อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) เคยกล่าวไว้ว่า "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นเป็นเพราะความรู้เป็นสิ่งจริง เป็นสิ่งที่อยู่กับที่ หากปราศจากจินตนาการก็ไม่อาจทำให้ความรู้นั้นสามารถเคลื่อนที่หรือต่อยอดไปข้างหน้าได้ ดังนั้นจินตนาการจึงเป็นเสมือนยานพาหนะที่จะนำเราไปสู่อนาคต หรือการแก้ไขสิ่งเดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้นนั่นเอง โดยจินตนาการถือเป็นสิ่งที่สามารถเรียนรู้และปลูกฝังได้ทุกเพศทุกวัย แต่จะดีไม่น้อยหากเรื่องนี้เปล่งประกายอยู่ในตัวของเราตั้งแต่ในวัยเด็กการเสริมสร้างจินตนาการนั้นมีด้วยกันหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการอ่านนิทาน การอ่านหนังสือประเภทต่าง ๆ การชมสารคดี ภาพยนตร์ หรือซีรีส์ โดยเฉพาะแนวเหนือจินตนาการหรือเรื่องราวเกินจริงจากชีวิตปกติทั่วไป ล้วนหล่อหลอมให้เราเกิดจินตนาการขึ้นทั้งสิ้น เพราะจินตนาการบางครั้งก็คือการคิดนอกกรอบจากสังคมปกติที่เป็นอยู่เพื่อให้ได้ทางเลือกที่น่าสนใจและดีกว่าที่เป็นอยู่ ดังเช่น นิทานของเจเค โรลลิ่ง (J.K. Rowling) นักเขียนชื่อดังผู้ให้กำเนิดวรรณกรรมระดับโลกอย่าง "Harry Potter" แฮรี่ พอตเตอร์ ที่ล่าสุดเพิ่งมีผลงานนิทานเรื่องใหม่ซึ่งก็คือเรื่อง "The Ickabog" (อิคคาบ็อก)เจเค โรลลิ่ง บอกว่า เธอได้เขียนนิทานเรื่องนี้ก่อนเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ แต่ด้วยช่วงจังหวะของชีวิตทำให้เธอต้องทิ้งนิทานเรื่องนี้เอาไว้อย่างโดดเดี่ยวในห้องเก็บของ จนกาลเวลาผ่านเลยไปร่วมทศวรรษ เธอจึงกลับมาปัดฝุ่นนิทานเรื่องนี้อีกครั้ง เพื่อเป็นของขวัญมอบให้แก่ผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะเด็ก ๆ ผู้ที่สมควรเติมเต็มจินตนาการให้เอ่อล้นในช่วงที่สถานการณ์ของโลกไม่ค่อยสู้ดีอย่างเช่นในช่วงเวลานี้The Ickabog เป็นนิทานที่ว่าด้วยเรื่องราวของอาณาจักรแห่งหนึ่งที่อุดมสมบูรณ์ มีความสงบสุข ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ผู้ปราศจากความหวาดกลัว แต่ในขณะเดียวกันผู้ที่อยู่แวดล้อมพระองค์ก็เต็มไปด้วยคนที่หวังจะเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ และจ้องทำลายพระองค์ ในขณะที่อีกด้านมุมของอาณาจักรก็มีสัตว์ประหลาดอย่าง "Ickabog" ที่ชาวบ้านต่างร่ำลือและหวาดกลัวถึงความน่าสยดสยอง จนทำให้เด็ก ๆ หลายคนต้องนอนฝันร้าย เพราะเสียงร่ำลือนั้นบอกเอาไว้ว่าเจ้า Ickabog ชอบจับเด็กไปกินเป็นอาหารนิทานเรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นจินตนาการที่เหมาะกับเด็ก ๆ ทั่วไป แต่อันที่จริงแล้วเนื้อเรื่องมิใช่ภาพเพ้อฝันหรือปรุงแต่งจินตนาการในโลกนิทานเพียงอย่างเดียว เจเค โรลลิ่ง ได้พยายามสอดแทรกความมืดบอดของสังคมที่มีความร่วมสมัยเอาไว้อย่างแยบคายโดยเฉพาะประเด็นคนดี และคนไม่ดี เรื่องที่ถูก กับเรื่องที่ผิด ความกลัว และความกล้า ประหนึ่งเป็นจินตนาการที่ต้องก้าวเดินไปพร้อม ๆ กับการมีคุณธรรมของมนุษย์โลกในยุคปัจจุบันความน่าสนใจของ The Ickabog จึงเป็นนิทานที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ภายใต้แง่มุมทางความคิดที่ผสมผสานกลมกลืนกับยุคสมัยแต่ก็ไม่ได้ละทิ้งจินตนาการ หรือความสนุกสนานให้จางหายไปจากความเป็นนิทานเลยแม้แต่น้อย ทั้งนี้ตามเจตนารมณ์ของ เจเค โรลลิ่ง ที่ต้องการมอบนิทานเรื่องนี้ให้เป็นของขวัญในยามที่โลกกำลังก้าวข้ามวิกฤติ โดยสามารถเข้าไปอ่านนิทานเรื่องนี้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่ www.theickabog.com ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการแปลเป็นภาษาไทย แต่มี 7 ภาษาให้เลือกอ่าน เช่น ภาษาฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และคาดว่าจะมีการแปลเป็นภาษาอื่น ๆ ตามมาในอีกไม่ช้านิทานเรื่องนี้ยังมีลูกเล่นเพื่อเพิ่มความน่าติดตามอีกประการ ก็คือการที่ เจเค โรลลิ่ง จะปล่อยเรื่องราวในนิทานออกมาเพียงสัปดาห์ละ 2 ตอน ซึ่งจะปล่อยออกมาเรื่อย ๆ จนครบทุกตอนในวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 นอกจากนี้เธอยังได้ชวนเด็ก ๆ ฝึกสร้างสรรค์จินตนาการโดยการเปิดโอกาสให้วาดภาพประกอบในแต่ละตอนของนิทานตามจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดของแต่ละคน และส่งมาที่เว็บไซต์ ซึ่งจะมีการคัดเลือกเพื่อนำไปตีพิมพ์เป็นนิทานฉบับหนังสืออีกครั้งในช่วงปลายปีสำหรับใครที่สนใจอยากอ่านเรื่องราวในนิทานเรื่องนี้ หรือบรรดาเหล่าสาวกงานเขียนของ เจเค โรลลิ่ง ก็ไม่ควรพลาดที่จะเข้าไปเสพความสุนทรีและล่องลอยไปในโลกของนิทานเรื่องนี้ นอกจากนี้ยังถือเป็นการฝึกภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่น ๆ ในภูมิภาคยุโรปสำหรับใครหลายคนที่ต้องการเริ่มต้นเอาชนะอุปสรรคทางด้านภาษาต่างประเทศ เนื่องจากเนื้อหาและคำศัพท์ที่ไม่ยากจนเกินไป ทั้งนี้หากจะว่าไปแล้วนิทานเรื่องนี้วัยผู้ใหญ่ก็อ่านได้เหมือนกันเพราะคำว่า "จินตนาการ" ไม่ควรมีอะไรมากำหนดหรือขีดคั่นเอาไว้ สามารถเข้าไปอ่านนิทานได้ที่ www.theickabog.com ขอบคุณภาพประกอบจาก The Ickabog ภาพหน้าปก, ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 3, ภาพที่ 4