ในภาวะที่ยังมีผู้ติดเชื้อ Covid-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ ก็ได้มีกระแสของมาตรการ Social Distancing ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ซึ่งหากจะแปลตรงตัวแล้ว Social Distancing มีความหมายว่า “ระยะห่างทางสังคม” บางกระแสก็เป็นที่ยอมรับและหาแนวทางการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด แต่บางกระแสก็วิพากษ์วิจารณ์ว่า จะสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ แต่ด้วยสถานการณ์เช่นนี้แล้ว สิ่งใดที่ปฏิบัติแล้วเห็นได้ชัดว่าเป็นการลดความเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อ ก็ควรช่วยกันสร้างแนวทางการปฏิบัติเพื่อยับยั้งไม่ให้เชื้อแพร่กระจายมากขึ้นภาพโดย Gerd Altmann จาก Pixabay >>>link ภาพก็ต้องมาวิเคราะห์กันถึง “ระห่างทางสังคม” ว่าจะมีแนวทางเช่นไรได้บ้าง แต่อันดับแรกต้องเข้าใจก่อนว่าเชื้อ Covid-19 นั้นติดต่อได้โดยสารคัดหลั่งภายในร่างกาย เช่น เสมหะ น้ำมูก น้ำลายจากการไอและการจาม ซึ่งระยะกระจายของละอองน้ำลายนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 1 เมตร ระยะที่ปลอดภัยคือต้องอยู่ห่างกัน 2 เมตร เพราะฉะนั้นการมีกิจกรรมร่วมกันทางสังคมแบบปกติ จึงทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะอยู่ที่ทำงาน อยู่บนรถโดยสาร อยู่ที่โรงเรียน หรือแม้กระทั่งอยู่กับครอบครัวที่บ้าน ดังจะเห็นได้ว่าบางบริษัทที่ตื่นตัวกับสถานการณ์นี้ก็ได้มีการให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางและการเข้ามาอยู่ร่วมกันในสถานที่ทำงาน และทางรัฐบาลไทยเองก็ได้มีการเสนอแนะ 3 ข้อคือรัฐบาลเสนอให้ทั้งหน่วงงานราชการและเอกชน ปรับเวลาการรับประทานอาหารกลางวันเป็นหลายรอบ เพื่อลดจำนวนความหนาแน่นของประชากรที่ต้องพักในแต่ละรอบ อันจะทำให้ลดโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อลงเอางานกลับมาทำที่บ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทาง และการพบปะกันในสถานที่ทำงาน เสมือนเป็นการกักตัวเองอยู่ในบ้าน ทั้งผู้ที่มีเชื้อและผู้ที่ไม่มีเชื้อการประชุมงานต่าง ๆ ให้ใช้ระบบ online สามารถประชุมได้จากที่บ้านหรือสถานที่ส่วนตัวโดยไม่ต้องไปรวมตัวกันภาพโดย athree23 จาก Pixabay >>>link ภาพสำหรับความเห็นของผู้เขียนแล้ว ที่กล่าวมาทั้ง 3 ข้อนั้นก็เป็นสิ่งที่ควรยึดถือปฏิบัติ เพราะเป็นการรักษาระยะห่างที่ทำให้ลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้จริง แต่ก็ยังมีหลายกระแสที่กล่าวถึงประชากรบางกลุ่มในการสร้างระยาห่าง จะมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร เช่น คู่รัก ครอบครัว กลุ่มของเด็ก กลุ่มเพื่อน เป็นต้น ผู้เขียนจึงมีแนวทางเสนอแนะวิธีปฏิบัติเพิ่มเติมไว้ดังนี้กลุ่มคู่รัก สำหรับคู่รักที่ติดเชื้อแน่นอนครับว่า “ต้องห่างกันสักพัก” และคอยเป็นห่วงกันอยู่ห่าง ๆ ให้กำลังใจกันจนกว่าจะหายตามวิสัยของที่รักกันจริง ส่วนคู่ที่ยังไม่ติดเชื้อต้องอยู่ร่วมกัน ต่างคนต่างก็ต้องใส่ใจรายละเอียดต่อกันถึงเรื่องความสะอาด และกันให้คนรักของตนห่างจากบุคคลอื่นให้มากที่สุด หรือไม่ควรพากันไปในสถานที่เสี่ยงที่มีคนอยู่มาก ๆ อาจต้องงดการไปดินเนอร์ตามร้านอาหารด้วยกลุ่มเด็ก กลุ่มของเด็กไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือเด็กโตก็ต้องมีกลุ่มเพื่อนที่เล่นกันอยู่เป็นประจำ แต่สำหรับเด็กที่มีอาการติดเชื้อจะต้องถูกกักตัวไม่ให้เป็นเล่นกับเพื่อนอยู่แล้ว ส่วนเด็กที่ไม่ติดเชื้อผู้ปกครองก็ต้องคอยระวัง ไม่ให้จับกลุ่มกับเพื่อนแปลกหน้า ที่ไม่สนิทสนมมาก พยายามให้เล่นอยู่ในบริเวณพื้นที่กว้าง และบริเวณที่มีคนไม่มากกลุ่มคนออกกำลังกาย การออกำลังกายมีอยู่หลายรูปแบบซึ่งก็เป็นการรักษาสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง แต่ก็ต้องออกไปสัมผัสและใกล้ชิดกับบุคคลอื่นในสถานที่ออกกำลังกาย อย่างเล่นโรงยิม หรือ ฟิสเนส ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องดีแต่หากไปออกกำลังกายในสถานการณ์นี้แล้วต้องติดเชื้อ Covid-19 จึงอยากเสนอให้ออกกำลังกายเบา ๆ อยู่ที่บ้านไปก่อน โดยการประยุกต์ท่าออกกำลังกายที่สามารถทำลำพังที่บ้านได้ เกลุ่มที่อาศัยอยู่กันเป็นครอบครัว ที่มีทั้งพ่อ แม่ ลูก ปู่ ย่า ตา ยาย หรือที่อยู่กันหลาย ๆ คน ซึ่งปกติแล้วการอาศัยร่วมกันในลักษณะนี้จะต้องมีคนหนึ่งที่เป็นผู้นำของบ้าน คอยบริหารจัดการทุกอย่างภายในบ้าน จะต้องเป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมการความสะอาดภายในบ้าน โดยทุกคนครอบครัวต้องช่วยกันสร้างสุขอนามัยที่ดีภายในบ้าน และจะวังไม่ให้คนภายนอกเข้าใกล้ชิดกันคนในครอบครัว กิจกรรมกลุ่มที่ต้องสัมผัสกับคนภายนอกควรเลื่อนหรือยกเลิกไปก่อนกลุ่มที่น่าเห็นใจมากที่สุดคือ พ่อค้า แม่ค้า และผู้มีอาชีพบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานเสิร์ฟ วินมอเตอร์ไซค์ คนขับแท็กซี่ การรักษาระยะห่างคงทำได้ยากและมีความเสี่ยงสูง แต่หากจะให้หยุดงานก็คงทำให้ชีวิตลำบากไม่ต่างกัน การเพิ่มการป้องการในการใส่หน้ากากอนามัย การสวมถุงมืออนามัย สวมหมวกอนามัย และการชำระร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดกลุ่มเพื่อนฝูง ควรงดสังสรรค์และงดการจัดกิจกรรมกลุ่มสักพักครับ ใช้ช่องทางการติดต่อกันใน Social media จะปลอดภัยที่สุดช่วงนี้คงจำเป็นต้องใช้บริการรับของส่งของจาก บริษัทขนส่งต่าง ๆ เป็นหลักเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมและการไปพบเจอบุคคลอื่นอันเป็นการลดความเสี่ยงอีกทางข้อเสนอแนะที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น เพื่อเสนอแนวทางในการป้องกันความเสี่ยงและยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อ Covid-19 และแสดงให้เห็นถึงวิธีการของแนวคิดการ “เว้นระยะห่างทางสังคม” เพื่อเป็นการเพิ่มให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีเวลามากพอในการค้นคว้าหนทางแก้ปัญหาอย่างถาวรภาพโดย Gerd Altmann จาก Pixabay >>>link ภาพ