว่าคนหนึ่งเป็นมนุษย์แต่อีกหนึ่งกลับเป็นผีดูดเลือดเท่านั้นเอง“ เมื่อออสการ์เห็นอีลี่เขาเหมือนกับเห็นตัวเอง แต่เป็นตัวเขาที่ดูดีกว่าแข็งแรงกว่าและมีเสน่ห์กว่า” ออสการ์กับอีลี่เป็นขั้วตรงข้ามกัน แม้โดยเนื้อแท้แล้วจะเหมือนกันเขาสว่างเธอมีดเขาอ่อนแอเธอแข็งแกร่งเขาเป็นมนุษย์ แต่เธอไม่ใช่ในจุดหนึ่งพวกเขาต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน อีลี่เป็นเหมือนกับตัวตนที่ออสการ์อยากปลดปล่อยออกมาออสการ์เป็นเหมือนกับโลกภายนอกที่อีลี่โหยหา แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่อาจไม่ลงตัวสมบูรณ์แบบแม้สิ่งที่เขาและเธอทำอาจไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม แต่มันเป็นการดิ้นรนกระเสือกกระสนที่จะมีชีวิตรอดในโลกอันแสนโหดร้ายใบนี้มิใช่หรือ?ขอบคุณภาพประกอบจาก : https://pixabay.comนอกจากงานด้านภาพอันเย็นยะเยือกเงียบงันหม่นเศร้า แต่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นกินใจดนตรีประกอบที่คอมโพสเซอร์ชาวสวีเดนโยฮันโซเดอร์ควิสต์ (Johan Soderqvist 1966-) แต่งให้กับหนังแวมไพร์อันโดดเด่นและงดงามที่สุดในรอบทศวรรษเรื่องนี้ก็นำเสนออารมณ์อันมืดหม่นลึกลับแต่ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกรันทดงดงามในเวลาเดียวกันหรือ แม้แต่เพลงประกอบอย่าง Kvar i min bil ของศิลปินป๊อปร็อกสวีเดนอย่าง Per Gessle ที่ให้ความรู้สึกของเด็กวัยกระเตาะที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ความเป็นวัยรุ่นและเพลง Flash in the Night ของวงดนตรีนิวเวฟเป๊อปจากยุค 80s ของสวีเดนที่ให้อารมณ์เวิ้งว้างลึกลับ แต่ก็น่ารักสดใสไปพร้อม ๆ กันช่วยขับเน้นและส่งเสริมโทนหนังได้อย่างกลมกลืนผมอาจไม่ได้โชคดี (หรือโชคร้ายกันหว่า) เหมือนออสการ์ที่ได้เจอเพื่อนรู้ใจแบบอีลี่ แต่ในท้ายที่สุดผมสามารถหาสถานที่ปลอดภัย ที่ผมสามารถหลบลี้หนีหน้าเด็กเกเรเหล่านั้นจนได้ที่หลบภัยของผมแห่งนั้นก็คือ ห้องสมุด (ซึ่งแน่นอนว่าเป็นที่ที่เด็กเกเรสมองกลวงเหล่านั้นไม่มีวันจะเฉียดกรายเข้ามาใกล้เป็นแน่) และ ณ ที่แห่งนั้นเองผมได้พบกับเพื่อนคนหนึ่งเพื่อนที่รู้ใจ เหมือนกับที่ออสการ์มีอีลี่ เพื่อนที่ทำให้ผมเปิดโลกใหม่ได้พบกับสิ่งที่ผมไม่เคยพบเจอมาก่อน เพื่อนที่สอนสิ่งต่าง ๆ และบอกเล่าเรื่องราวมากมายให้กับผมเพื่อนที่ทำให้ผมเปลี่ยนจากเด็กขี้อาย แปลกแยกเข้ากับใครไม่ค่อยได้ ให้เข้มแข็งร่าเริงแจ่มใสขึ้นและในที่สุดกล้าลุกขึ้นสู้กับคนที่ชอบข่มเหงรังแก (ถึงแม้จะไม่ชนะแต่ก็ทำให้พวกมันเลิกตอแยกับผมไปได้บ้าง) เพื่อนคนนั้นไม่ใช่เด็กหญิงเด็กชายหรือแวมไพร์ที่ไหนแต่กลับเป็น สิ่งของที่ไม่มีชีวิตอย่างบรรดาหนังสือในห้องสมุดนั้นเองออสการ์กับผมเราทั้งคู่ต่างโชคดี ที่ได้พบกับเพื่อนรู้ใจได้พบกับคนที่ใช่ไม่อย่างงั้นแล้ว เราคงโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่มีปัญหาอันเป็นผลพวงมาจากประสบการณ์ และบาดแผลที่เราได้รับในวัยเยาว์ ตอนนี้ผมเองได้แต่หวังว่าในวันข้างหน้า ออสการ์คงสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไร้ปัญหาได้ไม่มากก็น้อยเพราะ มีเพียงสิ่งเดียวที่จะเยียวยาคนบกพร่องอย่างพวกเราได้นั่นคือ การได้รับความรักความเข้าใจถึงแม้ว่าจะไม่ใช่จากสิ่งที่เรียกว่า "คน" ก็ตาม ขอบคุณภาพประกอบจาก :https://pixabay.com