สวัสดีค่าทุกๆ คน ช่วงนี้โลลิว่างมากจ้าเพราะอยู่บ้านจากการประกาศหยุดเพราะเชื้อ COVID-19 พอมีเวลาว่างก็เลยดู Netflix วนไป ตอนนี้โลลิก็เลยติดหนังเรื่องหนึ่งเป็นซึ่งเป็นหนังแนวแอคชั่น ผจญภัย ดราม่า และเป็นซีรีส์ที่ดังพอสมควรเลยล่ะ เพราะคงไม่มีชาว Netflix คนไหนที่ไม่รู้จักหนังเรื่อง Prison break อย่างแน่นอน เพราะต่อให้ไม่เคยดูก็น่าจะเคยเห็นผ่านๆ ตาใน Netflix มาบ้างและเผื่อใครที่ยังไม่เคยดูเพราะลังเลว่าจะสนุกไหม หรืออาจเพราะกำลังติดซีรี่ส์เรื่องอื่นอยู่ ก็ลองมาทำความรู้จักกับหนังเรื่องนี้ไปพร้อมๆ กับโลลิได้ เผื่อว่าซีรี่ส์เรื่องนี้อาจเป็นซีรีส์ในดวงใจของคุณเรื่องถัดไปก็ได้นะ ^^(ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/PrisonBreak/)Prison Break เป็นซีรี่ส์ที่มีโครงเรื่องหลักเกี่ยวกับการแหกคุก โดยเรื่องราวจะเล่าถึงชายหนุ่มมาดนิ่งหน้าขรึมแต่ความฉลาดทะลุร้อยอย่าง Michael Scofield เขาได้ทำการวางแผนแหกคุกเป็นเดือนๆ เพื่อช่วยพี่ชายที่ได้รับโทษประหารชีวิตในข้อหาฆ่าน้องชายของรองประธานาธิบดีที่เขาไม่ได้ก่อ แม้ว่าไมเคิลนั้นจะฉลาดเป็นกรดและแผนการแหกคุกที่เขาวางมาจะเยี่ยมยอดแค่ไหน แต่ดูเหมือนเรื่องมันจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลยสักนิด!สำหรับเนื้อเรื่องของหนังนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะแค่ฟังเรื่องย่อก็พอจะรู้ได้แล้วว่าเป็นหนังที่น่าสนใจแค่ไหน ครั้งแรกที่โลลิฟังเรื่องย่อที่มีคนเล่าให้ฟังก็รู้สึกว่าหนังน่าสนใจแล้ว ดูไปประมาณ 1-2 ตอนแรกก็ยังเฉยๆ อยู่ แต่ทันทีที่กระบวนการการแหกคุกนั้นได้เริ่มต้นขึ้น ก็ทำเอาหยุดดูไม่ได้เลยทีเดียว เนื้อเรื่องมีความสมเหตุสมผล มีที่มาที่ไป ไม่เกินจริง เข้มข้นทุกตอน ไม่เวิ่นเว้อ มีการสอดแทรกและข้อคิดและความรู้อยู่เรื่อยๆ จากการดูหนังเรื่องนี้ทำให้โลลิมีความรู้เกี่ยวกับการเมืองและกฏหมายพื้นฐานของประเทศสหรัฐอเมริกา (จริงๆ มันมีพูดถึงกฏหมายอื่นๆ ในเชิงลึกด้วยนะ แต่สมองโลลิเข้าไม่ถึง แงงง) นอกจากนี้โลลิยังชอบตอนที่ในบางครั้งหนังจะไม่ยอมบอกเราว่าพระเอกกำลังวางแผนอะไรอยู่ในหัว เพียงแต่ปล่อยให้เราลุ้นอย่างใจจดใจจ่อไปกับตัวละครตัวอื่นในเรื่องว่าพระเอกกำลังทำอะไร แล้วค่อยมาให้คำเฉลยกับเราทีหลัง จนบางทีโลลิต้องถึงกับร้อง ‘โห’ ขึ้นมาเพราะคาดไม่ถึงเลย ทุกครั้งที่ดูก็ต้องอดที่จะชื่นชมนักเขียนอยู่ในใจตลอดไม่ได้ว่าทำไมถึงได้สามารถเขียนออกมาได้เยี่ยมอย่างนี้ หรือบางที โลลิก็แอบสงสัยนะว่านักเขียนเคยแหกคุกรึเปล่า ทำไมถึงรู้ดีจริงๆ (ฮาาา) เอาเป็นว่าใช้แค่คำว่า ‘Good’ ยังน้อยไปสำหรับเนื้อหา ยกคำว่า ‘Excellent’ ให้ไปเล้ยยย! (ชูนิ้วโป้ง)(ขอบคุณรูปจาก https://www.facebook.com/PrisonBreak/) แต่สิ่งที่โลลิหลงใหลยิ่งไปกว่าเนื้อหาที่มีคุณภาพนี้ก็คงจะเป็น ‘Characters’ หรือ ‘ตัวละคร’ นั่นเอง เพราะตัวละครแต่ละตัวถูกวางมาแบบดีจริงๆ แต่ละคนก็ต่างมีบุคลิกที่โดดเด่น และ Unique เป็นของตัวเอง อืม...จะว่าอย่างไรดีล่ะ หนังทุกเรื่องผู้เขียนก็ย่อมใส่ความเป็นเอกลักษณ์ให้กับตัวละครตัวเองแต่ละตัวอยู่แล้ว แต่ถ้าหากสังเกตดูดีๆ จะพบว่า ภายใต้บุคลิกที่แตกต่างในแต่ละตัวละครนั้นก็ยังมีความเหมือนกันอยู่ลึกๆ ของบุคลิกนักเขียน อารมณ์ประมาณว่ารู้ได้เลยว่ามาจากนักเขียนคนไหนเพราะตัวละครมีพฤติกรรมบางอย่างที่คล้ายๆ กัน ในทางกลับกันตัวละครแต่ละตัวของหนังเรื่องนี้กลับมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ตั้งแต่พื้นฐานนิสัยทั่วไปที่เราสามารถเห็นได้ ซึ่งเป็นนิสัยเอกลักษณ์ทำให้เราจดจำตัวละครใน Image นั้นๆ ไปจนถึงพฤติกรรมหลายๆ อย่างของตัวละครที่สื่อออกมา เช่น สายตา น้ำเสียง ท่าทางการเดิน ความคิด การตัดสินใจ มันทำให้เราได้เข้าใจภูมิหลังของตัวละครนั้นๆ และรู้จักพวกเขามากขึ้น ตัวละครบางตัวดูครั้งแรกๆ โลลิรู้สึกไม่ชอบขี้หน้ามากๆ รู้สึกว่าเป็นคนไม่ดี แต่พอดูๆ ไปเรื่อยๆ กลับรู้สึกสงสารขึ้นมาเสียอย่างนั้น งานนี้นอกจากจะยกความดีความชอบให้คนเขียนแล้ว คงต้องยกความดีความชอบให้กับนักแสดงอีกด้วย แสดงได้มีฝีมือมากๆ ทุกตัวละครคือมีความหมาย มีประโยชน์หมด ส่วนตัวละครที่โลลิชอบมากที่สุดมีอยู่ 2 คน คือ ‘ไมเคิล สกอฟิลด์’ เพราะนอกจากความหล่อแล้ว ก็เป็นตัวละครที่ฉลาดมาก ดูนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด แต่ดูมีอะไรเพราะเป็นคนที่มีอารมณ์และความคิดที่ลึกซึ้ง ดูเห็นแก่ตัว แต่ก็เป็นคนดี เป็นฮีโร่ในระดับที่ไม่เว่อร์จนเกินจริง และอีกตัวก็คือ ‘ธีโอดอร์ “ที-แบก” แบกเวลล์’ สำหรับโลลิแล้ว นอกจากเขาจะเป็นตัวละครที่ชื่อเท่สุด เขายังเป็นตัวละครที่เลวสุด โชคดีสุด โชคร้ายสุด และฉลาด (ด้านการเอาตัวรอด) สุด ไปพร้อมๆ กันอีกด้วย เอาเป็นว่าไม่พูดเยอะเดี๋ยวจะเป็นการสปอยล์ ลองไปลุ้นเอาเองได้เล้ยยย(ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/PrisonBreak/) มาพูดถึงเรื่ององค์ประกอบอื่นๆ อย่างเพลงประกอบและฉากกันบ้างดีกว่า เพลงประกอบแน่นอนว่าเป็นอะไรที่เร้าอารมณ์ได้ดีเช่นกัน ฉากก็สมจริง ยิ่งฉากในคุกทั้งในสหรัฐอเมริกาและในปานามามันสมจริงมากๆ แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของสองที่นี้ได้อย่างดี สี บรรยากาศทุกอย่างมันช่างทำให้เราอินไปกับหนังได้ไม่ยาก ในส่วนนี้คงไม่ต้องพูดเยอะแล้ว เอาเป็นว่ามันดีงาม!เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับซีรี่ย์ Prison Break นี้ ไปดูเถอะ สนุกแน่นอน ถ้าจะให้คะแนนแล้วล่ะก็แน่นอนว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ตัวละคร นักแสดง ฉาก ทำให้โลลิตัดสินใจเควี้ยง 10/10 ให้อย่างไม่ลังเลเลยยย แต่เดี๋ยวก่อน! มันยังมีบางจุดที่โลลิไม่ค่อยพอใจกับหนังเรื่องนี้ นั่นก็คือมีหลายฉากมากที่มีเนื้อหาที่ดูถูกคนเอเชีย รวมถึงมีการพูดถึงประเทศไทยด้านลบด้วย (แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม) ดังนั้นจึงขอลดคะแนนให้เหลืออยู่ที่ 9.5/10 ถ้าเพื่อนๆ สนใจอยากชมก็ไปชมได้ที่ Netflix เลยนะคะ อ้อๆ ตอนนี้เพื่อนๆ สามารถรับชม Netflix ผ่านกล่อง Trueid TV ได้แล้วด้วยนะ หนังดีขนาดนี้พลาดไม่ได้แล้วป่ะ! สำหรับวันนี้ โลลิคงต้องขอตัวลาเพื่อนๆ ทุกคนไปก่อน แล้วจะนำหนังดีๆ มาให้อีก สวัสดีค่าาา // ไหว้งามๆ By. Loli