Perfect Tense เรื่องไม่ Make Sense ในภาษาไทย สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน ครั้งนี้เป็นภาคต่อของ ‘ติวเตอร์คนหนึ่งอยากเล่าให้ฟัง’ ตั้งชื่อตอนกันให้โจ่งแจ้งไปเลยว่า Perfect Tense เรื่องไม่ Make Sense ในภาษาไทย เพราะใครที่เรียนภาษาอังกฤษมาแล้วก็หลายปีพลิกตารากันมาตั้งแต่ต้นจนจบแล้วยังรู้สึกมึนๆงงๆว่า เอ๊ะ! ทำไมเรียนไป 12 Tenses สุดท้ายเรารู้สึกว่าใช้จริงๆแค่ tense เดียวเอง คำนี้โอลีฟได้ยินบ่อยมาก แล้วพอถามว่า tense เดียวที่ใช้นั้นคืออะไร มักจะได้คำตอบเหมือนๆกันว่า present simple tense บางคนยังใจดี แถมให้โอลีฟอีกตัว คือ present continuous tense แล้วพอโอลีฟถามต่อว่าแล้วทำไมไม่ใช้ perfect tense กันเลยเหรอ คำตอบที่ทำเอาต้องมานั่งพิจารณาวิธีสอนกันใหม่ เพราะเหตุผลเรื่อง structure หรือโครงสร้างประโยคเป็นแค่เรื่องรอง แต่เรื่องหลักคือการที่ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึก หรือ make sense กับนัยของ tense นี้ได้ และแถมท้ายว่า ‘ก็มันไม่มีในภาษาไทย’ คราวที่แล้วพูดเรื่อง Culture Shock ในภาษามาแล้ว โอลีฟว่าเรื่อง tense อันเป็นมหากาพย์ยาขมของเด็กไทยก็ถือเป็น Culture Shock ในลักษณะหนึ่ง เพราะใครหากแปลภาษาฝรั่งเศสไปอิตาเลี่ยนหรือสเปนแทบจะกด Google Translate ออกมาแล้วอ่านรู้เรื่องได้เลยเพราะโครงสร้างไวยากรณ์เขาคล้ายคลึงกันมาก ยิ่งสเปนกับอิตาเลี่ยนนี่เรียกว่าพี่น้องท้องเดียวกันมาเกิด หรือต่อให้แปลข้ามมาเป็นภาษาอังกฤษซึ่งไม่มีเพศในคำและรายละเอียดการใช้ tense ก็แตกต่างกันอยู่บ้างแต่ ‘ฝรั่ง’ เขาก็ยังชินกับการใช้ tense บรรยายสภาพการณ์ที่แตกต่างกันมากกว่าภาษาไทยอยู่ดี มีคำกล่าวว่าเมรัยไม่มีสูงต่ำ ดื่มไปรสชาติถูกปากเป็นพอ สุดท้ายก็เมาได้เหมือนกัน ฉันใดก็ฉันนั้น ภาษาไม่มีสูงต่ำ มีแค่ความแตกต่างที่บางครั้งก็เป็นอุปสรรคในการสื่อสารแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ โครง ฉันท์ กาพย์ กลอน ฝรั่งมังค่าหรือจะสู้คนไทย แต่ความชัดเจนในโครงสร้างทางภาษาพูดภาษาเขียนเราต้องยอมรับว่าเขาแบ่งแยกชัดเจนกว่าคนไทย ก่อนอื่นการเรียนเรื่อง tense คุณต้องเขาใจก่อนว่าในหนึ่งสถานการณ์ที่คุยกัน หรือในหนึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ได้สามารถเล่าได้ด้วย tense ทั้งหมดเสมอไป และขณะที่บาง tense ก็ไม่ได้สามารถอยู่ตัวเดียวโดดเดี่ยว หรือนึกจะใช้ก็ใช้ขึ้นมาดื้อๆได้ และอีกข้อหนึ่ง tense นี่ก็เป็นสิ่งสะท้อนนัยยะและอารมณ์ของผู้พูด เพราะฉะนั้น บางครั้งสถานการณ์เดียวกันคนพูดคนละคนอาจเลือกใช้คนละ tense ก็ได้ค่ะ เราลองมาดูความจริงในความต่างของประโยคเหล่านี้กันดีกว่า I work at ABC company. ฉันทำงานที่บริษัท ABCI have worked at ABC company for three years. ฉันทำงานที่บริษัท ABC มาสามปีแล้ว สองประโยคนี้มีความเหมือนและไม่เหมือน เหมือนที่ I ก็ทำงานที่บริษัท ABC นั่นแหละ แต่ประโยคแรกไม่ให้รายละเอียดใดๆ รู้แค่ฉันทำงานที่ไหนก็เพียงพอแล้ว แต่ในประโยคที่สองบ่งบอกช่วงเวลา ชัดเจนกว่า ละเอียดกว่า หรืออีกนัยหนึ่งผู้พูดอาจอยากสื่อถึงความผูกพันเป็นพิเศษว่าฉันอยู่นี่มาได้สามปีและนะจ๊ะ (ที่ผ่านมาอยู่ที่ไหนได้ไม่เคยเกินปี โถโถโถ...) เรามักจะเห็นในตำราบอกว่า Perfect Tense จะมี since หรือ for เป็นตัวบอก อันนี้ก็ถูกค่ะ แต่ไม่เสมอไป บางที perfect tense ก็ใช้สื่อความในลึกๆ อื่นได้ เรามาลองดูตัวตัวอย่างเปรียบเทียบกัน นิทานเรื่องนี้มีอยู่ว่า โอลีฟผู้อาศัยในคอนโดห้องเล็กกระจิริดดันไปหาเรื่องเก็บลูกหมามาจากข้างทาง ทำไงดีล่ะคะทีนี้ ห้องตัวเองเลี้ยงไม่ได้ก็ต้องไปขอให้คนอื่นช่วยเลี้ยงแทน โดยผู้ตกเป็นเหยื่อของโอลีฟอาจพูดปรสบการณ์การเลี้ยงสัตว์ของตัวเองดังนี้1. I had two dogs. (Past Simple Tense) ฉันเคยมีหมาสองตัว และจากการพูดแบบนี้โอลีฟเข้าใจว่าหมาที่เลี้ยงไว้คงตายไปหมดแล้ว2. I have a cat. มีแมวหนึ่งตัว ที่ปัจจุบันนางก็ยังมีชีวิตอยู่ 3. I have had three dogs. พี่มีหมาสามตัวแล้วนะโอลีฟ หล่อนจะหาภาระให้พี่อีกเหรอ เพราะการใช้ present perfect tense นี้ ก็สื่อความอยู่ว่าทั้งสามตัวยังมีชีวิตอยู่ดี บางทีภาษาไทยใกล้เคียงที่สุดกับ Present Perfect Tense คงไม่พ้นคำว่าแล้ว แต่แล้วในที่นี้ก็ไม่ใช่ ‘แล้วไปแล้ว’ ที่เป็นอดีต แต่เป็น ‘แล้ว’ ที่ยังยึดโยงกับปัจจุบัน ทั้งที่เป็นปัจจุบันจริงๆ และเป็นปัจจุบันในแง่ของประสบการณ์ เช่น‘Have you ever been to USA?’ เคยไปอเมริกายัง ‘Have we ever met before?’ เอ๊ะ! เราเคยพบกันมาก่อนหรือเปล่าคะ พูดพร้อมหันหน้ามุมที่สวยที่สุด แล้วก็มีอีกกับเรื่อง ‘เพิ่งจะ’ ทั้งหลาย เพิ่งทำงานเสร็จ เพิ่งจะกินข้าวไป อันนี้เราก็ใช่ Present Perfect Tense กันนะคะ เช่น พี่ที่ทำงานมาชวนไปกินข้าวเที่ยงแต่ดันชวนช้าไปหน่อย โอลีฟจึงตอบไปว่า I have had lunch. หนูกินมื้อเที่ยงไปแล้วพี่ บางคนสงสัยว่า โอลีฟ เธอกินข้าวเสร็จแล้วนะ ทำไมเธอไม่ใช้ Past Simple Tense ล่ะ ข้อนี้ขออนุญาตตอบอย่างนี้ค่ะ ใครจะใช้ I had lunch. ก็ไม่ได้ผิดธรรมเนียม แค่ความรู้สึกของโอลีฟตอนนั้นคือข้าวในท้องยังไม่ทันย่อยเลยค่ะ ความอิ่มแปล้ยังยึดโยงสู่ปัจจุบันขณะว่า ‘เพิ่งจะ’ กินเข้าไปเองภาพประกอบโดย ผู้เขียน แต่งภาพ Canva App เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !