มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว วันหนึ่งในห้องเรียนชั้น ม.4/2 ความจริงจะพูดว่าเริ่มต้นวันนั้นมันก็ไม่ถูกนัก ต้องใช้คำว่าถูกปลดล็อคน่าจะใช่กว่า วันนั้นก็เป็นอีกวันที่ฉันถูกรังแกผ่านทั้งสายตา คำพูด และการกระทำของเพื่อนร่วมห้อง หลายวันก่อนหน้านั้น ฉันก็เจออะไรเดิม ๆ ที่สะสมขึ้นไปเรื่อย ๆ ฉันยังจำได้ดีว่าตอนนั้นพยายามควบคุมสติมากแค่ไหน บอกตัวเองว่าใครจะทำอะไรก็ปล่อยเขา ฉันต้องอดทน ฉันต้องอดทน "เธอมันตัวกาลกิณี" แล้วประโยคนั้นก็ถูกส่งจากท้ายห้อง มาเข้าหูฉัน ความรู้สึกเย็นเฉียบเข้าเกาะกุมประสาทสัมผัส ฉันตัวสั่นมาก นิ้วทั้งสิบพยายามเกาะโต๊ะเอาไว้ บอกตัวเองไม่ให้ทำอะไรทั้งนั้น "ตั้งแต่เธอเข้ามา ก็มีแต่เรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้นเต็มไปหมด ไม่มีเธอก็คงจะดี" อดทนไว้ ลยา อดทน "นังกาลกิณี" หมดสิ้นซึ่งความพยายามทั้งหมด สติฉันขาดสะบั้น ฉันไม่รู้ว่าตอนนั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง รู้ตัวอีกทีฉันก็ยืนอยู่หน้าหมอนั่น กำหมัดฉันอยู่ห่างจากหน้าเขาเพียงปลายนิ้วคั่น ฉันจำได้ว่าไม่เคยโมโหขนาดนั้นมาก่อน เอาจริง ๆ ฉันก็ไม่เคยโมโหอะไรใครง่าย ๆอยู่แล้ว ฉันเห็นสายตาเขา เหมือนคนที่กำลังช็อก ตกใจ แต่ก็ไม่วายส่งยิ้มท้าทายให้ฉันอัดเขาจริง ๆ ฉันทำไม่ได้ แต่พลังงานที่กำลังปะทุในตัวฉัน มันต้องมีทางออก ฉันจะต้องปล่อยมันออกไป ตอนนั้นฉันรู้แค่นั้น ฉันเดินออกจากห้องไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันต้องจัดการกับตัวเองยังไง ทว่าทันทีที่เห็นกำแพง ฉันก็พุ่งเข้าไป ก่อนจะปล่อยหมัดใส่ปูนซีเมนต์ปึกน้้นด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ฉันต่อย ต่อย ต่อย แล้วก็ต่อย ของเหลวสีแดงฉานอาบมือ ความเจ็บปวดที่แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูความรู้สึก แต่ฉันก็ไม่ได้หยุด เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ทำอะไรตามใจตัวเอง เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกปลดปล่อย เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รู้จักกับคำว่า "ความพึงใจที่ได้จากการทำร้ายตัวเอง" และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่ชีวิตที่ต้องรับรู้ว่าตัวเองเป็น "ไบโพล่าร์" ของฉัน Self-harm หรือการทำร้ายตัวเอง เป็นปัญหาหนึ่งที่เราพบได้ในคนแทบทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่น และผู้ป่วยที่มีปัญหาทางจิต สำหรับผู้ที่ใช้ Social media เป็นประจำอาจจะเคยเห็น ภาพแขนที่เต็มไปด้วยรอยบาด รอยกรีด เลือดชุ่มเต็มไปหมด ผ่านตากันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นกรีดเพื่อเรียกร้องความสนใจ หลังจากอกหัก ( อย่างที่คนส่วนมากยังเข้าใจกันอยู่ ) หรือกรีดเพราะกำลังทุกข์ทรมานจากปัญหาทางจิตที่ยังรับมือได้ไม่ดีพอ จะมีต้นเหตุมาจากกรณีใดก็ตาม การทำร้ายตัวเองย่อมไม่ใช่การกระทำที่คนมีสติดีและมีจิตใจที่เสถียรมากพอทำกัน ทำไมคนเราถึงทำร้ายตัวเอง? หลายคนอาจจะมีคำถามนี้ผุดขึ้นมาในใจ โอเค ลองนึกภาพตอนเราโมโหมาก ๆ แล้วอยากต่อยหรือตบใครสักคน บางครั้งก็อาจจะอยากต่อยกำแพง หรือปาข้าวของ ทุกคนน่าจะเคยรู้สึกอะไรพวกนี้สักครั้งในชีวิตใช่ไหมคะ? แต่สำหรับผู้ป่วยทางจิต ด้วยสารเคมีที่ไม่สมดุลกันในสมอง ส่งผลให้พวกเขามีสิทธิ์รู้สึกแบบนี้ ทุกวัน ตลอดเวลา และหลาย ๆ คนก็ยังไม่รู้วิธีที่จะจัดการกับพลังงานและความรู้สึกแง่ลบเหล่านี้อย่างถูกต้อง การทำร้ายตัวเองจึงเป็นหนึ่งในทางออกของใครหลายคน เพราะมันทำได้ง่าย และไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ( ยกเว้นคนที่ทำนั่นแหละ ) เราขอตอบจากประสบการณ์ส่วนตัวของเรานะคะ สำหรับเรา ทุกครั้งที่ทำร้ายตัวเอง มันจะเกิดขึ้นในช่วงของ Depressing Episode ( ช่วงซึมเศร้า ) และทุกการทำร้ายตัวเองของเราเกิดขึ้นเมื่อเราไม่สามารถควบคุมสติให้เสถียรได้เท่านั้น หมายความว่าเวลาที่เราหยิบมีดมาจะจรดลงกรีดแขนตัวเองได้ แปลว่าสติเราต้องไม่มีแล้ว สำหรับผู้ป่วยที่เผชิญกับอาการทางจิตทุกคนอาจจะเข้าใจตรงนี้ดี ความรู้สึกที่เหมือนว่ากำลังเจ็บปวดและทรมานข้างในมาก ๆ แล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง การรับมือของเราโดยปกติก็จะนอนร้องไห้ พยายามทำให้ตัวเองหลับ ถ้าทนไม่ไหวจริง ๆ ถึงจะลงมือทำร้ายตัวเอง สร้างความเจ็บปวดภายนอกเพื่อที่จะทุเลาความเจ็บปวดภายใน สรุปได้ว่า การทำร้ายตัวเองนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจอย่างที่ใคร ๆ หลายคนคิดค่ะ ( อาจจะมีคนส่วนน้อยที่ทำแบบนั้น แต่เราไม่มีทางรู้ว่าแต่ละคนชีวิตต้องผ่านอะไรมาบ้างก่อนจะโพสต์เรียกร้องความสนใจอะไรก็แล้วแต่ ดังนั้นอย่าเพิ่งตัดสินอะไรใครผ่านโลกออนไลน์ก่อนจะดีมาก ) มันเป็นปัญหาที่ใหญ่และหยั่งรากลึกกว่านั้นมาก การจรดมีดลงเชือดเฉือนตัวเองได้อาจจะเป็นการกระทำสิ้นคิดของคนอกหักบางคน เพื่อโพสต์ลงโซเชี่ยลมีเดีย แต่แท้จริงถ้าเราเห็นหรือรับรู้ว่าใครทำร้ายตัวเอง มันควรเป็นเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือแบบเงียบ ๆ จากพวกเขาว่าตอนนี้พวกเขากำลังไม่โอเคนะ และถ้าทำได้ ยื่นความช่วยเหลือให้พวกเขาเท่าที่เราไหวเถอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการรับฟัง การแนะนำให้พวกเขารับความช่วยเหลือจากแพทย์ และเป็นสายซัพพอร์ตที่ดี ศึกษาและทำความเข้าใจปัญหาพวกนี้ให้มากขึ้น คุณอาจจะได้ใช้ประโยชน์จากมันในอนาคต