สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะมารีวิวทริปใช้ชีวิต แบบ slow life ที่คลองบางหลวง เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคน คงเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่นี้มาบ้างแล้ว เพราะเดินทางง่ายและอยู่ในกรุงเทพฯ นี่เองค่ะ ตัวผู้เขียนเองเพิ่งได้มีโอกาสมาที่นี่ เพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศหลังจากทำงานมาทั้งอาทิตย์ ซึ่งเราเดินทางมาโดยรถไฟใต้ดิน ลงสถานีบางไผ่ ทางออกที่ 4 แล้วเดินทะลุวัดกำแพงบางจากมาเลย เดินมาเรื่อยๆในซอยประมาณ 800 เมตร (เหมือนทางออกที่ 1ก็เดินมาได้นะเดินอ้อมผ่าน7-11 มา) โดยทริปนี้เรานอนค้างที่นี่ด้วย 1 คืนที่บางหลวงเฮ้าส์ (Bangluang House) เราจองผ่าน Agoda มาในราคา 1,500 บาท ตอนมาถึงก็เย็นมากๆ ใกล้จะ 6 โมงเย็นแล้ว แต่พี่ๆและคนที่นี่ ต้อนรับดีและอบอุ่นมากๆค่ะ เหมือนญาติผู้ใหญ่ มีอะไรก็ถามได้ มาถึงเย็น ก็รู้สึกหิว ร้านก็ใกล้ปิด แต่ยังดีที่มีครัวคุณอ๋อยเปิดอยู่ เราเลยได้กินมื้อเย็นที่นี่ (ก่อนหน้านี้เดินออกไปหาตู้กดเงิน ฝั่งถนนเพชรเกษม พี่ร้านลูกชิ้นทอดหน้าวัดก็ใจดีมากๆค่ะ ให้ยืมจักรยานปั่นไปตู้กดเงินที่ 7-11 ด้วย)หลังจากทานอาหารเย็นแล้ว เราก็กลับมาที่ห้องพัก มาเก็บของ จากนั้นก็ออกไปนั่งเล่นเก็บบรรยากาศซักหน่อย ซึ่งคลองบางหลวงตอนกลางคืนที่ไม่มีนักท่องเที่ยวแล้วเงียบสงบมากๆ ได้ยินแค่เสียงน้ำกับปลา สามารถนั่งทำงานชิวๆ ได้เลยเช้าวันต่อมา เราตื่นและแต่งตัวมาทานอาหารเช้าที่พี่ๆที่พักเตรียมให้ ประมาณ 9 โมงเช้า เนื่องจากเราแจ้งพี่เขาไว้เป็นเวลาประมาณนี้ ซึ่งพี่ๆ ก็เทคแคร์ดีมากๆ อาหารเช้าก็จัดจานมาอย่างสวยงามเลยค่ะ9 โมงกว่าๆ ร้านค้าหลายๆร้าน ทยอยเปิดกันแล้ว นักท่องเที่ยวก็เริ่มมากันแล้วด้วย ซึ่งไวกว่าที่คิดไว้นิดหน่อย หลังจากทานอาหารเสร็จ เราก็เดินไปที่บ้านศิลปิน (Artist House) ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย ตอนมาถึงที่นี่ประมาณ 10โมงครึ่ง คนเยอะเกินคาดมากๆ ซึ่งตอนแรกเราตั้งใจจะมาร้อยลูกปัดสำหรับคล้องโทรศัพท์ แต่เขาไม่มีให้ทำแล้ว เราเลยต้องเปลี่ยนไปร้อยกำไลข้อมือแทนค่ะ เส้นละ 100 บาท ซึ่งมีลูกปัดให้เลือกเยอะมาก แทบคิดไม่ออกว่าจะร้อยออกมายังไงดีนอกจากร้อยลูกปัดทำสร้อยข้อมือแล้ว ที่บ้านศิลปินยังมีกิจกรรมศิลปะอีกมากมายให้ทำ ทั้งวาดรูป ระบายสี ทำสร้อยคอ แล้วยังมีอาหารและกาแฟ ให้เราสามารถสั่งทาน และทำกิจกรรมกันได้ยาวๆเลย ทั้งวัน รวมถึงมีหนังสือ โปสการ์ด และสินค้าที่ระลึกขายด้วยนะประมาณ 11 โมงใกล้เที่ยง เราออกจากบ้านศิลปิน กลับมาที่พักเพื่อเก็บของ และเตรียมตัว Check out ตอนเที่ยง หลังจาก Checck out แล้ว เราฝากประเป๋าไว้กับพี่ๆที่บางหลวงเฮ้าส์ เพื่อไปเดินเล่น ซื้อของต่อและสถานที่ต่อไปที่เราไปก็คือ บ้านพึ่งศิลป์ (PHUENGSIN HOUSE) เพื่อไประบายสีตุ๊กตาค่ะ แต่เราเลือกระบายสีที่รองแก้วอันเล็ก ในราคา 60 บาท เราใช้เวลาที่นี่สักพักเลย เนื่องจากคนค่อนข้างเยอะ และใช้เวลาในการผสมสีด้วย 😂 555 เรานั่งชิล จนเกือบบ่ายสองเลยค่ะ 😅 หลังจากระบายสีเสร็จจากบ้านพึ่งศิลป์ เราก็หิวมากๆ และเรามีร้านที่เราตั้งใจจะมาลองทานอยู่แล้ว นั่นก็คือก๋วยจั๊บสูตรโบราณ ร้านป้าเล็กริมคลองบางหลวง ตอนเราไปนี่ต้องต่อคิวด้วยนะ เพราะคนค่อนข้างเยอะ แต่ก๋วยจั๊บอร่อยมากๆ ค่ะ นอกจากก๋วยจั๊บแล้ว มีข้าวเหนียวมะม่วงด้วยนะหลังจากทานเสร็จเราก็ไปเดินเล่นรอบๆ เพื่อเก็บบรรยากาศให้ได้มากที่สุดก่อนกลับมีอีกกิจกรรมนึงที่เราคิดไว้ว่าต้องทำขาดไม่ได้ นั่นก็คือให้อาหารปลาค่ะ 😂 ไม่รอช้า ตอนนี้คนก็ไม่ค่อยเยอะแล้ว เราซื้ออาหารปลาถุงเล็กในราคา 10 บาทเท่านั้น แล้วก็หาที่นั่ง ระหว่างที่นั่งให้อาหารปลา อากาศก็ไม่ค่อยร้อนแล้ว เรือนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติก็แล่นผ่านไปหลายลำ แล้วคนบนฝั่ง กับคนบนเรือก็จะโบกมือให้กันตลอด รู้สึกดี ผ่อนคลายไปอีกแบบ รู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯเลย Feel ดีแบบบอกไม่ถูก ให้อาหารปลาไปด้วย คุยกับคนแถวนั้นไปด้วยและแล้วก็ถึงเวลากลับของเราแล้ว ก่อนกลับแวะไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ แล้วนั่งวินออกมาปากซอย ถึง mrt ราคา 10 บาทเท่านั้น ทริปคลองบางหลวงของเราจบแค่เพียงเท่านี้ เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ผ่อนคลายมากๆ ได้ทำงานศิลปะ ได้ชมวิถีชีวิตชาวริมน้ำ เหมือนวาร์ปไปในยุคโบราณ เพราะด้วยสถานที่และบรรยากาศ ถ้ามีเวลาว่างๆ เดี๋ยวจะวาร์ปมากอีกแน่นอนค่ะขอบคุณทุกคนที่เลื่อนและอ่านมาถึงตรงนี้นะคะ หวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยชน์กับคนที่กำลังหาข้อมูลการมาที่คลองบางหลวง และสำหรับใครที่อยากพักผ่อนจากชีวิตในเมืองที่วุ่นวาย มีเวลาไม่มาก ไม่อยากเดินทางไกลๆ หรือมองหาที่เที่ยวในกรุงเทพฯ ลองแวะมาเที่ยวที่ตลาดน้ำคลองบางหลวงดูนะคะ 😊🫶ภาพถ่ายและะภาพหน้าปกโดยผู้เขียน (CANVAS)อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !