ในตอนนี้ เป็นที่ทราบกันดีถึงผลของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบมากมายกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ ชีวิตความเป็นอยู่ และอีกผลกระทบหนึ่ง ที่เราเห็นกันได้อย่างชัดเจน นั่นก็คือ การเดินทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นในประเทศ หรือระหว่างประเทศ ส่งผลให้เกิดการฟุบลงของเศรษฐกิจที่มหาศาล โดยเฉพาะประเทศต่าง ๆ ที่การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้หลัก ดังนั้น เมื่อเกิดวิกฤตขึ้น สิ่งที่เราต้องทำก็คือการรับมืออย่างชาญฉลาด และปรับตัวให้เร็วที่สุด ถึงตอนนี้ หลาย ๆคนก็คงมีคำถามเกิดขึ้นในใจแล้วล่ะว่า แล้วเราจะยังสามารถเดินทางไปที่ต่าง ๆ ได้เหมือนก่อนมีการระบาดหรือไม่ เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว เชื่อแน่ว่า เจ้าไวรัสโควิด-19 นี้ จะไม่ใช่เชื้อตัวสุดท้ายที่จะมาก่อปัญหาให้กับเราอย่างแน่นอน และมันจะยังคงอยู่กับเราไปอีกนานจนกว่าเราจะมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพที่ดีและมีเพียงพอกับประชากรโลกได้ ดังนั้น หลาย ๆประเทศเริ่มมีแนวคิดเพื่อทำให้การท่องเที่ยวทั้งในและระหว่างประเทศเกิดขึ้นได้ โดยการจัดการให้อยู่ในขอบเขตที่สามารถควบคุมได้ เพื่อให้อุตสาหกรรมนี้สามารถต่อลมหายไปได้โดยเร็วที่สุด ดังนั้น นโยบาย Travel Bubble จึงได้เกิดขึ้น โดยเป็นรูปแบบของการเดินทางท่องเที่ยวที่ได้รับการกำหนดจากประเทศที่ทำความตกลงร่วมกัน โดยกลุ่มประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ก็จะสามารถเดินทางข้ามไปยังประเทศในกลุ่มนั้นได้ เสมือนว่า แต่ละประเทศ มีเจ้า Bubble หรือ ฟองอากาศช่วยห่อหุ้มป้องกันไว้อยู่ ทำให้ประชากรในประเทศนั้น ๆ สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจการค้า หรือการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันได้อย่างปลอดภัย และตอนนี้ก็ได้มีนโยบาย Travel Bubble ขึ้นมาแล้วในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ภายใต้กติกาที่เรียกว่า Tran-Tasman Travel Bubble เนื่องมาจากการที่สองประเทศนี้ สามารถจำกัดจำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นได้ในอัตราที่ต่ำ และล่าสุดนี้ ยังมีกลุ่มประเทศ สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐลัตเวีย และ สาธารณรัฐลิทัวเนีย ได้เริ่มเปิดประเทศเพื่อให้เดินทางไปมากันได้แล้ว ส่วนกลุ่ม สาธารณรัฐเช็ก สาธารณรัฐสโลวัก และ สาธารณรัฐโครเอเชีย และกลุ่ม สาธารณรัฐเฮลเลนิก หรือ กรีซ สาธารณรัฐไซปรัส และอิสราเอล ก็กำลังเตรียมวางแผนหาข้อตกลงเพื่อให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในกลุ่มประเทศเหล่านี้ได้ด้วยแนวทาง Travel bubble เช่นเดียวกัน สำหรับทางฝั่งเอเชียของเรา เชื่อว่าได้มีการเริ่มคิดวางแผนในระดับบริหารกันบ้างแล้ว เพราะในไม่ช้า ทุกประเทศต้องหันมาหารือกันเพื่อใช้แนวทางนี้ อย่างน้อยก็เป็นการช่วยกู้เศรษฐกิจให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด และสำหรับในส่วนของพวกเราเหล่านักท่องเที่ยวเอง ก็คงต้องคอยติดตามข่าวสาร และนโยบายต่าง ๆ ไม่ใช่แค่ในประเทศเท่านั้น แต่เราควรต้องคอยติดตามเรื่องราวของประเทศอื่น ๆ ทั้งใกล้และไกลด้วย เพราะถ้าเรายังมีความจำเป็นต้องออกเดินทางไปยังที่หมายต่าง ๆ ต่อจากนี้ไป คำว่า New normal จะไม่ได้ใช้แค่กับการทำงาน และการใช้ชีวิตของเราเพียงลำพังอีกต่อไป แต่เรายังต้องเคารพกติกาใหม่ที่แต่ละประเทศในโลกกำลังจะกำหนดขึ้นเพื่อให้ทุกสิ่งดำเนินไปได้อย่างเป็น "ปรกติ" ในภาวะของการอยู่ร่วมกับโควิด-19 ไวรัสวายร้ายตัวนี้ เครดิตภาพ: ภาพปกจาก https://unsplash.com/photos/41--YdnYxh0 ภาพประกอบ: ภาพที่ 1 จาก https://unsplash.com/photos/k0KRNtqcjfw; ภาพที่ 2 จาก https://unsplash.com/photos/7Zb7kUyQg1E; ภาพที่ 3 จาก https://unsplash.com/photos/EpC3ezYfYoE