สวัสดีค่ะ กลับมาอีกครั้งกับบทความ Read n' Review ผู้เขียนอยากจะเขียนรีิวิวหนังสือที่เคย ๆ อ่านไว้ค่ะ ทั้งเป็นการเก็บความรู้สึกและความทรงจำในต่อนที่อ่าน และยังเป็นการรีิวิวให้ผู้อ่านอีกด้วยค่ะ เผื่อใครสนใจหนังสือเล่มไหนก็ไปตามหาอ่านได้ ส่งเสริมการอ่านไปในตัวนะคะวันนี้เรามาอยู่กับหนังสือเรื่อง The 100 หนึ่งร้อย เขียนโดย แคสส์ มอร์แกน แปลไทยโดย ดาวิษ ชาญชัยวานิช ค่ะ เป็นเรื่องราวของโลกในอนาคต ดาวโลกได้ถูกปนเปื้อนจากระเบิดนิวเคลียร์และภัยพิบัติต่าง ๆ จนทำให้มนุษย์ต้องไปอาศัยอยู่บนยานอวกาศเมื่อ 100 ปีก่อน หนังสือเรื่องนี้ได้รับการดัดแปลงนำไปทำเป็นซีรีส์จากช่อง CW ด้วยค่ะ ชื่อเรื่องเดียวกัน ตอนนี้สามารถหาดูได้ใน Netflix เลยค่ะ ซีรีส์ก็สนุกมาก ๆ เลยค่ะ แต่มีคำกล่าวว่าไว้ หนังสือสนุกกว่าหนัง เพราะฉะนั้น ใครชอบอ่านมากกว่า วิ่งไปหาอ่านอย่างเร็วเลยนะคะ หนังสืออ่านสนุกแน่นอน คอนเฟิร์มเรื่องย่อบนโลกไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว หลังจากสงครามนิวเคลียร์ล้างโลก มนุษย์กลุ่มสุดท้ายก็อาศัยอยู่บนยานอวกาศที่อยู่ห่างไกลจากพื้นผิวโลกที่เต็มไปด้วยสารกัมมันตรังสี จนกระทั่งตอนนี้ นักโทษเยาวชนจำนวนหนึ่งร้อยคน กลุ่มคนที่คนบนยานมองว่าไร้ค่า เศษเดนมนุษย์ ได้รับการไว้ชีวิตโดยการส่งลงไปทำภารกิจที่โลก...ซึ่งก็ดูไม่ต่างอะไรจากโทษประหาร แต่ด้วยทรัพยากรบนยานที่กำลังจะหมดลง ทางเลือกไหนก็ดูเหมือนจะไม่พ้นความตายอยู่ดี ทั้งคนบนยานที่ต้องจำใจฝากความหวังไว้ที่นักโทษเหล่านี้ และเหล่านักโทษที่จู่ ๆ ก็ต้องมาแบกชีวิตคนบนยานพวกเขาไม่เคยได้รับความเมตตา ด้วยฐานะต่ำต้อย ต้องทำตามคำสั่งของคนเบื้องบนไปวัน ๆ เพื่อที่จะได้อาหารมาประทังชีวิต ทั้งต้องดูแลครอบครัว เมื่อสถานการณ์บีบคั้น ก็ต้องแหกกฎเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป คลาร์กถูกจับในข้อหากบฎ เธอรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำ มากกว่ารู้สึกผิดที่โดนจับได้ เวลส์ ลูกของสมุหนายก ยอมทิ้งชีวิตชั้นสูงของเขา เพื่อลงไปหาคลาร์ก ผู้หญิงที่เขารัก เบลลามีบุกฝ่าเข้าไปในยายลำเลียงเพื่อที่จะไปช่วยน้องสาวของเขา น้องสาวสายเลือดเดียวกันเพียงหนึ่งเดียว และคู่พี่ชายน้องสาวหนึ่งเดียวในจักรวาลที่มีกฎหมายลูกคนเดียว กลาสส์หลบหนีออกมาจากยานลำเลียง กลับไปยังยานแม่ และพบว่าชีวิตบนยานนั้นกลับอันตรายกว่าลงไปยังพื้นโลกเสียอีกการลงสู่พื้นโลกอย่างปลอดภัย ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย กลุ่มหนึ่งร้อยต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากสิ่งที่ไม่รู้ ทั้งสภาพแวดล้อม และความรู้เรื่องโลกที่เกือบจะเป็นศูนย์ กัมมันตรังสีที่อันตราย สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ พวกเขากลายมาเป็นความหวังหนึ่งเดียวของมนุษยชาติบทในเรื่องจะแบ่งออกเป็นสี่ส่วนค่ะ ส่วนละคนสลับกันไป คลาร์ก เวลส์ เบลลามี กลาสส์ ชื่อผู้หญิงออกจะคล้าย ๆ กันหน่อย ชวนให้สับสนได้ค่ะ กลาสส์เป็นคนเดียวที่ยังอยู่บนยาน เพราะหนีออกมาได้ก่อนพล็อตเรื่องดิสโทเปียทั่วไปค่ะ ต้องมีสองฝั่ง เอาแบบง่าย ๆ เลยก็คือฝั่งคนรวยกับฝั่งคนจน ยานฟินิกซ์ สำหรับสังคมไฮโซ มีน้ำ มีอากาศ มีแต้มไว้ใช้แลกอาหาร เสื้อผ้า อีกยานคือวัลเด็น สำหรับสังคมชั้นล่าง หากมีความสามารถจะได้เลื่อนอาชีพเป็นการ์ด แต่ถ้าหากไม่จะต้องทำอาชีพเดิมที่พ่อแม่ของตนทำต่อไป หากทำผิดกฎเมื่ออายุเกิน 18 ปี จะได้รับโทษประหาร ฉีดยาเข้าหัวใจ คลาร์กเข้าใจว่าตัวเองอายุครบ 18 แล้ว แต่เธอเพิ่ง 17 เธอจึงได้รับการละเว้นและถูกบังคับให้ไปทำภารกิจเดนตายแทน เธอเป็นนักศึกษาแพทย์ฝึกหัด จึงมีความสำคัญต่อกลุ่มมาก เวลส์ทำลายระบบแอร์ล็อคของยาน ทำให้อากาศเหลือน้อยลงอย่างรวดเร็ว เขาทำเพื่อช่วยชีวิตคลาร์กที่จะอายุครบ 18 ในเร็ววัน ยานลำเลียงนักโทษจึงได้เดินทางสู่โลกเร็วขึ้น แต่ผลจากการกระทำของเขาทำให้คนบนยานตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวงเบลลามี มีน้องสาวชื่ออ็อกเทเวีย แม่ของเขาฝ่าฝืนกฎห้ามมีลูกเกินหนึ่งคน ทำให้น้องสาวของเขาต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เธอเป็นพวกติดยา และโดนจับได้ก็เพราะขโมยยา จึงถูกจับส่งขึ้นยานนักโทษ เบลลามีจึงบุกขึ้นยานตามมา บนโลกนั้นมียาแค่กล่องเดียว อยู่กับคลาร์ก อ็อกเทเวียรู้เรื่องยาด้วย เมื่อยาหายไปคลาร์กจึงสงสัยอ็อกเทเวียเป็นคนแรก และไปบอกเบลลามี เขาไม่เชื่อจึงทะเลาะกัน แต่น้องสาวของเขานั้นขโมยยาไปจริง ๆ คลาร์กยกโทษให้ แต่แกรมห์ หนึ่งในนักโทษบอกให้ประหารอ็อกเทเวียทิ้งซะ เวลส์เข้ามาไกล่เกลี่ย จึงให้เนรเทศออกจากค่ายไป ตกดึกคืนนั้นเกิดไฟไหม้ทุกอย่างก็สูญไปกับไฟวันถัดมาคลาร์กกับเบลลามีตัดสินใจออกตามหาอ็อกเทเวีย และได้รับรู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ตามลำพังบนโลก แต่ยังมีมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่ไม่เคยจากไปไหนกลาสส์พยายามไปหาลุคแฟนหนุ่มต่างชนชั้นของเธอ และพยายามหาทางลงมาบนโลกให้ได้ ลุคมีหน้าที่ซ่อมแซมยาน ซึ่งจะต้องออกนอกยานไป งานนี้เป็นงานอันตราย กลาสส์พยายามทำใจเสมอเวลาเขาต้องออกไปซ่อมยาน ทั้งหัวก็วิ่งหมุนเพื่อที่จะพาตนเองและลุคออกไปจากยานนี้ให้ได้ เธอจะทำได้หรือไม่ ต้องรอหนังสือเล่มถัดไป เรื่องราวของกลาสส์เป็นเพียงการปูทางไปยังเล่มสอง เนื้อเรื่องเลยไม่มีอะไรมากค่ะเรื่องนี้มีกลิ่นอายของ Divergent และ The Hunger Games เล็กน้อยค่ะ เพราะเป็นเรื่องราวของวัยรุ่นที่หนังสือสมัยนี้ชอบเขียนถึงเสียเหลือเกิน ด้วยความที่เป็นวัยรุ่นตัวละครเลยออกจะใจร้อน ไม่ฟังเสียงใครไปบ้าง ทั้งยังแย่งความเป็นผู้นำในกลุ่ม ทำให้เกือบจะซวยไปด้วยกันหมดนี่อีกด้วย โชคดีที่คลาร์กในหนังสือไม่น่ารำคาญเท่าคลาร์กในซีรีส์ค่ะ แต่เนื้อเรื่องในซีรีส์ก็จะไม่ค่อยเหมือนในหนังสือเท่าไหร่อยู่แล้วหนังสือชุด The 100 มีทั้งหมดสามเล่มที่แปลไทยออกมาค่ะ แต่ทางต้นฉบับมีสี่เล่ม ไม่แน่ใจว่าฉบับแปลไทยจะจบลงแค่นี้หรือเปล่า ต้องรอติดตามกันไปค่ะ สำหรับวันนี้ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ คราวหน้ากลับมาพบกันใหม่กับบทความ Read n' Review ในหนังสือเล่มที่สองของชุด The 100 กันค่ะ คราวนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่ะ เครดิตภาพ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 โดยผู้เขียน / ภาพที่ 3 โดยผู้เขียน