ทริปไหลไปเรื่อยของพวกเรา จากเกาะหลีเป๊ะ ข้ามมาเกาะลังกาวี ถึงคราวผจญภัยกับเมืองใหม่ และเมืองที่เราเลือกคือ “ปีนัง” พวกเราตัดสินใจที่จะบิน Low Cost จากลังกาวี มาปีนังเพราะอยากเซฟเวลา และค่าตั๋วก็รับได้ ไม่ได้แพงมากอย่างที่คิด การเดินทางมาถึงปีนัง ช่างต่างจากตอนมาลังกาวีมาก ถึงสะดวก ง่าย ดูราบรื่นดีมาก ถึงที่พักในย่าน George Town พวกเราเดินหาไม่นานเท่าไร ที่พักเป็นโฮสเทล ที่ราคาถูกมาก แต่สะอาดสะอ้าน มีอาหารเช้าฟรีอีกต่างหาก คืนหนึ่ง 250 บาท / คน คงหาราคาแบบนี้ไม่ได้ในไทยอย่างแน่นอน “ปีนัง” เชื่อว่าพวกเราคงคุ้นชื่อเมืองกันมานานพอสมควร เรานี่ได้ยินจากละคร เพราะนางเอกต้องเคยไปเรียน ปีนัง เลยทำให้อยากรู้จักว่าเมืองปีนังนั้นเป็นอย่างไรกัน เหตุใดสมัยก่อนคนไทยจึงนิยมไปเรียน ปีนัง หลังจากเช็คอินกันเรียบร้อย เราสอบถามเส้นทางจากทางที่พักว่าควรไปไหน ทำอะไรดี โชคดีที่พวกเรานั้นพักอยู่ย่าน George Town กันอยู่แล้วซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของปีนัง เนื่องจากเป็นย่านเมืองเก่า ถ้าให้เปรียบกับบ้านเราน่าจะย่านพระนคร เห็นจะได้ การมาเยี่ยมชมเมืองปีนัง เขาบอกว่าให้ลองขี่จักรยานชมรอบ ๆ เมืองเก่า แต่พวกเราเลือกที่จะเดินกันไปเรื่อย ๆ ในช่วงที่เราไป ปีนัง Street Art ของเมืองปีนัง กำลังเป็นที่นิยมของหมู่นักท่องเที่ยว ซึ่งพวกเรามีหรือจะพลาด มุมถ่ายรูปแน่นแน่นอน พวกเราเดินตามหาภาพ Street Art แต่ละภาพกว่าจะเดินครบทุกจุดเล่นเอาหอบแฮก ๆ กันเลยทีเดียว แอบเสียดายเหมือนกันว่าถ้าขี่จักรยาน คงจะดีกว่าหรือเปล่า แต่การได้ค่อย ๆ เดินดูบ้านเมืองไปเรื่อย ๆ ก็ดีเหมือนกัน ศิลปินผู้วาดภาพ ก็ช่างหามุมซอกหลืบต่าง ๆ มาสรรสร้างภาพวาดที่สะท้อนวิถีชุมชน พร้อมกับที่พวกเราจะได้เดินดูสถาปัตยกรรม อาคารบ้านเรือน ของเมืองปีนังไปพร้อม ๆ กัน ชาวปีนังส่วนใหญ่เป็นคนจีนเชื้อสายฮกเกี้ยนกับชาวมาเลเซีย ที่เรียกตัวเองว่า Peranakan นั่นเอง ซึ่งวัฒนธรรมชาว เปอรานากัน ได้แผ่ขยายไปทางตอนใต้ของประเทศเราด้วยเช่น เมืองภูเก็ต การมาเมืองปีนัง แห่งนี้ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นเหมือนมาบ้านญาติบ้านพี่เมืองน้อง เราสัมผัสได้ถึงการต้อนรับที่ดีของชาวปีนัง เมื่อเราบอกว่าเป็นคนไทยทุกคนดูยิ้มแย้ม และช่วยเหลือ บางร้านถึงขั้นมีเมนูภาษาไทยไว้ให้เลยนะคะ บางครั้งเราสั่งอาหารเป็นภาษาไทย อาแปะแกก็เข้าใจมากกว่าภาษาอังกฤษเสียอีก มันบ่งบอกได้ว่าพวกเรามีสัมพันธ์อันดีในการติดต่อค้าขาย หรืออยู่ร่วมกันมาช้านาน อาคารสถานที่ราชการก็เป็นแบบตึกชิโนโปรตุกีสทรงปั้นหยา สมัยรัชกาลที่ 5 อย่างนั้นเลย นอกจากศิลปะ ทีแฝงไว้ตามผนังบ้านเรือนแล้ว อาหารของปีนังก็ไม่แพ้กันเลย อร่อยเกือบทุกร้านและราคาไม่แพง อาหารก็จานใหญ่มาก เราได้ไปลองชิม ข้าวมันไก่รสเด็ดของร้านอาแปะ ไก่ชิ้นใหญ่คำโต นุ่มเต็มปากเต็มคำกินกับซีอิ๊วดำ กับได้ดื่มน้ำบ๊วยเปรี้ยว ๆ แสนชื่นใจ หลังจากทัวร์กินกลางวันกันแล้ว ช่วงค่ำเรายังไปหา Street Food กินกันต่อ ที่ตลาดโต้รุ่งหลังห้าง Gurney Paragon หรือถนน Gurney Drive สารพัดของกินตื่นตาตื่นใจมาก เราได้ลองชิม Rojak อาหารพื้นเมืองของปีนัง เป็นจานคล้ายสลัดผลไม้ ราดด้วยซอสน้ำตาลทรายแดงดำ ๆ โรยถั่วคั่ว ก็รสชาติแปลกดีค่ะ กินได้อยู่และได้ลองชิม Laksa เหมือนก๋วยเตี๋ยว แต่แบบของปีนังไม่มีกะทิ ได้รสชาติเผ็ด ซดโล่ง ๆ เราชอบมากค่ะ อาหารการกินละลานตามาก พวกเราติดใจกับเมืองปีนังมาก เลยอยู่กันถึง 2 วัน เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังได้มิตรภาพดี ๆ จากเพื่อนต่างชาติที่พักโฮสเทลเดียวกันชวนรวมกลุ่มกันไปเที่ยว ทั้ง Penang Hill ที่เราจะได้ชมวิวเมืองปีนังแบบ 360 องศา และวัดวาต่าง ๆ ถือว่าเป็นทริปที่อบอุ่นและประทับใจสำหรับเราและเพื่อนมาก อยากกลับไปปีนังอีก ยังทัวร์กินไม่ครบเลย เป็นเมืองที่เหมาะกับสายกินที่แท้ทรูเลยค่ะ ภาพประกอบโดยนักเขียน