Next station (Tanigawadake) สถานนีต่อไป เที่ยวภูเขา ทานิงาวะดาเคะ ทริปปีนเขาในวันหยุด กับวิวสวยสุดๆ ที่ฉุดเราไม่อยู่แบบ One Dayไปเช้าเย็นกลับ เผลอเพียงแป๊บเดียว ก็จะผ่านพ้นไปอีกเดือนซะแล้ว เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะเตรียมทริปพิเศษสำหรับวันหยุดสั้นๆไว้บ้างแล้ว ซึ่งนอกเหนือจากทริปกินลม ชมวิว นอนสบายๆ อยู่ในที่พักหรูๆเชื่อว่าต้องมีอีกหลายคนที่กำลังสนใจทริปลุยๆ เช่น ทริปเดินป่า เดินเขา อยู่บ้างไม่น้อย วันนี้เรามีสถานที่แนะนำอีกที่น่าไปเยือนอีกสถานที่นึงเหมาะมากสำหรับคนที่รักการเดินทางชมธรรมชาติสวยๆนั่นก็คือภูเขา ทานิงาวะดาเคะ ในประเทศญี่ปุ่น เที่ยวภูเขา พิชิตยอดเขาสูงในญี่ปุ่น พร้อมสัมผัสบรรยากาศที่เย็นสบายชมความงามขอธรรมชาติผืนป่าและขุนเขาคาดว่าคุณผู้อ่านอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูชื่อภูเขาลูกนี้ซักเท่าไหร่ แต่เรื่องความสวยงามของวิว รับรองว่าไม่แพ้ใครแน่นอน เป้าหมายของเราวันนี้ คือ Tanigawa ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างจังหวัด Gunma และ Niigata ค่ะ แผนการเที่ยวของเราวันนี้ก็คือ ..... การพิชิตยอดเขาโดยการเดินทางที่ทรหดมาก กลางวันก็พักทางอาหารแล้วก็เดินต่อตามเส้นทางที่เราได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเดินไปให้ถึงจุดสูงสุดของเขาเพื่อพิชิตความแกร่งของตัวเราและที่สำคัญหัวใจหลังคือการชมความงามของธรรมชาติระหว่างทาง โอ๊ยยย อะไรมันจะดีขนาดนี้ ! เหนื่อยแต่สนุก การเดินทางของเราเริ่มจากสถานี Gummayawata ไปลง สถานี Minakami ใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมง ค่ารถไฟก็ประมาณ1170Yen แล้วเราก็มานั่นรถบัสต่อประมาณ 20 นาที ลงป้ายสุดท้าย ชื่อTanigawadake Ropeway ค่ะ ทั้งไปและกลับของการขึ้นรถบัสในที่นี้ก็จะรวมค่าขึ้นกระเช้าด้วยราคารวมๆก็น่าจะประมาณ 3500 Yen ยังไม่รวมค่ากินนะค่ะ ฉะนั้นใครที่มองหา One Day Trip เราอยากให้ลองเลี้ยวมาที่จังหวัดกุนมะกันดูสักครั้งนะ : ) สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวแบ็คแพ็ค หรือการแบกเป้ไปต่างประเทศ คงเป็นความฝันของใครหลายๆคนไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะแบกเป้ลุยเดียว หรือไปยกแก๊งเที่ยวแบบหมู่คณะ เพราะจะได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆในการเดินทางที่แตกต่างจากบ้านเมืองของเราว่าแล้วเราก็แบกเป๋ขึ้นหลังพร้อมออกเดินทางกันเลย) เตรียมตัวออกเดินทางโดยรถไฟ ระหว่างทางที่นั่นรถไฟบรรยากาศข้างทางสวยงามมากมีสายรุ้งมากินน้ำด้วย ฝนตกอีกแล้วค่ะแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางเรามาต่อรถบัสเพื่อไป Tanigawadake ถึงแล้ว เอาล่ะค่ะ เราไปเตรียมตัวขึ้นกระเช้ากันเถอะตื่นเต้นมากกก!!!!!!! วิวข้างล่างและระหว่างทางสวยมากกกกกก!!! ปฏิเสธไม่ได้เลยคือ ทิวทัศน์สุดสายตาเบื้องหน้า ของขุนเขาที่เปลี่ยนเป็นสีสันต่างๆยามใบไม้เปลี่ยนสีและทัศนียภาพจากวิวของทิวเทือกเขาทานิงาวะดาเคะ ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้หลากหลายสีสันและลำธารกว้างไกลสุดสายตา ส่องแสงระยิบระยับ งดงามน่าประทับใจมาก ในช่วงที่แสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณสาดส่องเข้ามากระทบ....จะตราตรึงในความทรงจำ ของคุณอย่างแน่นอน สำหรับMount Tanigawa เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ทางชายแดนของจังหวัดกุนมะและติดกับทางเหนือของจังหวัดนิอิงาตะ นับว่าเป็นภูเขาที่มีความสวยงามเเละน่ามาเที่ยวชมมากโดยช่วงฤดูหนาวนั้นจะปกคลุมไปด้วยหิมะ เเละพอมาถึงฤดูใบไม้ผลิหิมะก็จะละลายกลายมาเป็นลำธารสีฟ้าที่มีความงดงามเเละน่ามาเที่ยวเป็นอย่างยิ่งเลยก็ว่าได้ สำหรับ ภูเขาทานิงาวะ นั้นสามารถมาท่องเที่ยวได้ในทุกฤดูกาลเเละเป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่มีความสวยงามเเละดึงดูดนักท่องเที่ยวมาก อย่างในฤดูหนาวช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน จนถึงเดือนพฤษภาคม ก็จะมีสกีรีสอร์ทจะเปิดให้บริการ โดยนักท่องเที่ยวสามารถนั่ง Tanigawa Ropeway ไปที่ Tanigawadake Tenjindaira Ski Resort ซึ่งเปิดบริการอีกด้วย ส่วนในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีช่วงเดือนตุลาคมนั้น (เรามาช่วงนี้พอดี) ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่พีคอย่างมาก เพราะมีความสวยงาม เเละหุบเขาจะเปลี่ยนสีเป็นสีส้ม เเดง เหลือง ที่มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่งช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน นั้นเป็นช่วงเวลาที่มีความเหมาะกับการปีนเขาเเละเดินป่าเป็นอย่างมาก โดยใช้เวลาในการเดินเขาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก็จะมาถึงในจุดของเคเบิ้ลคาร์ด้านบน เเล้วหลังจากนั้นก็จะใช้เวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อขึ้นไปสู่ยอดเขาเเห่งนี้ ถ้าอยากชมวิวด้านบนให้จุใจ(นั่นสบายชิงๆ)ก็มีลิฟท์ที่เชื่อมต่อระหว่างสถานี Tenjindaira ไปด้านบนที่เป็นโซนสันเขาเทนจิน (แต่เราไม่ขึ้นเราสายอึดจ้า) พร้อมออกเดินทางแล้ว!!!!!! สำหรับสายอึด เราแนะนำเส้นทาง hiking ที่จะทำให้ได้เพลิดเพลิน กับวิวทิวทัศน์ระหว่างทาง เพิ่มอีกหลายเท่าตัวเลยค่ะ แรกๆทางยังราบรื่นเดี่ยวมาดูหลังๆ เมื่อผ่านพ้นช่วงแรกมาได้ ก็จะมีจุดพักเป็นระยะๆ พอพักกันได้สักระยะหนึ่ง เราก็พร้อมที่จะลุยกับช่วงที่สอง มาดูกันว่ามีความโหดเหี้ยมอะไรรอเราอยู่ ทั้งหนาวเย็นและทรหดมาก แต่ก็สู้ที่จะเดินต่อไปค่ะ เขา ทานิงาวะดาเคะ ที่ดูไม่ได้สูงมากจากระยะไกล แต่เรื่องทางเนี่ย อื้อหือออออ สุดๆ มีทั้งเดินชัดแบบ 60 องศา มีทั้งปีนป่าย ไต่เชือก และระยะทางอีกครึ่งทางที่เหลือ “ไม่มีทางราบเลยจ้า” ตลอดทางจะเป็นทางที่มีรูปแบบแตกต่างกัน เพื่อนๆที่จะมาเตรียมตัวเตรียมใจกันให้ดีๆแต่รับรองว่าสนุกสุดๆค่ะ เมื่อเราไต่เขาขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุดของเขาทานิงาวะดาเคะเราจะบอกสั้นๆเลยว่า สุดยอดด มันคุ้มมากกกที่ได้มา ถึงแล้วจุดยอดของเขาทานิงาวะดาเคะ สิ่งที่ได้รับเมื่อได้กลับจากการเที่ยวครั้งนี้ 1เรียนรู้การเอาตัวรอด ทุกเส้นทางที่เราได้ปีนขึ้นไปมักมีอุปสรรคอยู่เสมอ มันทำให้เราได้จดจำไว้เป็นบทเรียนได้อย่างดีเวลาตกในสภาวะลำบากเสี่ยงต่อชีวิตต้องหาวิธีเอาตัวรอดซึ่งการเดินขึ้นเขาก็เปรียบเสมือนสนามฝึกย่อมๆได้อย่างดีเลยทีเดียว 2รสชาติชีวิตและความทรงจำ การได้มีโอกาสแบกเป้ ออกไปผจญภัยกับป่าเขาก็ทำให้เพิ่มความเค็ม ความเผ็ด สร้างความทรงจำอันน่าประทับใจ เดินขึ้นสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก ความชันของภูเขา เชื่อมั้ย! บางความทรงจำที่ได้จากการเดินป่าเขา เล่าไปสิบๆปีก็ไม่เสียรสชาติเเม้แต่น้อย 3ก้าวผ่านความกลัว ทำให้เรากล้าออกไปผจญภัยกับโลกภายนอกได้ดีขึ้นทางที่อันตรายที่เราต้องเจอระหว่างทาง และทุกเส้นทางที่ไปก็ไม่รู้จะมีอะไรเลวร้ายอยู่ข้างหน้าเมื่อเจอกับสถานการณ์ชีวิตจริงๆสิ่งที่เรากลัวในวันนั่นจะกลายเป็นความเข้มแข็งให้เราวันนี้ 4การออกไปหาแรงบันดาลใจ หลายๆคนมักมีวิธีการแสวงหาแรงบันดาลใจที่แตกต่างกัน เพื่อปรุงแต่งสีสันของชีวิตการถลาตัวเองไปอยู่ในป่าเขา การพิชิตยอดเขาในที่สูงๆ มักทำหน้าที่กระซิบบอกเราเบาๆว่า ตัวเรานี่เจ๋งจริงๆวะ! 5ได้มิตรภาพจากเพื่อนร่วมทาง ว่ากันว่ามิตรภาพมักเกิดขึ้นเสมอการหยิบยื่นความช่วยเหลือ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ก็สามารถทำให้ซาบซึ้งและก่อให้เกิดมิตรภาพดีๆตามมา หากเพื่อนๆยังหาที่ลงสำหรับวันหยุดในครั้งต่อไปไม่ได้ ยังมีตัวเลือกที่เที่ยวดีๆอย่างภูเขาทานิงาวะดาเคะเป็นหนึ่งในลิสต์การเดินทางดูนะค่ะ การเดินทางเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนโลกของเราได้เสมอลองก้าวออกไปใช้ชีวิตกันบ้างนะค่ะเหนื่อยกับงานกับชีวิตมากไปก็ทุกข์เปล่าๆ ชีวิตยังมีอะไรสนุกและน่าสนใจอีกมาก เชื่อว่ายังมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบและหลงรักการท่องเที่ยวสไตล์เดินป่าปีนเขา เหตุเพราะได้สัมผัสกับความเหนื่อย ความท้าทาย และความสุข ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ถูกแทรกเข้ามาเมื่อเดินทางไปถึงจุดหมาย ด้วยความงดงามของขุนเขา ผืนป่า และก้อนเมฆ ล้วนเป็นบรรยากาศรอบตัวที่ทำให้ฟินเกินบรรยาย เพียงเท่านี้ ก็พร้อมออกทริปเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ และพบเจอสถานที่ที่สวยงาม รับรองว่าสถานที่เหล่านี้ จะทำให้ความเหนื่อยล้าจากการแบกเป้หนักๆ เดินไกลๆ หายเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ เรียกได้ว่าหากมีโอกาสสักครั้งในชีวิต ต้องไปลองสัมผัสประสบการณ์แบบนี้กันให้ได้นะค่ะ เรื่องและภาพจากผู้เขียน Warunya lek