เมื่อเอ่ยถึงตุรกีเราก็นึกถึงภูเขาหินปูนสีขาวที่มีผู้คนจากหลากหลายประเทศต่างก็อยากไปชมความงามและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันที่นั้น เราเคยเห็นภาพถ่ายผ่านทางโปรแกรมทัวร์ต่าง ๆ และแล้ววันหนึ่งเราก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่นั่นมาแล้ว มันทำให้เรารู้สึกทึ่งถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สร้างสรรค์สถานที่แห่งนี้มาเป็นพัน ๆ ปีจนถึงปัจจุบัน เราจึงอยากพาเพื่อน ๆ มารู้จักกับ Pamukkale หรือ ปราสาทปุยฝ้ายกันค่ะ เราขับรถมาถึงที่ Pamukkale ในช่วงบ่ายแก่ ๆ แล้ว เราเลือกพักกันที่โรงแรม The cotton house เป็นโรงแรมแบบธุรกิจครอบครัวเล็ก ๆ ที่นี่มีบริการอาหารเช้าในห้องพักและถ้าหากใครอยากรับประทานอาหารเย็น เค้าก็มีบริการอาหารเป็นเซ็ตให้เลือก มีทั้งไก่ เนื้อ และแกะ เราขอแนะนำให้สั่งเมนู Lamb chops เพราะประเทศตุรกีเค้ามีชื่อเสียงในเรื่องของเนื้อแกะอยู่แล้ว เนื้อแกะของที่นี่จะมีกลิ่นหอมมาก ๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวสวยแบบตุรกีอร่อยสุด ๆ เลยค่ะ และยังสามารถสั่งเครื่องดื่มได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นซอฟดริ้งหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอย่าลืมสั่งไวน์แดงด้วยนะคะเพราะไวน์แดงเป็นเครื่องดื่มขึ้นชื่อของเมืองนี้ค่ะ เจ้าของโรงแรมน่ารักและพร้อมให้บริการถึงห้องพักเลยหล่ะค่ะ หลังจากที่เราได้เช็คอินแล้วเราอยากขึ้นไปดูปราสาทปุยฝ้าย แต่เนื่องจากใกล้จะหมดเวลาเข้าชมแล้ว เจ้าของโรงแรมจึงแนะนำให้เราไปเที่ยวที่ Loadikeia หรือเมืองโบราณเลาดีเซียที่อยู่ห่างออกไป 8 กิโลเมตรเป็นเมืองในยุคโบราณที่มีอายุมากกว่า 7,500 ปี เป็น 1 ใน 7 คริสตจักรโดยเป็นคริสตจักรในยุคสุดท้ายที่ปรากฏในพระคัมภีร์ไบเบิลของศาสนาคริสต์ค่ะ ในอดีตเมืองนี้เป็นแหล่งโบราณคดีที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก แต่หลังจากที่มีนักโบราณคดีได้ขุดค้นพบซากปรักหักพังทำให้มีผู้คนรู้จักมากยิ่งขึ้นค่ะ เมื่อเราเดินดูไปรอบ ๆ จะเห็นโครงสร้างของสิ่งก่อสร้างที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในอดีตค่ะ เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วเราก็ขับรถมุ่งหน้าขึ้นไปยังปราสาทปุยฝ้ายกันค่ะ ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักเพียงแค่ประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น ถ้าใครเช่ารถมาจะมีค่าจอดรถอยู่ที่ประมาณ 10 ลีรานะคะ ส่วนค่าเข้าชมจะอยู่ที่คนละ 50 ลีราค่ะในระหว่างทางที่เราเดินไปยังปามุคคาเลเราจะได้พบกับเมืองโบราณ Hierapolis ที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังค่ะ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่คือมีสระน้ำแร่ธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาด้วยอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส เป็นบ่อน้ำแร่ที่ใสแจ๋วเลยหล่ะค่ะ อย่าลืมเตรียมชุดว่ายน้ำไปด้วยนะคะถ้าอยากลงไปแช่ในบ่อน้ำแร่ มีค่าบริการอยู่ที่คนละ 50 ลีราค่ะ ก่อนที่เราจะมาใช้บริการที่บ่อน้ำแร่ เราขอเดินไปชมความงามของประสาทปุยฝ้ายที่เป็นไฮไลต์สำคัญของที่นี่กันก่อนนะคะ Pamukkale หรือปราสาทปุยฝ้ายแห่งนี้มีมานับพันปีแล้วนะคะและหินปูนขาว ๆ ที่เรามองเห็นนั้น เกิดจากน้ำพุร้อนที่เต็มไปด้วยแคลเซียมคาร์บอเนตหรือหินปูนไปทำปฏิกิริยากับอากาศ เมื่อมีน้ำพุร้อนระเหยขึ้นมาเป็นเวลายาวนาน ทำให้เกิดเป็นชั้นของแคลเซียมจับตัวแข็งกลายเป็นแอ่งน้ำสีขาวที่มีขนาดเล็กใหญ่เป็นชั้น ๆ ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ มีความยาวเกือบ 3 กิโลเมตรและสูงถึง 160 เมตร หรือพูดได้ว่าปกคลุมภูเขาได้ 1 ลูกเลยหล่ะค่ะ ตอนที่เราขับรถตามจีพีเอสเพื่อมาพักยังหมู่บ้านแห่งนี้ก็เห็นภูเขาลูกนี้โดดเด่นมาแต่ไกลแต่กลับดูเหมือนยอดเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนดูสะอาดตา เรารู้สึกประทับใจมาก ๆ เลยหล่ะค่ะ นอกจากปราสาทปุยฝ้ายจะมีความสวยงามแล้วยังมีชื่อเสียงในเรื่องของการรักษาโรคมาตั้งแต่โบราณกาล สามารถรักษาโรคผิวหนัง โรคปวดข้อและหอบหืด จึงทำให้ผู้คนหลั่งไหลกันเข้ามาสัมผัสความมหัศจรรย์ของน่ำแร่แห่งนี้ไม่มีขาดสายเลยหล่ะค่ะ Pamukkale หรือปราสาทปุยฝ้ายตั้งอยู่ที่จังหวัด Denizli ในประเทศตุรกีนะคะ ถ้าหากใครอยากมาเที่ยวที่นี่ก็สามารถเดินทางโดยเครื่องบินจากสนามบินอิสตันบูลมาลงที่ Izmir แล้วต่อรถเมล์มายัง Pamukkale อีกที หรือจะเช่ารถขับจากสนามบินอิสตันบูลแล้วแวะเที่ยวตามเมืองต่าง ๆ มาเรื่อย ๆ ก็สะดวกดีค่ะ แต่ถ้าหากเลือกใช้โทลเวย์จะมีค่าผ่านทางนะคะ เราโดนจ่ายค่าโทลเวย์ไปเกือบ 5,000 บาท เพราะตามจีพีเอสแต่ถึงยังไงก็เป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานมาก ๆ ค่ะ ภาพประกอบโดยผู้เขียน