The sound of Magic ละครน้ำดีอีกหนึ่งเรื่อง ที่สามารถนำเสนอประเด็นปัญหาหนักๆ ของสังคม มาอยู่ในรูป แฟนตาซีมิวสิคัล ซีรีส์เรื่องสั้นแค่ 6 ตอน สัญชาติเกาหลี โดยเนื้อเรื่องดัดแปลงมาจากการ์ตูนเรื่อง 'อันนาราซูมานารา’ (Annarasumanara) จากเว็บตูน ผลงานของ ‘ฮาอิลควอน’ (Ha Il-Kwon) ก่อนอื่นเลย อยากจะยกนิ้วให้กับพล๊อตเรื่องที่ยอดเยี่ยม นำเรื่องของเวทมนตร์ ที่คนส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กๆ ร้อยเรียงเป็นเรื่องราวที่สั้นกระชับ แต่สามารถแทรกเนื้อหาสาระที่เข้มข้น ทำให้ผู้ใหญ่บางคน ดูแล้วก็จุกอกได้เหมือนกัน โดยโครงเรื่องเป็นการวนเวียนอยู่ในโลกแห่งเวทมนตร์ กับโลกแห่งความเป็นจริง การพบกันของผู้ใหญ่ในคราบนักมายากลผู้ลึกลับ ที่อยากเป็นเด็กตลอดไป กับ เด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลาย 2 คน ที่กำลังก้าวสู่โลกการเป็นผู้ใหญ่ โดยถูกสังคมรอบข้าง กดดัน บีบคั้นจนไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง อยู่ๆ ความเชื่อถึงอนาคตที่ดีข้างหน้าก็ถูกสั่นคลอนด้วยคำถาม "คุณเชื่อในเวทย์มนต์ไหม" เป็นคำถามที่ตัวเอกของเรื่อง Ri Eul นำแสดงโดย Ji Chang-wook เขามักจะใช้คำถามนี้กับคนที่เขาพบเจอเสมอๆ Ri Eul เป็นนักมายากลที่แปลกประหลาด อาศัยอยู่ในสวนสนุกปิดร้าง เขาเป็นผู้ที่เชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าตนเองเป็นผู้มีเวทมนตร์ ดูเป็นคนสนุกสนานและเต็มไปด้วยความสุข แต่ถ้าใครแสดงความดูถูกในความเป็นนักมายากลของเขา เขาก็จะกลายเป็นคนที่ดูน่ากลัวขึ้นมาได้ทันที พฤติกรรมที่แยกไม่ออกว่าเขาเป็นคนดี หรือคนร้าย ดังนั้นคนส่วนใหญ่ในชุมชน จึงจัดวางให้เขาอยู่ในกลุ่มคนสติไม่ดี ไม่น่าไว้วางใจ และอาจเป็นอันตรายต่อสังคม และเมื่อเกิดเรื่องร้ายขึ้น มีคนพบศพเด็กสาวลอยน้ำในป่า เกือบทุกคนจึงพุงเป้าไปที่เขาทันที ว่าเป็นฆาตกร ยกเว้น Yoon Ah-yi และ Na ll-deung ที่เชื่อมั่นในตัวเขา แต่ทั้งคู่ก็ยังเป็นแค่เด็กนักเรียน คำพูดของพวกเขาจึงยังไม่มีน้ำหนักพอที่จะช่วยเขาได้ เด็กสาวมัธยมปลาย Yoon Ah-yi นำแสดงโดย Choi Sung-eun เธอมีความชอบในเรื่องมายากล แต่ด้วยช่วงชีวิตปัจจุบัน ที่แสนยากลำบาก ด้วยปัญหาหนี้สินของครอบครัว จนทำให้บ้านแตก แม่ทอดทิ้ง พ่อก็ต้องหลบหนีเจ้าหนี้ และทิ้งให้เธอกับน้องสาวต้องเผชิญชีวิตกันตามลำพัง ผลักดันให้เธอต้องแบกความรับผิดชอบใช้ชีวิตเป็นผู้ใหญ่เร็วขึ้นกว่าเด็กในวัยเดียวกัน เธอต้องหางานพิเศษทำเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ใหญ่ เมื่ออยู่โรงเรียนก็โดนเพื่อนกลั่นแกล้ง แต่เธอก็ยอมอดทน ข่มใจ ก้มหน้า ก้มตา ไม่ตอบโต้ เพราะความหวังของเธอ คือมีโอกาสได้เรียนต่อจนจบ เพื่อที่เธอจะได้เป็นผู้ใหญ่ไวๆ มีงานทำ มีเงินใช้ เธออยากจะหนีช่วงชีวิตของการเป็นวัยเด็กที่แสนระทมทุกข์นี้ไปให้ได้เร็วที่สุด จนยอมละทิ้งสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขทิ้งไปแต่เมื่อเธอได้พบ Re Eul เขาเข้ามาในชีวิตพร้อมกับเวทมนตร์และผีเสื้อที่เป็นเหมือนแสงสว่างนำทางเธอออกไปจากโลกแห่งความมืดมน หดหู่และท้อแท้ เขาช่วยปลอบโยน เยียวยาจิตใจ คืนความเชื่อมั่นและศรัทธา ในการกลับมาเดินบนเส้นทางสายความสุขและรอยยิ้มให้กับเธอได้อีกครั้ง ด้วยเวทมนตร์ของเขา Na Il-deung ชายหนุ่มเพื่อนร่วมชั้นของ Yoon Ah-yi นำแสดงโดย Hwang In-youp เขาเป็นชายหนุ่มประเภทเกือบสมบูรณ์แบบ นั่นคือ รูปหล่อ บ้านรวย เรียนดี แต่ก็ค่อนข้างเงียบขรึม เย็นชา สิ่งที่เขามุ่งมั่นคือ การได้ระดับคะแนนเป็นที่หนึ่งในทุกวิชา และเขามองว่า Ah-yi เป็นคู่แข่งในการเรียน เขาใช้ประโยชน์จาก ความยากจนของเธอ มาเป็นข้อตกลง ในการที่เธอต้องช่วยทำให้เขาชนะในการสอบ แต่เมื่อเขาได้ทำความรู้จักกับ Ah-yi มากขึ้น ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป จนกลายเป็นความชอบ และแอบตามเธอ ไปที่สวนสนุก จนได้พบกับ Ri EulRi eul ได้เข้ามามีอิทธิพลทางความคิดให้กับทั้งคู่จนกลายเป็น ผู้ติดตาม เข้ามาเรียนวิชามายากลกับเขาที่สวนสนุก และนั่นก็กลายเป็นชนวนปัญหา เมื่อมีคนอื่นๆ เริ่มสังเกตเห็น แล้วเอาไปพูดในแง่ไม่ดี โดยเฉพาะทางครอบครัวของ Na Il-deung เมื่อพ่อแม่เริ่มเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกชาย เขาเริ่มไม่เชื่อฟัง ไม่เดินตามเส้นทางที่พ่อแม่ปูไว้ให้ เส้นทางที่ทำให้ ll-deung รู้สึกเหมือนตกอยู่ในคำสาป ความกดดันที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนส่งผลให้เขาเริ่มมีอาการปวดหัวบ่อยๆ ความเครียดที่ส่งผลต่ออาการคันที่ต้นคอของเขา แต่ที่บ้านก็ไม่มีใครคิดว่าสาเหตุอาการเกิดจากอะไร มีเพียงคนเดียวที่เข้าใจเขา นั่นก็คือ Ri Eulบุคลิคของ Na Il-deung ที่ดูเป็นคนนิ่งสงบ ควบคุมตัวเองได้ดี หาเป็นเช่นนั้นไม่ เขาเป็นดั่งภาพสะท้อนของ Ri Eul ในวัยนักเรียน และนั่นจึงทำให้รู้ว่าทำไม Ri Eul ถึง เข้าใจ Na Il-deung ได้มากกว่าใครชะตากรรมของทั้งสามตัวละคร ถูกกระทำและผลักดันจากสังคมรอบข้างอย่างเรียกได้ว่า บอบช้ำ จนทำให้เป็นบาดแผลฉกรรจ์ในใจ จากการกระทำของคนที่เรียกตนเองว่าเป็นผู้ใหญ่ พ่อแม่ที่ทอดทิ้งลูก บอกให้ลูกเข้มแข็ง แต่ในขณะเดียวกัน ตนเองก็อ่อนแอและขี้ขลาด พ่อแม่ที่สร้างความกดดันให้ลูกจนมากเกินไป อยากให้เขาเป็นในสิ่งที่ตนต้องการอย่างเดียว อ้าง ความรัก ความหวังดี ครู บุคคลผู้ควรเป็นแม่พิมพ์ พ่อพิมพ์ของชาติ แต่กลับพูดจาโกหก ลำเอียง และเลือกปฏิบัติ นายจ้าง จ้องที่จะฉกฉวยเอาผลประโยชน์ โดยอ้างว่าตัวเองนั้นให้โอกาส ให้งาน ให้เงินเมื่อผู้ใหญ่ในสังคมส่วนใหญ่กลายเป็นแบบนนี้ แล้วเด็กๆ ที่กำลังเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต จะเป็นแบบไหนกันความศรัทธาในการที่จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุข มีจิตใจที่ดีงาม กำลังสูญสลายไปจากใจ ของเด็กๆ แต่เมื่อทุกคนต้องเติบโต ทางเลือกจึงมีแค่สองทาง คือ ปฏิเสธโลกแห่งความเป็นจริงของชีวิตในสังคม อย่าง Ri Eul เขาเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองรักและมีความสุข แต่ดูไร้ค่าในสายตาของสังคมส่วนใหญ่ และถูกตัดสินว่ามันไม่ใช่ชีวิตที่ดีและถูกต้องหรือ อีกเส้นทาง คือการยอมรับ ก้าวเดินตามรอยที่สังคมสร้างมาตรฐานแห่งความสำเร็จในชีวิตไว้ให้ มีอาชีพที่ได้เงิน ได้ชื่อเสียง ได้ตำแหน่ง และมีคนนับหน้าถือตา อะไรอื่นที่นอกเหนือไปจากนี้ คือเรื่องไร้สาระ ไม่มีประโยชน์ ไม่เรียกว่าประสบความสำเร็จในชีวิต แต่เส้นทางนี้อาจต้องแลกด้วยการสูญสิ้นศรัทธาในตัวเอง เมินเฉยต่อเสียงเรียกร้องของหัวใจ กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจด้านชา ไม่มีความสุขในชีวิต เนื้อหาสาระของละคร อาจจะดูเครียด หนัก และเรียกน้ำตาได้เกือบตลอดทั้งเรื่อง แต่การนำเสนอ โดยใช้ธีมของเวทมนตร์ คำสาป สวนสนุก ทำให้ได้กลิ่นอายของ Fairy tales ฉากที่ดูเหมือนฝันที่สดสวยสลับกับความความเป็นอยู่ของชีวิตจริง ที่ไร้สีสันน่าหดหู่ และบางครั้งก็น่ากลัว ประกอบกับการแสดงมายากลของ Ji chan wook ถือได้ว่าสอบผ่าน ทำให้เนื้อเรื่องมีความสวยงาม ซาบซึ้งกินใจ และที่สำคัญสนุกน่าติดตาม ไม่น่าเบื่อ สมควรอย่างยิ่งที่พ่อแม่ หรือเด็กวัยรุ่นที่กำลังเติบโตควรได้ดูถึงแม้จะมีเพียงแค่ 6 ตอน แต่หลังจากเรื่องราวจบลง กลับมีแง่คิดที่ให้คนดูไปคิดต่อได้มากมาย โดยเฉพาะเรื่องของสถาบันครอบครัว และการศึกษา การบ่มเพาะเด็กให้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีคุณภาพ ทั้งในแง่ของศีลธรรม และปัญญา ควรมีอย่างควบคู่กัน และนั่นจึงุถือได้ว่าเป็นการสร้างคนที่มีคุณภาพต่อประเทศชาติ ค่านิยมที่ถือเอาแต่คนเก่ง ฉลาด แม้จะย่อหย่อนในเรื่องศีลธรรม ก็ยังสามารถเป็นที่ยอมรับและให้การเชิดชูคนในวงสังคมเป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่และการที่จะบอกว่าใครคนหนึ่งประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว มันมีแค่มาตราฐานเดียวเท่านั้นหรือ คือ การมีฐานะการงานตำแหน่งชื่อเสียง จากคำพูดสุดท้ายของ Ri Eul ที่บอกกับ Ah-yi ว่า เขารู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จในการเป็นนักมายากลแล้ว ด้วยการที่เขาสามารถทำให้ Ah-yi กลับมาเชื่อมั่นในโลกของเวทมนตร์ได้ และแค่มีเพียงคนๆ เดียวที่เข้าใจเขา เขาก็รู้สึกได้แล้วถึงความสุขจากการประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายนี้ฉากจบของละคร ไม่ได้มีภาพของพระเอก-นางเอก จบลงด้วยกันอย่างมีความสุขอย่างละครเกาหลีที่เคยๆ ดูกันมา แต่มันเป็นการจบที่ทำให้เกิดคำถามกับคนดูมากกว่า ถึงนิยามของคำว่าการประสบความสำเร็จในชีวิต นิยามของคำว่าความสุข นิยามของคำว่าความรัก ความหวังดีของพ่อ แม่ที่มีต่อลูก และที่สำคัญการทำความเข้าใจกับคำว่า เวทมนตร์ คำว่า เวทมนตร์ในพจนานุกรม นั้นหมายถึงถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ที่บริกรรมเพื่อให้สำเร็จตามความมุ่งหมาย เพราะฉะนั้นจากคำถามตั้งแต่ต้นเรื่อง ว่าคุณเชื่อในเวทมนตร์ไหม ก็อยากจะตอบเช่นเดียวกับ Yoon Ah-yi ทุกคนล้วนมีความใฝ่ฝัน ความต้องการที่จะทำ ที่จะเป็น ล้วนแตกต่างกันไป และถ้าเราสร้างศรัทธาความเชื่อมั่น พร่ำบอกตัวเองและเดินไปตามเส้นทางสู่เป้าหมายความสำเร็จ แม้จะถึงหรือไม่ถึง แต่มันก็เป็นเส้นทางที่มอบความสุขและรอยยิ้ม นี่ก็อาจเป็นความหมายของเวทมนตร์ในแง่ที่นำมาใช้ให้เกิดได้จริง แต่..ไม่ทุกคนที่มีความมุ่งมั่นเช่นนั้น เพราะบางคนก็ถูกกระแสสังคมพลัดไปให้หลงทาง จนหาความเป็นตัวเองไม่เจอ สุดท้ายชีวิตก็เหมือนตกอยู่ใต้คำสาปจริงๆ อยู่กับชีวิตที่หลอกตัวเองว่ามีความสุขไปวันๆ https://www.facebook.com/NetflixTH/videos/738028660535412/?app=fblสามารถรับชมได้ ทาง Netflix เครดิตภาพภาพปกใช้ภาพจาก IG. Netflixkr ภาพประกอบที่ 1 จาก IG. Webtoonofficial ภาพประกอบที่ 2 จาก IG. Netflixth ภาพประกอบที่ 3-5 จาก Facebook Netflix ภาพประกอบที่ 6 จาก IG. Netflixkr ภาพประกอบที่ 7 จาก IG. Jichangwookภาพประกอบที่ 8 จาก Twitter Truecjcreationsคลิปประกอบที่ 9 จาก Facebook Netflix จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !