“สื่อมีหน้าที่รับใช้ประชาชน ไม่ใช่รัฐบาล” เป็นคำพูดของผู้พิพากษาศาลฎีกาภายหลังคำตัดสินประวัติศาสตร์ของอเมริกา ในช่วงท้ายของภาพยนตร์เรื่อง The Post ผมชอบหนังเรื่องนี้ด้วยเหตุผล 3 ข้ออย่างแรกเลย แค่เห็นทีมงานที่เกี่ยวข้องกับหนังเรื่องนี้ ก็รีบควักเงินไปดูโดยไม่จำเป็นต้องถามเลยว่าเป็นหนังเกี่ยวกับอะไร เอาหลักๆ แค่ดารานำระดับ Tom Hanks (กับบท BB หรือ Ben Bradlee) และ Meryl Streep (กับบท Katharine Graham) ก็คุ้มค่าการไปดูแล้วยังไม่นับดาราสมทบระดับสุดยอดอีกหลายคน รวมถึงงานนี้กำกับโดย Steven Spielberg ที่ช่วงหลังจะทำหนังแนวนี้บ่อยขึ้นด้วยผมชอบการร่วมงานของ Tom Hanks กับ Spielberg มากนะ ทั้งคู่ร่วมงานกันมาก็หลายเรื่องแล้ว นับตั้งแต่ Saving Private Ryan หรือจะเป็นก่อนหน้านี้ก็ Bridge of Spies จนมาถึง The Post การแสดงของ Hanks ไม่เล่นเยอะ แต่สื่ออารมณ์ได้ชัดมาก ยิ่งเรื่องนี้มาเจอกับ Streep ซึ่งเป็นนักแสดงที่เล่นกับอารมณ์ได้จัดอยู่แล้ว ยิ่งส่งพลังกันเต็มที่เลยพูดถึง Streep ในหนังเรื่องนี้ ผมถือว่าเด่นกว่า Hanks เลยในแง่การแสดง Streep แสดงถึงพัฒนาการของตัวละครที่ค่อยๆ เติบโตและเรียนรู้จากคนที่อ่อนแอ ต้องมารับภาระทั้งๆ ที่ไม่พร้อมและไม่อยาก ไม่ได้รับการยอมรับ และถูกมองข้ามเสมอ จนนำไปสู่การตัดสินใจครั้งสำคัญ ที่แสดงออกถึงความเข้มแข็ง และเป็นตัวของตัวเอง แววตาที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป สุดยอดมากครับ สำหรับการแสดงในเรื่องนี้ ... คารวะ 3 ครั้งและอีกคนที่สำคัญของเรื่องนี้ คือการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของ Spielberg กับ มือทำเพลงระดับโลก John Williams ผู้สร้างงานเพลงที่ได้อารมณ์ และสะท้อนอารมณ์แต่ละช่วงของหนังได้เป็นอย่างดี ซึ่งหนังส่วนใหญ่ของ Spielberg จะได้ John Williams มาทำเพลงให้เสมอ (ระหว่างเขียนบทความนี้ ผมก็ฟัง Score ของ The Post ที่ทำโดย John Williams ไปด้วย เพราะมากครับ)อีกประเด็นหนึ่งของหนังนอกจากคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว งานสร้างของหนังก็เป็นสิ่งที่สุดยอดมา หนังพาเราย้อนกลับไปสัมผัสถึงบรรยากาศของการทำงานหนังสือพิมพ์เมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้วว่าเป็นอย่างไร งานสมบูรณ์มากทั้งฉาก เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงโทนแสงที่ใช้ในหนังเหตุผลที่สองของความชอบ นั่นคือตัวหนังเลย หนังสร้างจากเรื่องจริงที่พูดถึงเหตุการณ์เปิดโปงความลับของเอกสารเพนตากอน หรือ Pentagon Paper ที่เป็นบทวิเคราะห์ขนาดยาวมาก เกี่ยวกับสงครามเวียดนาม ของผู้นำระดับสูงในรัฐบาล หนังแสดงให้เห็นถึงความพยายามของการนำข้อมูลในเอกสารเหล่านี้มาเผยแพร่ออกสู่สาธารณะของหนังสือพิมพ์สองฉบับนั่นคือ The New York Times และ The Washington Post และความพยายามในการขัดขวางของรัฐบาลการปะทะกันของจิตสำนึกและความเชื่อในแต่ละวิชาชีพ ทั้งการทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ต้องการเปิดเผยความจริงให้ประชาชนได้รับรู้ว่ารัฐบาลโกหกและหลอกลวงเกี่ยวกับสงครามเวียดนามมาโดยตลอด นักกฎหมายที่ยืนยันทำหน้าที่ของตัวเองในการไม่ให้มีการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย บอร์ดบริหารที่ต้องการรักษาผลประโยชน์ของบริษัทและนักลงทุน ที่ปรึกษาบริษัทที่ต้องการรักษาชื่อเสียงและสร้างความสำเร็จให้กับบริษัท รวมไปถึงนักการเมืองที่ต้องการไม่ให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเองในการกระทำที่ทำลงไปและทั้งหมดก็มารวมศูนย์อยู่ที่เจ้าของหนังสือพิมพ์ The Washington Post ที่ยืนอยู่ตรงกลางของทุกฝ่าย ว่าจะตัดสินใจอย่างไร หลังจากที่ The New York Times ตัดสินใจยุติการนำเสนอไปแล้ว เมื่อถูกศาลสั่ง ซึ่งคำตอบเราก็พอรู้กันอยู่แล้วว่าเธอตัดสินใจเดินหน้าต่อ เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งบทนี้ต้องระดับ Streep เท่านั้นถึงจะเอาอยู่ ฉากนี้เป็นของเธอจริงๆ เล่นซะจนผมลืมเลยว่าในฉากนี้มี Hanks อยู่ด้วยภายหลังจากตัดสินใจที่เกิดขึ้น สิ่งหนึ่งซึ่งเห็นได้ชัดถึงความเป็นมืออาชีพของคนทำงานรอบๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชนที่ทุ่มเทในการนำข้อมูลออกเปิดเผยอย่างถูกต้อง รวดเร็ว ไม่มีการบิดเบือน หรือนักกฎหมายที่ในช่วงแรกแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย และพยายามตรวจสอบในทุกด้านเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ผิดกฎหมาย ก็มาทำหน้าที่ให้ข้อมูลกับศาล เพื่อให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการเปิดเผยข้อมูล ที่ปรึกษาบริษัทที่ไม่เห็นด้วยเช่นกันในการเปิดเผยข้อมูล แต่เมื่อผู้นำตัดสินใจแล้ว ก็ลงมาช่วยหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับสถานการณ์ต่างๆ เป็นการเคารพต่อการตัดสินใจของผู้นำและมีความรับผิดชอบในงานของตัวเอง ไม่เอาความพ่ายแพ้ หรือการเสียหน้ามาเป็นอารมณ์แต่อย่างใดความเชื่อในสิ่งที่ทำว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ควรกระทำ เพื่อรักษาไว้ถึงจุดยืนว่าเรามายืนอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร และเพื่อใคร ความเป็นสื่อมวลชนที่ตระหนักเสมอถึงหน้าที่และความรับผิดชอบที่มีต่อประชาชน ย่อมเป็นเกราะกำบังที่ดีต่อภัยคุกคามต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ในหนังเมื่อความจริงถูกเปิดเผย ก็มีสื่อมวลชนอื่นๆ อีกหลายราย ที่โดดเข้ามาร่วมเปิดโปงในครั้งนี้ด้วย ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความไม่โดดเดี่ยวของคนที่ยืดหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องเมื่อกล้าที่ลุกขึ้นยืนท้าทายด้วยความถูกต้อง ... คุณจะไม่ตากฝนอยู่คนเดียว ขอบคุณครับอ้อ เกือบลืม ผมบอกไปว่ามี 3 เหตุผลใช่ไหมครับ อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมชอบเรื่องนี้ ก็เพราะปีที่เกิดเหตุการณ์นี้เป็นปีเดียวกับที่ผมเกิด ... ก็เท่านั้น ขอบคุณอีกครั้งครับ เครดิตภาพ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4