Gourmet Detective Goro Akechi (Bishoku tantei Akechi Goro, 美食探偵 明智五郎) ละครแนวสืบสวนออกอากาศทางช่อง Gem 244 ทุกวันพุธ ในสัปดาห์เดียวกับที่ออกอากาศในญี่ปุ่น ตอนนี้ได้ออกอากาศจบแล้วจำนวน 9 ตอน(เนื้อเรื่องทั้งหมด 9 ตอน และตอนพิเศษที่เป็นเนื้อเรื่องเสริมอีกจำนวน 3 ตอน น่าเสียดายที่ช่อง Gem ไม่ได้นำมาออกอากาศด้วย) หลังจากนี้ทางช่อง Gem น่าจะนำกลับมาออกอากาศใหม่อีก สามารถตรวจสอบได้จากตารางการออกอากาศ บทความนี้จะขอรีวิวความน่าสนใจของเรื่องนี้กัน เรื่องย่อถ้าพรุ่งนี้คุณจะต้องตาย จะทานอาหารอะไรเป็นมื้อสุดท้ายอะเคจิ โกโร่(นากามุระ โทโมยะ) นักสืบอิสระ เรื่องมากเกี่ยวกับอาหารการกิน คำพูดติดปากเวลาได้กินอาหารที่อร่อยคือ “รสชาติไม่เลว” มักจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีที่ถูกฆาตกรรมด้วยอาหารและบางครั้งก็ถูกตำรวจให้ช่วยสืบคดี โดยมี โคบายาชิ อิจิโกะ(โคะชิบะ ฟุคะ) เจ้าของร้านอิจิโกะเดลี่ซึ่งจอดรถขายอาหารอยู่หน้าตึกสำนักงานของโกโร่ ต้องกลายมาเป็นผู้ช่วยโดยไม่รู้ตัว เรื่องเริ่มต้นจากผู้หญิงคนหนึ่งว่าจ้างให้ตามสืบเรื่องชู้ของสามี กลับพบว่าสามีแอบไปกินข้าวฝีมือของผู้หญิงอื่นแต่สั่งให้ภรรยาที่บ้านทำอาหารเดิมๆมาตลอด โกโร่ตามสืบคดีนี้จนสำเร็จและบอกให้ภรรยาเป็นอิสระโดยการปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงของตัวเองออกมา คำพูดนี้ไปกระตุ้นความรู้สึกของเธอทำให้ลงมือฆ่าสามีและเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่โดยใช้ชื่อว่า มาเรีย(โคะอิเคะ เอย์โกะ) มาเรียจะพูดคุยและให้คำแนะนำกับคนที่มีปัญหาทางอินเตอร์เน็ท กระตุ้นให้คนเหล่านั้นลงมือแก้แค้นจนเกิดคดีขึ้นมากมาย ซึ่งคดีเหล่านี้มาเรียวางแผนให้โกโร่ไล่ตามเธอเมื่อบรรลุความต้องการแล้วจะได้รับประทานอาหารมื้อสุดท้ายร่วมกันความน่าสนใจเรื่องนี้เริ่มต้นที่รู้ตัวคนร้ายที่จะก่อคดีในแต่ละตอนอยู่แล้ว ที่เรื่องต้องการสื่อคือแรงจูงใจที่ทำให้เกิดการฆาตกรรมโดยใช้อาหารเป็นเครื่องมือ แทนที่คนเหล่านั้นมีปัญหาและกำลังสิ้นหวังจะเลือกปรึกษาคนรอบตัวหรือคนในครอบครัวแต่กลับไปโพสต์ระบายความในใจทางอินเตอร์เน็ท มาเรียจึงใช้เป็นช่องทางในการเข้าไปพูดคุยและเสนอทางออกให้แต่ละคนลงมือฆ่าทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องเลือกทางออกแบบนี้ก็ได้ ปัญหาที่ตัวละครพบเจอมีทั้งคนรักเปลี่ยนไปเพราะสังคมรอบข้าง เชฟที่โดนคนในอินเตอร์เน็ทรีวิวโจมตีร้านอาหาร การกลั่งแกล้งกันในโรงเรียของเด็กประถม ภรรยาที่โดนแม่สามีเข้ามายุ่งเรื่องการทำอาหารและไอดอลที่โดนแฟนคลับตาม เนื้อเรื่องแต่ละตอนจะน่าสนในมากขึ้นเพราะตัวละครที่ก่อคดีแทนที่จะสำนึกความผิดเหมือนละครญี่ปุ่นทั่วไป แต่กลับละทิ้งตัวตนเก่าและกลายเป็นพวกของมาเรียคอยช่วยเหลือให้เกิดเหตุการณ์ในตอนต่อไป ความสัมพันธ์แบบรักสามเส้ามาเรียไม่ได้จะทำร้ายโกโร่แค่เล่นเกมท้าทายดูว่าโกโร่จะหยุดการลงมือฆาตกรรมได้หรือไม่ เธอคิดว่าตัวเองกับโกโร่เป็นคู่กันเหมือนกับอดัมและอีฟ อิจิโกะคือคนที่เข้ามาแทรกกลางเธอจึงรู้สึกอิจฉาอิจิโกะที่ได้อยู่ใกล้กับโกโร่โกโร่พยายามหยุดการกระทำของมาเรียโดยไม่ให้ตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง เขามีความรู้สึกผิดที่เปลี่ยนให้เธอกลายเป็นฆาตกรและอาจจะรู้สึกชอบมาเรียด้วย พอรู้ว่าอิจิโกะก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่จะโดนมาเรียทำร้าย เขาก็คอยปกป้องอิจิโกะในฐานะแม่ครัวคนสำคัญอิจิโกะเป็นห่วงว่าโกโร่จะตกอยู่ในอันตรายก็คอยช่วยเหลือแม้จะรู้ว่าตัวเองก็ตกเป็นเป้าหมายของมาเรียด้วย เธอรู้สึกอิจฉามาเรียที่ถูกโกโร่คอยไล่ตามในความสิ้นหวังก็ยังมีความหวังอยู่ เนื้อเรื่องมาถึงตอนท้ายและดูเหมือนว่าแต่ละคนจะจมดิ่งลงไปเรื่อยๆจนถอนตัวไม่ขึ้น แต่ในความเป็นจริงถึงจะทิ้งตัวตนเก่าไปแต่ก็ยังมีคนในครอบครัวอยู่ แม้แต่ครอบครัวมาเรียถึงจะไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริงแต่ความสัมพันธ์ของคนก็ทำให้จิตใจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ และสิ่งที่สำคัญคือจิตวิญญาณของคนทำอาหารที่ต้องการทำอาหารอร่อยๆให้คนอื่นได้กินไม่ใช่เพื่อฆ่าคนนักแสดงนากามุระ โทโมยะ เป็นนักแสดงที่มีฝีมือผ่านบทมาก็เยอะ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องแรกที่โทโมยะได้รับบทนำในละครช่วงPrime Time ในเรื่องนี้จะเห็นโทโมยะเป็นนักสืบมาดคุณชายหน้านิ่งแต่งตัวเชยๆ ใช้มือถือฝาพับ ขับรถไม่เป็นและไม่พกเงินสด โกโร่เป็นคนประเภทที่ทุกคนบอกว่าประหลาดและเข้ากับคนอื่นได้ยาก บทดูเรียบๆแต่การแสดงมีเสน่ห์ ระหว่างที่ถ่ายทำอยู่ต้องมีการพักกองถ่ายโทโมยะก็หากิจกรรมาทำ สามารถอ่านได้จากบทความ กิจกรรมของดาราญี่ปุ่นในช่วง Stay Home ทำให้โทโมยะได้รับความนิยมมากขึ้นด้วยโคะชิบะ ฟุคะ นักแสดงวัยรุ่นที่เริ่มเป็นที่รู้จัก อิจิโกะเป็นสาวน้อยธรรมดาแต่กลับเข้ากับโกโร่ที่เป็นคุณชายได้ถึงแม้จะต้องมีการทะเลาะกันบ้าง บทอิจิโกะไม่ใช่แค่น่ารักสดใสแต่ยังแสดงบทดราม่าได้ดีอีกด้วย หลายๆคนน่าจะรู้จักเธอจากเรื่องTokusatsu Gagaga สาวผู้หลงใหลขบวนการเซนไตแต่อายที่จะเปิดเผยให้คนอื่นรู้โคะอิเคะ เอย์โกะ น่าจะคุ้นหน้าจากละครหลายๆเรื่อง บทมาเรียจะได้เห็นเธอเปลี่ยนจากแม่บ้านอมทุกข์กลายมาเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเองมีความโรคจิตสนุกกับการก่อคดีฆาตกรรมโดยปกติแล้วละครญี่ปุ่นจะมีทั้งหมดประมาณ 10-11 ตอน แต่ในช่วงที่เรื่องนี้ได้ถ่ายทำและออกอากาศอยู่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาจึงต้องหยุดการถ่ายทำไปถึง 2 เดือน ทำให้จำนวนตอนน้อยลงไปเหลือแค่ 9 ตอน ถึงแม้จำนวนตอนจะน้อยแต่ 2 ตอนสุดท้ายเนื้อเรื่องก็เข้มข้นมากสามารถสรุปรวมเรื่องราวไว้ได้ครบหมดเรื่องนี้พอดูจบแล้วต้องบอกว่า "รสชาติไม่เลว" ไม่ใช่เรื่องนักสืบอัจฉริยะไขคดีปริศนาอะไร แต่นำเสนอในมุมที่ทำให้เข้าใจความรู้สึกและปัญหาของแต่ละตัวละครเพียงแค่เลือกแก้ปัญหาของตัวเองแบบสุดโต่ง ถึงจะรู้สึกสิ้นหวังแต่จริงๆแล้วในความสิ้นหวังนั้นก็ยังมีความหวังอยู่และสิ่งที่สำคัญคือการกินอาหารเพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปเนื้อเรื่องในตอนจบมีหลายส่วนที่ทิ้งไว้เป็นปลายเปิด ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการทำภาคต่อก็ได้Official wedsite / Twitter / Instagram / เพลงประกอบละคร Time : Utada Hikaruเครดิตภาพ ภาพที่1/ภาพที่่2/ภาพที่3/ภาพที่4/ภาพที่5/ภาพที่6