ภาพยนต์เรื่อง Scream (2022) เป็นภาพยนต์อีกเรื่องที่ครบรสใน Theme(สไตล์ / แนว) ของหนัง Slasher (ไล่ฆ่า) ที่ผมแนว Horror / Thriller (สยองขวัญ / ระทึกขวัญ) ไปด้วยอย่างกลมกล่อม ทั้งการแสดงของนักแสดงหลักอย่าง Tara Carpenter ที่รับบทโดย Jenna Ortega ที่เผชิญกับฆาตกร Ghostface (หน้าผี) ตั้งแต่ต้นเรื่อง ซึ่งโทรมาถามเรื่องเกี่ยวกับภาพยนต์เรื่อง Stab ที่เล่นคำถามบวกกับกดดัน Tara ไปเรื่อย ๆ จนถึงเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ตัวละครนี้ได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาล และตัวละครพี่ Samantha ที่รับบทโดย Melissa Barrera ที่มีปมเกี่ยวกับครอบครัวที่ยังไม่ได้บอก Tara และรวมถึงอดีตอันน่าเศร้าและรอการแก้ไขของเธอนั้นน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ในเรื่องจะมีฝ่ายสืบสวนนั่นคือ Gale Weathers ที่รับบทโดย Courteney Cox และ Sidney Prescott ที่รับบทโดย Neve Campbell รวมไปถึง Dwight 'Dewey' Riley ที่รับบทโดย David Arquette ที่ในส่วนครึ่งหลังของเรื่องรวมไปถึงจุด Climax (ส่วนที่สำคัญที่สุด) ของเรื่อง 3 ตัวละครนี้จะมีบทบาทพอสมควรเลยทีเดียว และยังรวมไปถึงกลุ่มเพื่อนที่มาสร้างสีสันและรวมไปถึงการร่วมกันค้นหา 'ฆาตกรตัวจริง' อย่าตัวละคร Amber Freeman ที่รับบทโดย Mikey Madison ซึ่งจะบอกใบ้ให้ว่าตัวละครนี้เป็นตัวละครที่เป็น Turning Point (จุดเปลี่ยน) หรือมีอะไรทีทำให้เราว้าวพอสมควรเลยทีเดียว และรวมไปถึง Wes Hicks ที่รับบทโดย Dylan Minnette และ Chad Meeks-Martin ที่รับบทโดย Mason Gooding เป็นกลุ่มเพื่อนสุดแสบที่มาสับขาหลอกและจะให้อารมณ์แบบ 'คนนี้เป็นฆาตกรหรือเปล่านะ' ซึ่งในภาพยนต์จะทำให้เรารู้สึกแบบนี้ตลอดต้นเรื่องจนถึงจบเรื่อง และยังมีตัวละครแฟนของ Samantha อย่าง Krisch ที่รับบทโดย Jack Quaid ที่โดยส่วนตัวผมชอบบุคลิกการแสดงเค้ามาก เพราะเป็นคนที่สามารถเฮฮาได้ทุกสถานการณ์โดยตอนท้าย ๆ เรื่องยังมีเรื่องที่น่าตกใจของตัวละครนี้อีกด้วยเดียว และยังมีการอ้างอิง ภาพยนต์หลาย ๆ เรื่องเช่น The Witch , Hereditary โดยเฉพาะเรื่อง Stab ที่ภาพยนต์นำประเด็นที่ว่า 'มีฆาตกรมากกว่า 1 คน' มาเล่น มากๆ นับเป็นอีกข้อดีของภาพยนต์ที่ดึงดูดใจผู้ชมได้มากพอสมควรเลยทีเดียวครับ จังหวะฆ๋า จังหวะกดดัน ค่อนข้างทำได้ดีครับ ในส่วนนี้ต้องขอชื่นชมโดยเฉพาะการ Build-Up (การสร้างจังหวะจะโคน) ถือว่าเป็นข้อดีของภาพยนต์เรื่องนี้เลยทีเดียวผมจะบอกว่าผมชอบฉากที่ฆาตกรจะทีเล่นทีจริง กับ Wes แบบว่าจะฆ่าหรือไม่ดี ซึ่งก่อนจะไปถึงจุดนั้นบอกเลยว่ากดดันและทำให้ลุ้นได้ดีมาก Mood & Tone(แสง-สีและบรรยากาศของเรื่อง) ค่อนข้างทำได้ดีกดดันให้เราอยู่กับเรื่องได้ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง การหลอกว่าใครเป็นฆาตกรก็ทำได้ดีครับ โดยรวมแล้ว Scream (2022) หวีดสุดขีด เป็นภาพยนต์ที่ 'คุมทุกอย่างได้ดี' ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่องครับ ทั้งบุคลิกของนักแสดง ดนตรีประกอบฉาก ประเด็นของฆาตกร ปมและดราม่าต่าง ๆ ค่อนข้างทำได้ไม่ขาดตกบกพร้องและสมเหตุสมผลของภาพยนต์ อย่างไรก็ตามสามารถรับชมได้อย่างถูกลิขสิทธิ์ในโรงภาพยนต์ครับScream (2022) ไล่ล่า ดราม่า ระห่ำ เดือด! VIDEO CREDIT TRAILER CLIP BY YOUTUBE : IMAGES CREDIT : Thank for beautiful Thumbnail by FACEBOOK : Scream MoviesThank for beautiful illustration by FACEBOOK : Scream MoviesPicture 1 / Picture 2 / Picture 3 / Picture 4 /ติดตามบทความอื่นได้ใน ดูจบแล้วมารีวิว ด้วยนะครับ ขอบคุณสำหรับการอ่านบทความครับอัปเดตข่าว ฟังเพลง ดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ,ฟรี