คุณผู้อ่านคงจะเคยดูหรือรู้จักรายการเรียลลิตี้กันมาบ้าง ความสนุกของรายการประเภทนี้ที่ทำให้คนดูรู้สึกชอบและอยากติดตามคงไม่พ้นความดราม่าหรือความสนุกในการได้มองดูชีวิตของคนอื่น แม้ว่าส่วนใหญ่ก็อย่างที่เราพอจะรู้กันว่ามีหลายฉากที่มันไม่ได้เรียลจริง ๆ หรอก ไม่ว่าจะเป็นเอฟเฟค คิวการแสดง ฉาก ที่มักจะมีการนัดแนะกันมาก่อนทั้งนั้น หรือบางทีแม้จะไม่ได้มีการกำหนดบทบาทอย่างที่ว่า แต่อย่างน้อยคนที่เรากำลังดูอยู่ เขาก็ยังรู้ตัวว่ามีกล้องกำลังแอบถ่ายอยู่ แต่มันจะเป็นยังไงถ้ามีรายการเรียลลิตี้ที่ถ่ายทอดชีวิตทั้งชีวิตของคนคนหนึ่งตั้งแต่เกิดจนโต โดยที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขามันไม่ใช่เรื่องจริงอย่างในหนังเรื่อง The Truman Show (ชีวิตมหัศจรรย์ ทรูแมน โชว์) “ทรูแมน” เป็นชื่อของชายหนุ่มวัย 30 กว่าที่เกิดมาพร้อมกับหน้าที่และต้องทำงานตั้งแต่เขาลืมตาดูโลกโดยที่เขาไม่เคยรู้ตัว การทำงานที่ว่าก็คือการดำเนินชีวิตตามปกติเหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง เพียงแต่ถูกควบคุมโดยผู้อำนวยการสร้างรายการเรียลลิตี้ 24 ชั่วโมง ใช่แล้ว! ตั้งแต่เกิดยันโตชีวิตของเขาก็ถูกจ้องมองโดยคนทั่วโลกอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเขาจะเดิน กิน นอน พูดหรือมีความสัมพันธ์ใด ๆ ก็ตาม ทุก ๆ การกระทำ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ทั้งเมืองที่เขาอาศัยอยู่ ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวของเขาเอง ทุกอย่างมันคือฉากที่ถูกจัดขึ้นมา ซึ่งรายการที่โคตรจะลิดรอนสิทธิมนุษยชนนี้จะเป็นยังไงต่อไป? และทรูแมนจะรู้ความจริงหรือเปล่า? ให้เพื่อน ๆ ไปติดตามดูต่อกันเองได้ที่ Netflix ผ่านกล่อง True ID ได้เลยครับ The TruMan Show หรือชื่อภาษาไทย ชีวิตมหัศจรรย์ ทรูแมน โชว์ นำแสดงโดยนักแสดงมากความสามารถอย่าง จิม แคร์รี่ เป็นภาพยนตร์ที่เก่าเอามาก ๆ เข้าฉายในปี 1998 ฉายหลังจากผมเกิดแค่ไม่กี่ปีเองครับ ถึงหนังจะเก่าแต่ผมบอกได้เลยว่ามันเป็นภาพยนตร์ตลกดราม่าที่สุดยอดมาก ๆ ด้วยการนำรูปแบบการดำเนินรายการแบบเรียลลิตี้อย่างที่หลายคนชอบดูมาเป็นแนวคิดในการเล่าเรื่องราวของหนัง ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงรายการแบบในเรื่องคงจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริงในโลกนี้แน่นอนเพราะมันผิดกฎหมาย ผิดจริยธรรมแบบรุนแรง ถึงต่อให้มีจริง ๆ มันก็คงจะเป็นเรื่องที่บ้าและโหดร้ายต่อความรู้สึกของตัวละครเอามาก ๆ เพราะแค่ผมลองจินตนาการดูว่าถ้าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตตั้งแต่เล็กจนโตมันไม่จริง พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน คนรักเป็นเพียงเรื่องโกหก แล้วยังจะมีใครก็ไม่รู้คอยมองดูทุกการกระทำของผมอยู่เหมือนผมเป็นตัวอะไรสักอย่าง แค่นึกตามความรู้สึกที่ได้มันก็ยิ่งกว่าแย่อีกครับ ไม่รู้ว่าจะต้องโกรธ อับอาย กลัวหรือรู้สึกอะไรก่อนดีเลย โดยหนังเล่าเรื่องในมุมมองของคนดูครับ คือเสมือนเราเป็นผู้ชมรายการเรียลลิตี้นั้นที่รู้เรื่องทุกอย่างตั้งแต่เริ่มเรื่อง หนังไม่ได้เล่นกับการหักมุมแบบที่เพิ่งมาเฉลยให้เรารู้พร้อมกับพระเอกตอนใกล้จบเรื่องแบบหนังลึกลับ แต่เล่นกับความรู้สึกและจริยธรรมในจิตใจของเราเอง ที่พอเรารู้และเห็นทุกอย่าง อารมณ์ของเราจะค่อย ๆ หนักขึ้น เริ่มไม่พอใจรายการ รู้สึกแย่ เห็นใจและเอาใจช่วยให้พระเอกรู้ตัวสักที พร้อมกับความอยากรู้ว่าถ้าทรูแมนเขารู้ความจริงทั้งหมดแล้วเขาจะรู้สึกอย่างไรและทำอะไรต่อไป ซึ่งหนังทำออกมาได้สนุกและน่าติดตามจนผมเองก็ขอยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังสนุกขึ้นหิ้งอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียวครับ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนชอบหนังแนวสนุก ๆ แต่แฝงข้อคิดเล็ก ๆ แบบไม่ไร้สาระแล้วต้องห้ามพลาดชมเรื่องนี้เด็ดขาดเลยนะครับขอบคุณภาพจาก The Truman Show