* มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ปกติผมเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ดูภาพยนตร์จากอินเดียเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ก็ดูไม่กี่เรื่อง และเรื่องนี้เดิมทีก็ตั้งใจจะดูตั้งแต่เข้ามาแล้ว แต่ก็ลืมไปจนเพิ่งมาได้ดูเมื่อไม่กี่วันนี้เอง นั่นคือเรื่อง PK หรือในชื่อภาษาไทยว่า ผู้ชายปาฏิหาริย์ ... อ่านแล้วสารภาพตรงๆ ครับว่ามันปาฏิหาริย์ยังไงเหรอPK เป็นชื่อของมนุษย์ต่างดาวที่มีภารกิจลงมาบนโลก แต่ไม่สามารถกลับไปยังดาวของตัวเองได้ เพราะเครื่องส่งสัญญาณที่ไว้ใช้เรียกยานของตัวเองได้ถูกขโมยไป เมื่อออกเดินทางตามหา ไม่ว่าจะถามใครต่อใครก็ได้คำตอบเหมือนๆ กันว่า ไม่รู้หรอก มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ไปถามพระเจ้าดูสิทำให้เกิดคำถามขึ้นกับ PK ทันทีว่าแล้วพระเจ้าคือใคร และจะไปหาพระเจ้าได้ที่ไหน หลังจากนั้น การเดินทางของ PK เพื่อออกตามหาพระเจ้าจึงเริ่มต้นขึ้นระหว่างการค้นหาพระเจ้า มีสิ่งหนึ่งที่ PK ได้ค้นพบและเรียนรู้จากความสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว ว่าทำไมคนเราจะต้องมีการแบ่งแยกกันด้วย เพราะในโลกของเขา ทุกคนต่างเหมือนกัน และความแตกต่างที่ถูกกำหนดขึ้น ก็มาจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ ว่าถ้าใส่แบบนี้จะเป็นเพศชาย แบบนี้เป็นเพศหญิง หรือเราก็จะกำหนดกันขึ้นมาเองว่าต้องแต่งกายแบบนั้นแบบนี้ แตกต่างกันไปตามกิจกรรม หรือตามช่วงเวลา ซึ่งสร้างความสงสัยว่าใครเป็นผู้กำหนด และกำหนดไปเพื่ออะไรหรืออีกเรื่องหนึ่งที่ PK สงสัย ว่าทำไมรูปคนคนเดียวกัน แต่พอไปอยู่คนละที่คุณค่าของมันถึงได้มีความแตกต่างกัน เช่น ถ้าไปอยู่บนโปสเตอร์ก็ให้ค่าอย่างหนึ่ง ถ้าไปอยู่บนปกหนังสือก็ให้ค่าแบบหนึ่ง แต่ถ้าไปอยู่บนธนบัตร ก็กลับให้ค่าไปอีกแบบหนึ่ง ซึ่งทุกอย่างล้วนกลายเป็นสิ่งที่สมมติขึ้นตามสายตาของ PKกลับมาที่การตามหาพระเจ้าของ PK หลังจากพยายามหาวิธีที่จะไปพบพระเจ้า เขาก็ได้ข้อมูลที่หลากหลายจากผู้คนมากมายว่าต้องทำอย่างไรบ้างจึงจะได้พบพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเงิน การลงไปอาบน้ำในบ่อ การนอนกลิ้งตัว การเทน้ำนมลงบนแท่นหิน และอีกหลากหลายวิธี แต่เมื่อลงมือทำตาม กลับไม่ได้พบพระเจ้าสักทีจน PK เริ่มสงสัยและตั้งคำถามอีกครั้งว่า ทำไมวิธีการไปพบพระเจ้าถึงได้แตกต่างกันนัก หรือว่าพระเจ้าจะมีหลายองค์ แล้วก็มีการตั้งตัวแทนของพระเจ้าแต่ละองค์ มาบอกว่าพระเจ้าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร และจริงๆ แล้วมันแตกต่างกันที่พระเจ้า หรือจากตัวแทนของพระเจ้าที่ตั้งกันขึ้นมาเอง และสุดท้ายแล้ว พระเจ้ามีจริงหรือเปล่า ทำไมเขาถึงไม่พบสักที หรือพระเจ้าหายไปไหน เขาเลยตัดสินใจทำใบปลิวออกตามหา เผื่อจะมีใครเคยพบ จะได้มาบอกเขาบ้างว่าจะไปพบพระเจ้าได้ยังไง (เป็นมุมมองที่ล้อเลียนได้ตรงดี)ทุกอย่างล้วนเป็นคำถามที่เกิดขึ้นกับ PK รวมถึงคำถามที่ค่อยๆ เกิดขึ้นในใจว่า ความยุ่งยากเหล่านี้ มันเริ่มต้นที่ตรงไหน คนเราถูกประทับตราให้แตกต่างกันตอนไหน ถึงทำให้คิดไม่เหมือนกัน เชื่อไม่เหมือนกัน และลงมือกระทำที่แตกต่างกันไป ทั้งๆ ที่ตอนเกิดมาเราต่างก็เหมือนกัน ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ไม่มีศาสนา ไม่มีตราประทับ แต่เมื่อเริ่มเติบโตขึ้นมา เราก็ค่อยๆ รับเอามาสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาสวมใส่ทีละอย่าง ทีละอย่าง จนเราต่างไม่เหมือนกันถ้าเด็กเกิดมาไม่มีศาสนา ไม่มีพระเจ้าให้นับถือ คำถามคือแล้วเรามานับถือพระเจ้ากันเมื่อไหร่การเดินทางของ PK นำไปสู่การพบเจอกับผู้นำทางความเชื่อคนหนึ่ง ที่บอกว่าตัวเองสามารถสื่อสารกับพระเจ้าได้ เขาเลยเข้าไปตั้งคำถามเหมือนเดิม เพื่อที่จะให้พระเจ้าช่วยเขาหาของที่เขาตามหา แล้วเขาก็พบว่า หรือจริงๆ แล้ว พวกเราเข้าหาพระเจ้าด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง ถึงไม่ได้อย่างที่ต้องการ ซึ่ง PK ก็เปรียบเหมือนกับการโทรผิดเบอร์สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น อาจจะมาจากความเชื่อ หรือสิ่งสมมติต่างๆ ที่เราสร้างกันขึ้นมาเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพระเจ้าหรอก เหมือนเราโทรผิดเบอร์ ก็มาจากความเข้าใจผิดของเราเอง มาจากความเชื่อและเหตุผลต่างๆ นาๆ ที่ทำให้เราเชื่อว่าเราโทรเบอร์ที่ถูกต้อง แล้งเราก็โทรของเราเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับปลายสายเลยและเมื่อเราโทรผิดเบอร์นี้ซ้ำๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นไปได้ที่คนที่รับสาย ซึ่งอาจจะเป็นคนที่ตั้งตัวเองมาเป็นคนรับสายให้ ก็อาจจะใช้โอกาสนี้เล่นตลกกับเรา ให้เราเข้าใจว่าเราโทรมาถูกแล้ว และเมื่อเขาบอกอะไรกับเรา เราก็เชื่อตามนั้น เพราะเรามั่นใจว่าเราโทรมาถูกเบอร์ และเชื่อว่าปลายสายก็คือคนที่ใช่ที่เราต้องการคุยด้วย ไม่ว่าเขาจะหลอกเราอย่างไรก็ตาม เราก็จะคล้อยตาม ... ซึ่งทั้งหมดล้วนเริ่มต้นมาจากความเชื่อของเราทั้งนั้นPK ได้เรียนรู้และข้อสรุปที่ว่า จริงๆ แล้วพระเจ้ามีอยู่แค่สององค์เท่านั้น องค์หนึ่งเป็นผู้ที่สร้างพวกเราขึ้นมา ส่วนอีกองค์เป็นพระเจ้าที่สร้างคนให้มาหลอกลวง โกหก มาให้คำสัญญาแบบผิดๆ เข้าหาคนรวยได้เร็ว ละทิ้งคนจน มีความสุขเวลาได้การเคารพบูชา และทำให้ผู้คนกลัวไม่กล้าที่จะพูดอะไร แล้ว วันนี้เรากำลังนับถือพระเจ้าองค์ไหนกันแน่สุดท้าย PK เลยชวนให้ทุกคน (รวมถึงพวกเราที่เป็นคนดู) ว่า ลองกลับมาถามตัวเองอีกครั้งดีไหม ว่าทุกวันนี้เราได้เบอร์โทรที่ถูกมาหรือเปล่า และความแตกต่างทั้งหลายที่เกิดขึ้นก็ล้วนมาจากพวกเราทั้งนั้นที่สมมติมันขึ้นมา ... อย่าไปโทษพระเจ้าเป็นหนังที่ตั้งคำถามบนความเชื่อที่หลายๆ คนอาจจะสงสัย และอยากถามมานาน แต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม ส่วนหนึ่งอาจจะมาจาก “ความกลัว” ที่เราค่อยๆ สร้างมันให้เกิดขึ้น จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ไม่ว่าความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ ความกลัวที่จะไม่ได้รับการยอมรับ ความกลัวการไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ซึ่งกลุ่มนั้นอาจจะเป็นสังคมที่เราอยู่ หรืออาจจะเป็นครอบครัวของเราก็ได้แนะนำเรื่องนี้เลยครับ สำหรับคนที่ชอบหนังสนุก ที่ชวนให้ได้ขบคิด และได้มองในแง่มุมใหม่ๆ กับชีวิต ความกลัวเหล่านั้น ผลักเราให้ออกห่างจากความสงสัย ความใคร่รู้ รวมไปถึงคำตอบที่เราอาจจะสงสัยอยู่ก็ตาม ความกลัวเหล่านั้น ทำให้เราเลือกที่จะแตกต่างจากคนอื่น ทำให้เรายอมทำตามในหลายๆ เรื่องที่เราอาจจะไม่อยากทำ และอีกมากมายและความกลัวเหล่านั้น ทำให้เราจมหายไปกับกระแสธารของความไม่รู้ ความโง่เขลา และไร้ซึ่งปัญญา ซึ่งสิ่งเดียวที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากวังวนเหล่านี้ ช่วยให้เราได้โผล่พ้นน้ำออกมาพบกับความจริงได้ ก็ด้วยการตั้ง “คำถามที่ใช่” หรือโทรให้ถูกเบอร์ นั่นเองเครดิตภาพทั้งหมด www.imdb.com และ Rajkumar Hirani Films