สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกคน วันนี้ เรา มี ความรู้ที่เรียน มาตั้งแต่ประถม เรียนยังไงก็ไม่เข้าใจ เรียยังไงก็จำไม่ได้ มานำเสนอ เเต่ เอ๊ะ! เรื่องอะไรนั่นเหรอ อ๋อ! ก็เรื่องของ Present Simple Tense. นั่นเอง แล้ว Present Simple Tense. ที่ว่านี้น มันคืออะไร และทำไมเราต้องจำ และต้องนำมันไปใช้ ด้วย ไปดูกันเลยPresent Simple Tense. คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่เป็นปกติ ทั่วๆไป ง่ายๆ แบบไม่ซับซ้อนอะไรมากมาย เรามาดูกันเลยครับว่า การที่จะเป็น Present Simple Tense. นั้น มีอะไรบ้างเริ่มต้นที่ โครงสร้างของประดยคครับ Structure (โครงสร้าง) Subject + Verb 1 ( s ) + Object + ( Modify ) Example (ยกตัวอย่าง) He walks to school every day. (เขาเดินไปโรงเรียนทุกวัน) ใช้ Present simple tense กับเหตุการณ์ต่อไปนี้ 1. เหตุการณ์ที่เป็นความจริงอยู่เสมอทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เช่น Death comes to everyone sooner or later. (ความตายจะมาเยือนทุกคนไม่ว่าช้าหรือเร็ว) The sun is very hot. (พระอาทิตย์ร้อนมาก) The moon shines at night. (พระจันทร์ส่องแสงยามราตรี) เห็นไหมครับว่าประโยคที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเป้นปกติทั่วๆไปที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้แบบง่ายๆ 2. ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำจนเป็นประเพณี ( custom ) นิสัย ( habit ) และความสามารถ ( ability ) เช่น Jack often comes to school late. (แจ๊คมาโรงเรียนสายบ่อยๆ) We always go to the church on Sunday.(พวกเราไปที่โบสถ์เป็นประจำในวันอาทิตย์) She speaks English very well. (หล่อนพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก) 3. ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำมี Adverb of frequency ( always , sometimes ) อยู่ด้วย เช่น He always walks to school. (เขาเดินไปโรงเรียนเป็นประจำ) She sometimes speaks French. (บางครั้งเธอก็พูดภาษาฝรั่งเศษนะ) They always play football after school. (พวกเขาเล่นฟุตบอลหลังเลิกเรียนเป็นประจำ) 4. ใช้บรรยายเหตุการณ์ต่างๆ เช่น บรรยายฉากละคร บรรยายการแข่งขัน กีฬาประเภทต่าง ๆ เช่น Meanwhile the window open and the masked man enters in the room. (ในขณะที่หน้าต่างเปิดออก ชายที่สวมหน้ากากก็เข้ามาในห้อง.) 5. ใช้ในประโยคคำสั่งและประโยคขอร้อง เช่น Look at this picture. (ดูรูปภาพนี้สิ) Let me help you. (ให้ฉันช่วยเธอนะ) Shut the window , please. (ปิดหน้าต่างด้วยนะครับ) 6. ใช้ในคำพังเพย สุภาษิต และสำนวนทั่วไป เช่น It is easier than done. (พูดง่ายกว่าทำ) It never rains but pours.(พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก) * สำนวนบอกเวลาที่ปรากฏใน Persent simple ได้แก่ always , almost , usually , often , sometimes , seldom , rarely hardly ever , almost never , never.* ถ้าประธานของประโยคเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 ต้องเติม S ที่กริยา ในประโยคบอกเล่า Statements (ประโยคบอกเล่า) เช่นYou like English.(คุณชอบภาษาอังกฤษ)He walks to school .(เขาเดินไปโรงเรียน)They read cartoon book.(พวกเขาอ่านหนังสือการ์ตูน)Vegetable is fresh.(ผักสดจัง)She is on the bus.(เธอโดยสารรถประจำทาง)Sam and Susan are sad.(เเซมกับซูซานเศร้าโศกเสียใจ) Negatives (ประโยคปฏิเสธ) เช่นYou don’t like English.(เธอไม่ชอบภาษาอังกฤษ)He doesn’t walk to school.(เขาไม่ได้เดินไปโรงเรียน)They don’t read cartoon book.(พวกเขาไม่ได้อ่านหนังสือการ์ตูน)Vegetable isn’t fresh.(ผักไม่สด)She isn’t on the bus.(เธอไม่ได้อยู่บนรถประจำทาง)Sam and Susan aren’t sad.(แซมกับซูซานไม่ได้เศร้า) Yes / No questions (ประโยคคำถาม) เช่นDo you like English?(คุณชอบภาษาอังกฤษใช่หรือไม่)Does he walk to school ?(เขาเดินไปโรงเรียนใช่หรือไม่)Do they read cartoon book ?(พวกเขาอ่านหนังสือการ์ตูนใช่หรือไม่)Is vegetable fresh ?(ผักนี้สดใช่ไหม)Is she on the bus ?(ผู้หญิงคนนั้นอยู่บนรถประจำทางใช่หรือไม่)Are Sam and Susan are sad ?(แซมกับซูซานเศร้าหรือไม่) และนี่คือการใช้ Present simple Tense เพียงเล็กๆน้อยๆที่เราได้เรียนรู้ในวันนี้นะครับ หวังว่าผู้อ่านที่น่ารัก คงจะพอเข้าใจอยู่บ้าง เห็นไหมครับว่า ภาษาอังกฤษไม่ได้ยากเลย เพียงแค่เราขยันอ่าน ขยันจำ ขยันทำความเข้าใจ อ้อ! และที่สำคัญอย่าลืมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันด้วยนะครับ ติดตามบทความดีดีที่ให้ความรู้แบบนี้อีกมากมาย ที่นี่ แล้วพบกันใหม่นะครับ สวัสดี ครับบบบบบบบบบบบ!!! ..........บทความ/รูปภาพโดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !