หลังจากที่นักเขียนได้แนะนำกิจกรรมในบทความของ ' 4 กิจกรรมสำหรับคนติดบ้าน ในวันหยุดเดือนตุลาคม 64 ' เนื้อหาภายในนั้น นักเขียนได้แนะนำซีรีส์จากประเทศอังกฤษเรื่องนึง มีเนื้อหาทั้งหมด 6 ซีซั้น ซีซั้นละ 12 ตอน นั้นคือเรื่อง Downton Abbey จากผู้กำกับ Michael Engler ซึ่งในวันนี้นักเขียนจะมาชวนทุกคนดูและพามารู้จัก กับซีรีส์นอกกระแสในตอนนี้ สำหรับคนที่อยากหาอะไรดู หรือคนที่อยากห่างไกลจากซีรีส์เกาหลีบ้าง หรือว่าอยากฝึกการฟังภาษาอังกฤษสำเนียง British เรื่องนี้อาจจะตอบโจทย์ Downton Abbey เป็นซีรีส์สุดคลาสสิคจากประเทศอังกฤษ ที่เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1912 และดำเนินมาเรื่อย ๆ จนจบในปี 1925 บอกเล่าเรื่องราวตระกูลหนึ่ง เป็นระยะเวลา 13 ปี แน่นอนว่า คนที่ทำบทหนังหรือนักเขียนในซีรีส์เรื่องนี้ต้องทำการบ้านอย่างหนักแน่ ๆ เพราะต้องดำเนินเรื่องราวผ่านเหตุการณ์สำคัญ เช่น ช่วงที่ไททานิกจมทำให้ตระกูลนี้เสียคนที่รับมรดกต่อ การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ความสูญเสียของผู้คนที่เป็นชาวบ้านหรือเป็นผู้คนของตระกูลชั้นสูง ผู้ชายทุกคนต้องไปออกรบ หลังจากสงครามทำให้คนว่างงานเป็นจำนวนมาก ของใช้ช่วงนั้นจะแพงและหายากมาก ๆ ทำให้ทุกคนต้องหาทางเอาตัวรอด การเกิดโรคระบาดคร่าชีวิตคนนับไม่ถ้วนไม่ว่าจะรวยหรือจน และสิทธิสตรีความเท่าเทียมของชายและหญิง ซึ่งสมัยนั้นชายต้องเป็นใหญ่ การเปลี่ยนผ่านยุคสมัย เริ่มตั้งแต่ใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ รถยนต์ ตระกูลไหนปรับตัวได้ไว ก็จะได้ไปต่อ ถ้าตระกูลไหนไม่ยอมปรับตัวก็อาจจะล่มสลาย ซึ่งในเรื่องนี้ก็พูดถึงตระกูลที่ไม่ยอมปรับตัวกับยุค โดยซีรีส์จะเล่าทุกเหตุการณ์ผ่านตัวละคร ‘ ตระกูลครอว์ลีย์ ’ อาศัยอยู่ในชนบทดาวน์ตันแอบบี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์ประจำตระกูล ครอบครัวนี้ประกอบด้วย โรเบิรต์ ท่านเอิร์ลแห่งเกรนแธม ผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์และเป็นพ่อ ส่วนภรรยาเขา คอร่า หญิงสาวชาวสหรัฐที่ได้ย้ายสำมะโนครัวมาที่อังกฤษ ทั้งสองคนมีลูกด้วยกัน 3 คน คือ เลดี้แมรี่ , เลดี้อีดิธและน้องเล็กสุดเลดี้ซีบิล อีกทั้งมีท่านย่า เคาน์เตสไวโอเล็ต ซึ่งบุคคลที่กล่าวมานั้น คือกลุ่มบุคคลชั้นสูงและเป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่องราวต่าง ๆ สำหรับคนชั้นสูงนักเขียนรู้สึก ว้าว !! ในเรื่องของกิจวัตรประจำวัน ด้วยความที่เราไม่รู้ชีวิตของคนอังกฤษสมัยนั้น นักเขียนมักจะสงสัยว่า สมัยนั้นผู้หญิงคนชั้นสูง ไม่มีอะไรทำเลย นอกจากเดินไปเดินมา เลือกชุดสำหรับดินเนอร์ในแต่ละวัน ตัดชุดใหม่ ดื่มน้ำชา และหาคู่ครอง ไม่เบื่อกันบ้างหรอ ส่วนผู้ชาย นอกจากทำงานแล้ว ทุกเย็นก็ต้องมาดินเนอร์ด้วยกัน อาบน้ำแต่งตัวใหม่ และการดินเนอร์นี่จัดเต็มเหมือนตามโรงแรมห้าดาวกันเลยทีเดียว ไม่ได้ว้าวแค่กิจวัตรประจำวันนะ นักเขียนยังว้าวกับเสื้อผ้าในแต่ละวัน ทรงผมที่เริ่มเปลี่ยนไปตามยุคให้ทันสมัย เพราะระยะเวลาที่เรื่องบอกยาวนานถึง 13 ปี คงผ่านมาเยอะ แต่พอ ๆ หลัง เริ่มมีเรื่องของสิทธิสตรี ชายหญิงเท่าเทียมกันมากขึ้น ตัวละครผู้หญิงก็เริ่มออกหางานทำ และเริ่มมีสิทธิมีเสียงในการเรื่องตั้ง และไม่ได้แค่บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มคนชั้นสูงเท่านั้นนะ ยังบอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มคนชั้นล่าง คือชั้นคนรับใช้ในตระกูลนี้และคนที่ทำฟาร์ม แอนนา คนรับใช้ส่วนตัวของเลดี้แมรี่ เบตส์ คนรับใช้ส่วนตัวของท่านเอิร์ล จะบอกว่าเป็นคนรับใช้ส่วนตัวไม่ได้ เพราะในเรื่อง เบตส์และท่านเอิร์ลเคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา สำหรับตัวนักเขียนมองว่า ผู้มีบุญคุณซึ่งกันและกัน แบรนสัน คนขับรถ คนนี้นี่แหละจุดเริ่มต้นการล่มสลายของระบบชนชั้น คุณคาร์สันและคุณนายฮิวจ์ หัวหน้าพ่อบ้านแม่บ้านที่ใหญ่ที่สุด ที่กล่าวมาคือตัวหลักๆ แต่ยังมีหลายตัวละครที่มีบทบาทเหมือน ในเรื่องนี้จะแสดงให้เห็นว่า การที่ได้ทำงานรับใช้ตระกูลของชั้นสูงเป็นงานที่มีเกียรติ พ่อแม่บางคนถึงพยายามรบเร้าให้ลูกตัวเองทำงานรับใช้ตระกูลชนชั้นสูง แม้ลูกบางคนจะไม่ชอบก็ตาม บางคนถึงขั้นไปเรียนฝึกเป็นคนรับใช้ส่วนตัว การเป็นคนรับใช้ของตระกูลชนชั้นสูงไม่ได้สมัครกันง่าย ๆ ถ้าใครเพิ่งเริ่มทำอาจจะต้องใช้เส้นสาย แต่ถ้าใครทำมานานและต้องไปสมัครที่ใหม่ ต้องได้ใบรับรองจากที่เก่า หรือคนในตระกูลแนะนำ ชักชวนกันเอง ไม่เพียงแต่บทบาทของคนรับใช้ตระกูลชั้นสูงเท่านั้น ในเรื่องยังพูดถึงคนทำงานฟาร์มต่าง ๆ อีกด้วย รีวิวหลังดูจบ ด้วยความที่ซีรีส์นี้มีการดำเนินเรื่องราวผ่านมาตั้ง 13 ปี ผ่านทุกยุคทุกสมัย หลัก ๆ คือ ได้เห็นบ้านเมือง วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ระบบชนชั้นขุนนางและคนรับใช้ การแต่งตัว เสื้อผ้า ฉากต่าง บรรยากาศในสมัยนั้น อย่างว่าแหละ เราชินกับการดูละครไทยโบราณ เมื่อมาเจอกับฉากของเรื่องนี้ นักเขียนรู้สึกตื่นเต้นความสวยงามของฉากที่จัดขึ้น ได้เห็นการเติบโตของตัวละคร นักเขียนรู้สึกร่วมดีใจและเสียใจไปกับตัวละครด้วย และการดูเรื่องนี้ทำให้เราเห็นความรู้สึกของตัวละครทุกคนเมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลง ตอนที่เราเรียนประวัติศาสตร์ เราอาจจะรู้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงนี้ แต่ในเรื่อง พูดถึงตัวละครบางตัวที่ต้องมีความสูญเสียเกิดขึ้น ความรู้สึกของผู้คนในยุคนั้นที่ต้องผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆไป และมีสิ่งหนึ่งที่นักเขียนเห็นได้ชัดคือ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะรวยหรือจน ทุกคนก็จะประสบกับเรื่องที่น่ายินดี น่าตื่นเต้น ความรัก การรอคอย การปลอบใจตัวเอง การพลัดพราก และการกลับมาเจอกัน คำพูดของตัวละครที่เป็นแง่คิดที่ดีอีกด้วย ตัวเรื่องอาจจะไม่ว้าวเท่าไร แต่สามารถดูได้เพลิน ๆ ชมความสวยงามของฉาก การดำเนินเรื่องไม่ยืดเยื้อเกินไป ชวนน่าติดตามทุกตอน อ่านมาถึงตอนนี้ สำหรับใครที่อยากดูแล้วละก็ ขอบอกไว้ก่อน ดูไปอาจจะอยากดื่มชาไปด้วย ความที่เป็นเลดี้หรือท่านเอิร์ลเข้าสิง และเป็นซีรีส์ที่ต้องดูต่อไปเรื่อย ๆ เพราะแต่ละตอน การส่งต่อที่จะไปยังตอนต่อไปก็น่าติดตาม สำหรับใครที่อยากฝึกการฟังภาษาอังกฤษ เรื่องนี้ค่อยข้างจะฟังง่าย แต่คำที่ใช้อาจจะยากนิดนึง สำเนียง British มาแน่นอนสุดท้าย ใครอยากดูแนะนำให้หาดูแบบถูกลิขสิทธิ์ สำหรับตัวนักเขียนดูจากซีรีส์ Netflix และเรื่องหน้านักเขียนจะมารีวิวหนังหรือซีรีส์นอกกระแสอะไร โปรดติดตามได้นะคะ บาย ๆเครดิตขอบคุณวิดิโอประกอบจากช่อง Universal Pictures UK เรื่อง Downton Abbeyขอบคุณภาพประกอบจาก Page Facebook Downton Abbey ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 / ภาพที่ 11 / ภาพที่ 12 / ภาพที่ 13 / ภาพที่ 14 / ภาพที่ 15 / ภาพที่ 16 / ภาพที่ 17 / ภาพที่ 18 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !