เครดิตภาพปก : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ Quentin Tarantino ****มีการพูดถึงเนื้อหาสำคัญในเรื่อง Once Upon a Time in Hollywood **** ในฐานะภาพยนตร์ที่สร้างขึ้น โดยเป็นการเล่าเรื่อง ในคืนที่เกิดเหตุการณ์ ฆาตกรรม บนถนน Cielo Drive ตัวเรื่อง Once Upon a Time in Hollywood ของ Quentin Tarantino ในช่วงสุดท้าย ของตอนจบ ของหนัง ก็จบลงด้วย ความรุนแรง แต่มันก็เริ่มต้นเรื่องด้วย โฆษณา สำหรับรายการทีวี ที่ชื่อว่า Bounty Law ซึ่งเป็น ซีรีย์ตะวันตก เกี่ยวกับ มือปืนรับจ้าง ที่ได้รับหน้าที่ ล่าค่าหัวบุคคลที่อันตราย โดยจะต้องจับเป็นหรือตาย ซึ่งในจักรวาลของ Bounty Law คุณค่าของชีวิตมนุษย์ไม่ได้เป็นเรื่องของปรัชญาหรือนามธรรม มันเป็นเรื่องของมูลค่าทางการเงินล้วนๆ โดยที่ Jake Cahill จะไม่ตั้งคำถามใดๆ ยกเว้นว่า เขาจะได้รับค่าหัว 500$ ทุกๆครั้ง ที่นำศพไปส่งได้ที่ไหน แน่นอนว่า Jake Cahill ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง ส่วนนักแสดง ที่แสดงเป็นเขาในเรื่องชื่อว่า Rick Dalton (รับบทโดย Leonardo DiCaprio) แต่อย่างลืมนี่เป็นภาพยนตร์ Quentin Tarantino มันคงไม่จบแค่นั้น Rick Dalton มีสตั๊นแมนคู่ใจ ในภาพยนตร์ของเขา เป็นผู้ช่วยที่ชื่อว่า Cliff Booth (รับบทโดย Brad Pitt) Rick อธิบายงานให้กับผู้สัมภาษณ์ เรื่องหน้าที่ของ Cliff คือ “ช่วยแบกสัมภาระ” แต่จริงๆแล้วมันเป็นหน้าที่อันหนักอึ่ง และได้รับเงิน ค่าตอบแทน น้อยกว่า คนขนของ ของคนอื่นที่ถึงสองเท่า หลังจากการเปิดตัวด้วย Bounty Law ตัวภาพยนตร์ จะกระโดดจากโทนสีขาวและดำ ไปเป็นสีจอกว้างและ แสดงให้เห็นบรรยากาศ จากช่วงทศวรรษ 1950 ถึงปลาย 1960 โดยเป็นช่วงเวลา 6 เดือน ก่อนจะถึงวันก่อนการเกิดเหตุฆาตกรรม บนถนน Cielo Drive ซึ่ง ณ ขณะนั้น Rick อาศัยอยู่ในบ้านใน Hollywood Hills และเขาได้มีเพื่อนบ้านใหม่ เป็นคู่สมรส ที่คาดหวังว่าจะมีลูกคนแรก โดยชื่อของพวกเขาคือ Roman Polanski และ Sharon Tate โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนตัวหนังได้ทำเหตุการณ์ นั้นออกมาให้เราได้รับชมในช่วงตอนท้ายของเรื่อง Quentin Tarantino ได้มีการสร้างลอสแองเจลิส ขึ้นมาใหม่อย่างละเอียด ตั้งแต่โฆษณาทางวิทยุ โบราณไปจนถึง การห่อกล่อง แครกเกอร์ เป็นการแสดงความรักต่อทั้งเมือง และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์และตัว Tarantino เองด้วย แต่จังหวะของภาพยนตร์ ที่ดูอึกทึกครึกโครม ก็รู้สึกเหมือนพยายามที่จะหลีกเลี่ยง ไม่ให้คนดู เห็นสิ่งเหล่านั้น นักวิจารณ์ของ Tarantino บางคนกล่าวว่า เขาพยายามที่จะหวนกลับนาฬิกากลับสู่อดีต แต่วิสัยทัศน์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้เรื่องราวในอดีตนั้นเสียไป เพราะ ความคิดที่เป็นอนาคตของTarantino เองเครดิตภาพ : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/ การคุกคามของความรุนแรงเกิดขึ้นตลอดใน Once Upon a Time in Hollywood แม้ว่าบ่อยครั้งมันจะบางเบา และยากที่จะมองเห็น แต่ในครั้งนี้เราจะพาย้อนกลับไปยังสถานที่ ที่เป็นจุดพักแขกของ Rick ที่จะต้องถ่ายทำ ภาพยนตร์เรื่อง The Green Hornet ที่มี Bruce Lee รวมแสดง ซึ่งณ ตอนนั้นเขา กำลังพูดคุยกับผู้ชมที่กองถ่าย เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง การต่อสู้แบบผาดโผน และ "การต่อสู้ที่แท้จริง" ที่เขาเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า นักรบยังคงต่อสู้สุดลมหายใจจนกว่าจะตาย แม้ในฉากที่อ่อนโยน และสง่างามที่สุด ในช่วงต้นทศวรรษ ที่ฮอลลีวูด ภาพยนต์มักจะไม่มีความรุนแรง มักจะไม่มีเลือดและเป็นนามธรรม ให้ได้เห็น แต่ว่าผู้ชาย อย่าง Jake Cahill กลับได้จับปืน ไล่ยิงคนลงบน Bounty Law เพียงแค่ตัวร้ายหยิบปืน ศพของพวกเขา ก็ได้ลงไปแนบกับพื้น แต่พอในปี 1969 เมื่อ Once Upon a Time in Hollywood ไม่มีจุดใดที่จะใช้ซ่อนความจริง ของสงครามเวียดนามได้ ทางภาพยนตร์ จึงนำเสนอเรื่องของ สงครามที่เข้ามาเกี่ยวโยงกับประเทศ ในห้องนั่งเล่นของชาวอเมริกันและ ความบันเทิงยอดนิยมต้องเปลี่ยน ทั้งนี้ ก็เพื่อสะท้อนให้เห็นถึง สงคราม และ เพื่อแข่งขัน Bonnie and Clyde ปี 1967 เป็นช่วงที่เป็นจุดสุดยอด ด้วยการที่มีฮีโร่ที่โดนยิงจนตายอย่างหวาดน่ากลัว และเสริมไปด้วยรายละเอียด ที่น่าตื่นเต้น แอบแฝงไปในความบันเทิง แม้กระทั่งสองปีก่อนหน้านั้น จากตอนของ The F.B.I ตัวของ Quentin Tarantino ได้แทรกจุดสำคัญของภาพยนตร์ เป็นการที่สามารถจะฉายฉาก นองเลือดโปรยปราย จากปืนลูกซองที่ระเบิด ได้บนหน้าจอทีวีเครดิตภาพ : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/ พวกฮิปปี้ที่ hitchhiker (รับบทโดย Margaret Qualley) ซึ่ง Cliff พาขึ้นมาบนรถ ในระหว่างทางไป Spahn Ranch เธอบ่นว่า นักแสดงในทีวีนั้น เป็นของปลอม เพราะพวกเขาแสร้งทำเป็นตาย ในขณะที่ทหาร ที่แท้จริงถูกฆ่าตายทุกวัน แต่ Cliff แม้จะทำหน้าที่เป็นสตั๊นคู่กับ Rick เขาก็มีข่าวลือ อย่างกว้างขวาง ว่าเขานั้นสังหาร ภรรยาของเขาเอง แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ได้ยืนยัน ว่าเขาทำจริงหรือไม่ แต่อย่างใดเขาก็ได้เฉลยไว้ว่า เขาเคยหักขากรรไกร ของตำรวจใน รัฐเท็กซัส ตัวหนังไม่เคยได้พูดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องในสงครามโลกครั้งที่ 2 ของเขามากนัก และแต่เราสามารถจินตนาการได้ จากสิ่งที่เหลือไว้บนตัวเขาด้วยรอยแผลเป็น บนหลังของเขา แต่เรากลับมองเห็นว่า Rick แสดงความกล้าหาญ ในช่วงสงคราม โดยใช้เครื่องพ่นไฟเพื่อพ่นกลุ่มนาซี (อย่างน้อยการแสดงความสามารถเขาทำเอง)เครดิตภาพ : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/ ฉากนั้นจงใจเรียกจุดสิ้นสุดของ Inglourious Basterds ของทารันติโนซึ่งจบลงด้วยโรงละคร ที่เต็มไปด้วยพวกนาซีรวมถึงอดอล์ฟฮิตเลอร์ซึ่งประสบกับความตาย และมันชี้ให้เราเห็นถึงแม้ว่า ผู้ชมครั้งแรก อาจไม่ทราบในทิศทางสิ้นสุดของภาพยนต์ เรื่อง Once Upon a Time in Hollywood มันเป็นการเขียนประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ที่น่าเกรงขาม และรุนแรง ช่วงสิ้นสุดของ Once Upon a Time in Hollywood ที่ได้พูดถึง คดีของ the night of the Manson murders ตัวหนังเริ่มจาก การที่มี ผู้ติดตามของ แมนสัน ได้แก่ เท็กซ์ วัตสัน, ซูซาน แอตกินส์ และ แพทริเซีย เครวินเคล ทั้งสามเริ่มต้น โดยการถูก Rick Dalton สั่งให้พวกฮิปปี้สกปรก ออกไปสูบบุหรี่ ไกลจากหมู่บ้าน ของเขา ออกจาก ถนนส่วนตัวของเขา โดยทั้งสาม ก็จากมาโดยดี แล้วพวกเขาก็ได้จัดกลุ่มใหม่ ที่ด้านล่างของเนินเขา ซึ่งเมื่อนึกได้ว่า ชายในเสื้อคลุมผ้าไหมโบกเหยือกน้ำแข็งมาร์การิต้าแช่แข็ง ที่มาด่าทอใส่พวกเขา คือ Jake Cahill และ ชั่วครู่แผนการสังหารของพวกเขา ก็ได้เปลี่ยนไป ด้วยการที่ทั้ง 3 เติบโตมากับ Bounty Law ทั้ง 3 จึงเปลี่ยนแปลงแผนการในครั้งนั้น ซึ่งฉากที่ตามมา ในหนังของทารันติโน่ นั้นไม่เหมือนกับเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เพราะในความจริงไม่ได้มีเพียงแค่ความรุนแรง แต่รวมไปถึงความอัปลักษณ์ ซึ่งในภาพยนตร์ แสดงให้เห็นแค่เพียงความโหดเหี้ยม ของการตอบสนองของคลิฟต่อการบุกรุกของฆาตกร ด้วยการกระทำที่เป็นไปอย่าง น่าตกใจ เมื่อสุนัขของ Cliff กัดลงบนเป้าของ Tex มันแสดงให้เห็นถึงความทรมาณอย่างสุดแสนจะสาหัส แต่เมื่อสุนัขตัวนั้นกระโดดเข้างับ Atkins แล้วเกิดอาการร้องเสียงหลง หลังจากที่จมูกของเธอถูกกระแทกด้วยอาหารกระป๋องสุนัข ที่ถูก Cliff โยนทิ้งใส่ และ สุนัขของ Cliff ลากร่างกายของเธอ ออกไป สิ่งที่น่ากลัวคือฟันเหล่านั้นของสุนัข ที่อาจจะทำกับเนื้อของเธอ ส่วน Krenwinkel ซึ่งใบหน้าถูกบาดไปด้วยกระจกที่ได้แตกกระจายบนพื้น เครื่องรับโทรศัพท์ โปสเตอร์ของภาพยนตร์เก่าของ Rick ที่เคยแสดง รวมถึงหิ้งเตาผิง ทั้งหมดถูกกระทบ ลงบนใบหน้าของ Krenwinkel ด้วยฝีมือของ Cliff จนกระทั่งไม่มีอะไรเหลือให้ Cliff ได้ลงมือแสดงความรุนแรงอีก และในขณะเดียวกันนั้น Rick Dalton ก็ไม่ได้ล่วงรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในบ้านของตนเลยแม้แต่น้อยกลับ นอนลอยอยู่ในสระน้ำของตนเองอย่างสบายใจ เรื่องก็ตัดไปถึงฉากขณะที่รถพยาบาลพา Cliff ที่บาดเจ็บจากการโดนแทงสีข้างออกไป และริกถึงแม้ว่าจะงงงวยอยู่ ดูเหมือนจะไม่เจ็บปวดอะไรแต่อย่างใด โดยเฉพาะเมื่อเสียงของ ชารอน เทต ลอยผ่านเครื่องตอบรับทางประตูบ้านหลังถัดไป พูดคุยผ่านอินเทอร์คอมเพื่อถามว่าทุกคนโอเคหรือไม่เครดิตภาพ : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/ ภาพยนตร์ ทั้ง 4 เรื่อง ที่ผ่านมา ของ Quentin Tarantinoล้วนต่าง เกี่ยวข้อง กับ อดีตของ ชนชาว อเมริกัน และพวกเขา ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกันก็คือ นี่คือประเทศ ที่เต็มไปด้วยการนองเลือด และ สร้างขึ้นจาก ความไม่พอใจ และ ภาพยนตร์ แม้จะมีแนวคิด โรแมนติก ของผู้ชม ทำงานเพื่อเพิ่มความอยากอาหาร สำหรับ Cliff และRick แม้ Once Upon a Time in Hollywood แม้จะเล่าเรื่องของในยุค 60s แต่ก็แฝง เรื่องราวของผู้คนในยุคนั้นให้เห็นได้ชัด เช่น Rick ชอบการเหยียดเชื้อชาติ หรือ รวมทั้งเรื่องการเกลียดสิ่งสกปรกบนเท้าของ ชารอนเทต เรื่องราว การฆาตกรรม Cielo Drive ยังไม่สิ้นสุดแค่ในยุคนั้น ฆาตกร Manson ไม่เพียงแค่ดึงเอาแรงบันดาลใจ จากรายการทีวีเก่า ๆ แต่พวกเขาได้รับมันจาก Cliff ซึ่งการที่เขาไปเยือน Spahn Ranch จบลงด้วยการที่เขาชกคนฮิปปี้ให้หน้าซีดก้นทรุดพื้น ในขณะที่ฮิปปี้คนนั้นล้มลงพื้น และเลือดไหลหนืด ลงบนพื้นดินอย่างช้าๆ ก็มีฝูงชนรวมตัวกันเพื่อดูเหตุการณ์ อยู่ตรงนั้น และด้านหน้าของฝูงชน คือ Susan Atkinsและ Patricia Krenwinkel Once Upon a Time in Hollywood ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เราเห็นถึง การนองเลือดครั้งแรก ของเหตุการณ์ฆาตกรรม Cielo Drive และแสดงให้เห็นถึงความจริง ขอเพียงผู้ชมต้องตามให้ทันเครดิตภาพ : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/