"พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำไยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวีศรีหริภุญไชย" นี่คือคำขวัญของจังหวัด "ลำพูน" ที่เดิมชื่อเมืองหริภุญไชย เป็นเมืองโบราณเก่าแก่ในอาณาจักรล้านนา ปัจจุบันเป็นเมืองเล็กๆที่สงบ การเดินทางมาจังหวัดลำพูนครั้งนี้ เราตั้งใจจะมาทำบุญไหว้พระ เนื่องจากเรามีเวลาเที่ยวเพียงแค่ 1 วัน จะเป็นยังไงตามมาดูกันเลย.... เริ่มกันที่การมาสักการะ อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี อนุสาวรีย์นี้ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง บริเวณนี้เป็นสวนสาธารณะสำหรับให้ประชาชนที่มาพักผ่อน ซึ่งเรียกกันว่า สวนสาธารณะหนอกจอก นอกจากนี้ด้านหลังอนุสาวรีย์ยังเป็นตลาดสด สามารถมาจับจ่ายใช้สอยซื้อของฝากได้ที่นี่ โดยอนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระนางจามเทวี โดยพระองค์ถือว่าเป็นกษัตริย์หญิงองค์แรกแห่งนครหริภุญไชย ถ้าใครได้มาเยือนเมืองลำพูนต้องห้ามพลาดมาสักการะขอพรอนุสาวรีย์พระนางจามเทวีนะ บริเวณรอบๆ อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี มีความร่มรื่น เหมาะกับการมาพักผ่อนจริงๆ มีดอกบัวด้วย มองไปก็สบายตา จากนั้นเราก็ไปกันที่วัด "วัดพระธาตุหริภุณชัยวรมหาวิหาร" ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่อนุสาวรีย์พระนางจามเทวีมากนัก ที่นี่ถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่สำคัญของภาคเหนือเลยนะ เพราะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่เมืองลำพูนมายาวนานตั้งอดีตนับเวลามากกว่าพันปี ซึ่งในอดีตนั้นพระเจ้าอาทิตยราช เป็นผู้สถาปนาขึ้นประมาณพุทธศตวรรษที่ 17 เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และเมื่อพญามังรายตีเมืองหริภุญชัยได้ก็โปรดให้บูรณะซ่อมแซมองค์พระธาตุขึ้นใหม่ ต่อมาในสมัยของพระเจ้าแสนเมืองก็โปรดให้มีการปิดทององค์พระธาตุ และพระเจ้าติโลกราชกษัตริย์องค์สำคัญแห่งเมืองเชียงใหม่ ได้ก่อพระมหาเจดีย์ให้สูงขึ้น เป็นรูปร่างที่เห็นเป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่ประดิษฐานพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวลำพูนและล้านนา นอกจากนี้ยังเป็นวัดว้พระธาตุประจำปีเกิด ปีระกาหรือปีไก่ ใครที่เกิดปีระกา มาสักการะเพื่อเป็นสิริมงคลได้ด้วยนะ จะเห็นสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ที่สวยงามรอบๆวัด จากนั้นก็เข้าไปในวิหารหลวงเพราะสักการะองค์พระพุทธรูป เราจะเห็นภายในวิหารหลวงแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระปฏิมาขนาดใหญ่ โดยก่ออิฐฉาบปูน ปิดทอง บนแท่นแก้วรวม 3 องค์ และยังมีพระพุทธปฏิมาหล่อโลหะ ขนาดกลาง สมัยเชียงแสนชั้นต้นและชั้นกลางอีกหลายองค์ องค์ใหญ่สุด ชื่อ พระเสตังคมณี ศรีเมืองหริภุญชัย ซึ่งสวยงามวิจิตรตระการตามาก จากนั้นก็ไปเวียนเที่ยนรอบพระธาตุโดยพนมมือถือดอกไม้ธูปเทียนไปด้วย แล้วเดินเวียน 3 รอบ ขณะที่เดินรอบนั้น สวดบท "อิติปิโส" จนกว่าจะเวียนจบ 3 รอบ บริเวณใกล้พระธาตุจะมีอุโบสถด้วย ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์วัดพระธาตุหริภุญไชย ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ ภายในจะจัดจัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ประเภทพระพุทธรูป พระพิมพ์ สิ่งของเครื่องใช้ เหรียญกษาปณ์ ชิ้นส่วนปูนปั้นประกอบอาคารสถาปัตยกรรม วัตถุที่จัดแสดงเหล่านี้มีการลงทะเบียนทั้งสิ้น ด้านนอกอาคารจัดแสดงนี้ ยังมีส่วนระเบียงคตด้านที่ต่อกับอาคารพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นสถานที่เก็บโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ประเภทเครื่องไม้แกะสลัก โดยเข้าไปชมที่นี่ได้ แต่ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปได้นะ ดอกสาละสีชมพูที่อยู่ในบริเวณวัด มองแล้วสบายตา จากนั้นก็ไปต่อกันที่พระธาตุอินทร์แขวนลำพูน หรือเรียกอีกชื่อว่า “พระพุทธบาทพระธาตุอินทร์แขวน” ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำพุ ในอำเภอเมืองลำพูน ที่นี่ถือว่าห่างจากตัวเมืองอยู่พอสมควร โดยอยู่บนดอยเตี้ยๆ ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ดอยถ้ำหิน” เมื่อมาถึงจุดจอดรถของบริเวณองค์พระธาตุ ต้องเดินเท้าขึ้นไปอีกไม่ถึงกิโล เดินกันได้สบายๆเพราะทางไม่ได้ชันมาก เมื่อเดินมาถึงบนยอดดอยที่เป็นที่ตั้งขององค์พระธาตุ เราจะเห็นก้อนหินสองก้อนที่เป็นสีทอง โดยมียอดพระธาตุอยู่ด้านบนก้อนหิน ด้านนอกมีรั้วล้อมไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนเข้าไปเพราะองค์พระธาตุเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่มีประวัติว่า แต่เดิมเป็นดอยที่เป็นป่าธรรมดา แล้วชาวบ้านไปเห็นก้อนหินใหญ่ 2 ก้อนซ้อนกันอยู้ริมหน้าผาเหมือนจะตกแต่ก็ไม่ตก และมีคนเคยงัดแล้วก็ไม่ร่วงลงมา จึงปล่อยเอาไว้เหมือนเดิม ต่อมาครูบาวงค์ท่านนั่งทางในนิมิตเห็นหินก้อนนี้แล้วให้ลูกศิษย์ออกตามหา ใช้เวลาอยู่นานพอควรกว่าจะเจอ เมื่อเจอแล้วก็ได้ทำการสร้างพระธาตุขึ้นบนก้อนหิน ณ ที่แห่งนี้ โดยได้จำลองให้คล้ายแบบที่พม่า ใครที่ไม่อยากไปไกลถึงพม่าก็สามารถมาสักการะพระธาตุอินแขวนจำลองได้ที่นี่ นอกจากนี้บนนลานใกล้ ๆ กับพระธาตุ ยังมีเป็นรอยพระพุทธบาทด้วย วิวบนพระธาตุอินทร์แขวนเมื่อมองลงไปด้านล่าง ก็จบไปแล้วในหนึ่งวันกับการไปเที่ยวลำพูน นอกจากจะได้ทำบุญแล้วยังได้พักผ่อน ชมบรรยากาศที่อยู่รอบๆตัว พร้อมทั้งชื่นชมธรรมชาติที่สวยงาม ถือว่าเป็นการเพิ่มพลังไปในตัวให้เราสู้กับทุกปัญหาและอุปสรรค