ทริปไม่มีแผนคราวนี้ เนื่องจากปีนั้นคุณแม่พึ่งเสีย และคุณพ่ออยู่ในสภาวะที่ไม่ค่อยจะเป็นสุข เราจึงวางแผนพาพ่อใหญ่ (คุณพ่อ) ไปเที่ยวให้ห่างบ้านห่างเรือนสักพัก เผื่อจิตใจจะได้สบาย ผ่อนคลายความทุกข์ไปบ้าง เราใช้เวลาในการเดินทาง 3 วัน 2 คืน พลาดหน่อยตรงเลือกเดินทางในช่วงหน้าร้อน ทำให้ต้นไม้ใบหญ้าไม่เขียวชะอุ่มอย่างที่เราเคยเห็น แต่ยังไงก็ยังสวยงามแปลกตาไปอีกแบบสำหรับคนภาคอื่นอย่างเรา ๆ ในทริปของเรามีผู้ร่วมเดินทางเป็นพระภิกษุและคนชรา จึงมีข้อจำกัดโดยเฉพาะในเรื่องที่พัก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเรา เพียงแต่ต้องดูแลเรื่องอาหารการกินของขบฉัน รวมถึงเวลาการออกเดินทางและเข้าที่พักในแต่ละวันนั้นให้มีความเหมาะสม กล่าวคือ ที่พักนั้นเราเลือกพักตามสำนักสงฆ์ขนาดเล็ก หรือวัดขนาดเล็ก ๆ เพื่อที่จะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละท้องถิ่น ส่วนการออกเดินทางในแต่ละวันเราจะต้องออกเดินทางหลังจากการฉันภัตตาหารเช้าแล้ว ส่วนช่วงเย็นเราจะมองหาที่พักก่อนพระอาทิตย์ตกดิน หรือประมาณบ่ายสี่โมงก็จะเริ่มมองหาที่พักและเข้าที่พักราว ๆ ไม่เกิน 5 โมงเย็นเพื่อพระจะได้ทำกิจของสงฆ์ได้ เราออกเดินทางจากที่พักหลังจากจังหันแล้ว (ถวายภัตตาหารเช้าแล้ว) มุ่งหน้าไปอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย แวะทานข้าวร้านข้างทางง่าย ๆ ตามสะดวก ถึงอำเภอศรีสัชนาลัยในช่วงบ่าย แวะวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง พ่อใหญ่ได้ถวายปัจจัยสมทบซ่อมหลังคาพระอุโบสถ แล้วเข้าไปไหว้พระ แลแดดศรีสัชนาลัยหาได้เมตตาปราณีเราไม่ อยากวิ่งหนีก็ไม่สามารถทำได้จำใจแบกกล้องเดินตากแดดไปถ่ายรูปตามใจคนแก่แล้ว จะกางร่มหรือใส่หมวกก็ไม่ได้ พ่อใหญ่จะดุเอาว่าไม่เคารพสถานที่ เป็นลูกต้องอดทน สู้เว้ย ! ในตอนแรกเรากะว่าจะค้างที่ศรีสัชนาลัยสักคืน แต่เห็นว่าเวลายังเหลืออีกหลายชม. เลยตัดสินใจว่าเราไปต่อกันดีกว่า เราขับรถจากศรีสัชนาลัยเข้าอำเภอวังชิ้น เลียบแม่น้ำยมไปเรื่อย ๆ เราลงมติกันว่าเราจะพักวัดใดวัดหนึ่งใกล้ ๆ น้ำยม จนกระทั่งถึงบ้านวังแฟน มีวัดเล็ก ๆ ริมถนนเราจึงเลี้ยวเข้าไปพบเจ้าอาวาสกำลังกวาดลานวัดพอดี ก็เข้าไปกราบนมัสการและขอพัก 1 คืน หลวงพ่อท่านเมตตาให้เราพักบนศาลาของวัด เมื่อทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วเรา (ผู้เขียนและคนขับ) สองตายายก็ขับรถเข้าไปในตัวอำเภอวังชิ้นเพื่อหาซื้ออาหารเย็นสำหรับคนแก่กว่า และสำรวจตลาดว่ามีอะไรขายในตอนเช้าเพื่อจะทำใส่บาตรถวายพระด้วย วัดบ้านวังแฟนถึงจะเป็นวัดเล็ก ๆ ก็สะอาดสะอ้าน มีความสงบร่มรื่น หลังทำวัตรเย็นแล้ว เราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ตอนเช้าพระออกบิณฑบาตร เราก็เดินสำรวจตลาดในหมู่บ้าน มีชาวบ้านเอาอาหารสำเร็จมาขายใกล้ ๆ หน้าวัด เราเดินสำรวจรอบ ๆ หมู่บ้านแล้วก็รีบเข้ามาในวัดเพื่อเตรียมถวายภัตตาหารเช้า หลังจากที่ท่านเจ้าอาวาสบิณฑบาตรกลับมาแล้วมีโยมผู้หญิงมารอถวายภัตตาหารและของสังฆทานอื่น ๆ เราก็นึกว่าทุกคนจะรอถวายพร้อมกันเหมือนวัดทางอีสาน แต่ที่นี่กลับมีการถวายเป็นเคส ๆ ไป พอโยมกล่าวคำถวายเสร็จ พระก็จะกล่าวคำอวยพรเป็นภาษาเหนือมีความยาวประมาณ 2 นาที จับใจความได้ว่า “วันนี้ เวลานี้ เป็นฤกษดี ที่นาง ก ได้มาทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้ นาย ข ผู้เป็นบิดา หากวิญญาณของนาย ข สถิตย์อยู่ ณ ที่แห่งใด ขอจงรับรู้และมารับเอาส่วนบุญนี้ และมีคำกล่าวเป็นภาษาบาลีดังนี้ ยถาวาริวหา ...” พอถึงคำเป็นบาลี โยมก็จะทำการกรวดน้ำ วันนั้นเห็นมีโยมมาถวายของประมาณ 3-4 คน หลวงพ่อท่านก็กล่าวแบบนี้ 3-4 รอบ ดูท่าน่าจะเหนื่อยเหมือนกันแฮะ เสร็จจากการถวายของก็เป็นเวลาฉันภัตตาหาร พระทางเหนือจะฉันอาหารในโรงครัว (หรือห้องครัวเรียกไม่ถูก) ไม่เหมือนทางอีสานที่ฉันที่หอฉัน หรือศาลา (หอแจก) พอฉันเสร็จ ก็เป็นเวลาของโยม กินกันอิ่มแล้วก็ทำความสะอาดศาลา ถวายปัจจัยค่าน้ำค่าไฟชำระหนี้ธรณีสงฆ์ก็ออกเดินทางต่อ ป้ายแรกของการเดินทางในวันที่ 2 เป็นวัดพระธาตุลำปางหลวง ลำปางร้อนมาก ! ขอบอก เดินตามคนแก่และพระไปไหว้พระในวัดพระธาตุ และเดินเข้าไปชมภาพแสงหักเห เงาพระธาตุลำปางหลวงในหอพระพุทธ ผู้หญิงอย่างเราหมดสิทธิ์เพราะอนุญาตให้แค่ผู้ชายขึ้นไป เราก็ได้ชมแค่ภาพถ่ายเท่านั้น ออกจากวัดพระธาตุลำปางหลวงแล้ว เราเดินทางต่อไปที่บ้านห้วยต้ม จังหวัดลำพูน โดยตั้งใจจะไปพักที่บ้านห้วยต้ม และนมัสการพระพุทธบาทห้วยต้ม แต่ก็เปลี่ยนใจเลือกพักวัดเล็ก ๆ แถว ๆ บ้านห้วยต้มแทน คืนนี้ทำวัตรเย็นกันแบบเหงา ๆ หลวงพ่อเจ้าอาวาสออกตัวว่า “วัดเฮาเป็นวัดตุ๊ก ๆ (วัดจน ๆ) บ่มีอะหยัง” ซึ่งพวกเราไม่ได้ติดใจอะไรเลย เราต้องการพักวัดเล็ก ๆ เพื่อจะได้สงบจิตใจ และมีโอกาสได้สนทนากับพระในวัดแห่งนั้นมากกว่า ขนาดว่าวัดท่านเป็นวัดเล็ก ๆ แต่แรงศรัทธาของคนในชุมชนไม่ได้น้อยเลย รุ่งเช้าหลังถวายภัตตาหารแล้ว เราก็ออกเดินทางไปวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ช่วงนี้เริ่มมีการก่อเจดีย์ทราย มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประปราย พ่อใหญ่ไหว้พระเสร็จเรียบร้อยก็ไปนั่งพัก มีชาวบ้านเดินมาคุยเล่นทักทายสอบถามว่าเรามาจากไหนและจะไปไหนสนทนากันพอสมควรก็ลากลับ จากนั้น เราเดินทางไปวัดมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย พาพ่อใหญ่ทำบุญและเดินเวียนเทียบรอบเจดีย์เสร็จ ก็มานั่งพักในร่ม มีน้อง ๆ ที่มาคอยบริการดอกไม้ธูปเทียนพูดคุยทักทายคนแก่ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม วัดมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย สังเกตุได้ว่าทริปนี้เรามักจะให้ความเอื้อเฟื้อทักทายปราศรัยและอำนวยความสะดวกให้เสมออาจจะเพราะมากับคนแก่ และพระสงฆ์ก็เป็นได้ หลังจากทำบุญไหว้พระเสร็จเรียบร้อยเราก็เดินทางกลับด้วยใจอันชุ่มชื่นเบิกบาน และพ่อก็มีความผ่อนคลายสบายใจบ้าง แม้ระหว่างทางจะนินทาแม่ผู้ที่ไม่มีกายหยาบมาด้วยตลอดทางก็ตาม เรื่องและภาพ โดยผู้เขียน