อย่างที่ได้เห็นกันไปแล้วในหัวข้อ ว่าเราเที่ยวแบบไม่เตรียมตัว เหตุเกิดจากเรานี่แหละที่อยากเข้าวัด ไปไหว้พระ ทำบุญบ้าง ก็เลยมีโอกาสคุยกับรุ่นน้องที่พอมีประสบการณ์ไปเที่ยวที่นี่ แล้วก็ชวนเพื่อนสนิทออกเดินทาง ซึ่งปกติก็จะมีการศึกษาเส้นทางกันมาก่อน แต่ครั้งนี้เราอยากลองสัมผัสฟิลแบบไม่รู้อะไรเลย เวลาไปถึงสถานที่อยากรู้ว่าจะรู้สึกยังไง แต่ด้วยสถานการณ์ช่วงนี้อาจจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่ตรงตามที่เราตั้งไว้พวกเราเองก็เผื่อใจกันแล้วแหละ ซึ่งก็เป็นแบบที่คิดเลย การเดินทางของพวกเราครั้งนี้จะเป็นยังไง มาติดตามกันเลย พวกเราเดินทางกันโดยรถไฟ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงสถานีอยุธยาระหว่างนั้นก็ได้มีการเล่นบอร์ดเกมรอ เมื่อไปถึงก็ได้มีการเปิด GPS หาตำแหน่งของวัดที่เราจะไป ก็ดูไม่ไกลนะ ซึ่งก่อนหน้านี้รุ่นน้องก็ได้แนะนำเราว่ามีจักรยานเราสามารถไปเช่ามาปั่นได้ ก็ด้วยความมึนไง เราก็คิดอะไรแปลกๆขึ้นมาว่าอยากลองเดินเพราะแถวๆนั้นมีวัดเยอะมากอยากเข้าไปทำบุญทุกวัดที่ผ่านเลย เดินเจอวัดหนึ่งอยู่ด้านหน้า ก็เข้าไปแต่ก็ต้องรีบออกมาเพราะ เขาจัดงานศพอยู่ แล้วพวกเราก็มาเจอกับพี่คนขับรถตุ๊กตุ๊กขับมาพอดี เราก็เข้าไปคุยและเหมาทัวร์ ตอนนั้นคือแบบรู้สึกดีขึ้นมากเพราะด้วยวันที่เรามาเป็นวันหยุดคนจึงเยอะเป็นพิเศษ ถ้าเราเดินจริงๆคงลำบากทั้งพวกเราและคนอื่นที่ใช้รถแน่ๆ วัดแรกที่มาก็คืวัดพนัญเชิง วัดพนัญเชิงวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา ที่ประดิษฐานพระไตรรัตนนายก พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัด พวกเราก็ได้มีการทำบุญ ไหว้พระ เสี่ยงเซียมซี อะไรกันตามปกติ ที่นี้ก็คือสวยมาก บรรยากาศร่มรื่น ก่อนจะไปที่ต่อไปก็ได้เกิดความบันเทิงครั้งที่ 2 เมื่อเพื่อนผู้หญิงที่มาด้วยกันซิปแตก ทำให้แพลนที่วางไว้กับพี่คนขับรถเปลี่ยน ต้องเดินทางไปตลาดเผื่อที่จะให้นางได้ซื้อกางเกงก่อน ตลาดน้ำอโยธยาหลายๆ คนคงน่าจะรู้จัก เป็นตลาที่ล้อมรอบไปด้วยน้ำ มีร้านค้าหลากหลาย ทั้งขายสินค้าที่เป็นของฝาก ของกิน เสื้อผ้า รวมถึงของตกแต่งอื่นๆมากมาย มีสะพานข้ามฟากไปเลือกซื้อสินค้า OTOP แต่ที่เราประทับใจและสะดุดตาอย่างมากสำหรับสินค้าของที่นี่ก็คือไอศกรีมที่มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครแถมรสชาติยังอร่อยอีกด้วย กินอาหารเสร็จ พาเพื่อนช้อปปิ้งเสร็จ เราก็เดินทางไปยังวัดที่ (พี่คนขับรถ) แพลนไว้ต่อไปกันเลย วัดมหาธาตุเป็นวัดที่จัดอยู่ในอุทยานแห่งชาติประวัติศาสตร์ของพระนครศรีอยุธยา สิ่งที่น่าสนใจของที่นี่ก็คือมีเศียรพระพุทธรูปที่อยู่ในรากไม้อายุกว่าร้อยปีเป็นพระพุทธรูปหินทรายเหลือแค่ส่วนเศียร มีรากไม้ขึ้นปกคลุมทำให้เกิดความสวยงามแปลกตาและที่สำคัญที่นี่ยังเป็นศูนย์กลางของศาสนาในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาที่สำคัญที่สุด วัดโลกยสุธารามเป็นวัดที่ไม่มีใครทราบประวัติอย่างแน่ชัดสิ่งที่น่าสนใจคือมีพระพุทธไสยาสน์ ปางไสยาสน์ ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา เราก็ได้ทำการกราบไหว้ และเยี่ยมชม ซึ่งหากใครมาเที่ยวในช่วงเทศกาลก็จะมีกิจกรรมให้ร่วม สิ่งที่ได้จากทริป อย่างแรกเลยคือเราได้ลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำ เราไม่เคยไม่วางแผนอะไรก่อนเที่ยว ซึ่งมันดีตรงที่ว่าตื่นเต้น หัวใจสูบฉีดไม่รู้จะต้องเจอกับอะไร ถึงแม้ว่าบางอย่างอาจจะไม่เหมาะกับเรา แต่ในการเลือกทริปครั้งนี้ก็ยังมีอีกหลายๆส่วนที่เราประทับใจ อย่างเวลาคับขันเราก็ยังได้เห็นถึงความเป็นเพื่อนของคนในทริป ที่พร้อมจะช่วยกันคิดแก้ปัญหา รู้สึกได้เลยว่านี่ก็เป็นสีสันของการเดินทางในอีกรูปแบบหนึ่ง ผู้คนพื้นที่เวลาเราไปสอบถามเขาก็ยินดีที่จะให้คำปรึกษา พ่อค้าแม่ขายก็พูดจาดี อีกคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือพี่คนขับรถ เขาเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญก็ว่าได้ ใจดีมากลดราคาให้พวกเราลงอีก แถมเฟรนด์ลี่ พูดคุยกับให้คำแนะนำพวกเราในทุกๆอย่าง ในการเริ่มทริปอาจจะมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ตอนนี้พวกเราก็ได้เรียนรู้ เอาจริงๆ ก็ไม่เสียดายเลยนะที่ตัดสินใจบางอย่างผิดไปในรอบแรก เรารู้สึกว่ามันถูกกำหนดมาแล้ว ถ้าเราไม่ตัดสินใจผิดตอนนั้นเราก็อาจจะไม่ได้เจอสิ่งที่ดีกว่าและภูมิใจเหมือนตอนนี้ ♡:) Cr.ภาพถ่ายของเราเอง