ผม ‘โบ๊ท’ ครับ ตอนเป็นเด็กความสัมพันธ์ผมกับแม่ก็ดี เราสนิทกันมาก ได้ทำหลาย ๆ อย่างด้วยกัน แต่พอผมโตขึ้นด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ ผมกับแม่ไม่เคยเข้าใจกัน เห็นหน้ากันทีไรมีเรื่องทุกที ผมเลยเลี่ยงที่จะเจอหน้าแม่ให้ได้มากที่สุด วันหนึ่งผมป่วยด้วยโรคประหลาดหาคนเป็นได้น้อยมาก และโรคนี้ก็หลายเป็น ‘โรคกาวใจ’ เรื่องระหว่างผมกับแม่ ภาพยนตร์ชิ้นนี้เป็นงานธีสิสจบของนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำกับและเขียนบทโดย ฐากูร ลีสัมพันธ์ (กัปตัน) ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของเขากับแม่ที่สามวันดีสี่วันร้าย หาเรื่องชวนให้ปวดหัวอยู่ตลอด ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้กินใจคนดูได้ เพราะด้วยความที่หยิบเอาประเด็นสามัญมาปรุงแต่งได้อย่างคมคาย ไม่มีคู่แม่-ลูกคู่ไหนหรอกไม่เคยทะเลาะ โกรธ งอน น้อยใจให้กัน ยิ่งเมื่อลูกโตขึ้นทุกวัน ๆ เขาก็มีความคิดเป็นของตัวเอง เป็นเรื่องปกติที่จะมีปัญหาความคิดต่างระหว่างวัย ทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง ใครบ้างจะไม่อยากใช้ชีวิต หนึ่งในปัญหาหลักที่ทำให้ลูกไม่พอใจพ่อแม่ คือการวางเส้นทางแล้วบีบบังคับให้ลูกไปตามทางนั้น โดยไม่ถามสักนิดว่าลูกชอบอะไร โอเคไหมกับสิ่งที่เลือกให้ แล้วใช้ความหวังดีมาเป็นข้อหักล้าง ล่ะจริง ๆ เราหวังดีกับลูกหรือตัวเราเอง ? บทว่าดีแล้ว mood and tone ก็ดีไม่แพ้กัน โรคกาวใจกำกับภาพโดย สุรชัช ชื่นชมสกุล เรื่องนี้จะใช้ภาพสัดส่วน 4:3 และเล่นกับความยุคคลาสสิก ในยุคที่อุตสาหกรรมเพลง หนังแผ่นเฟื่องฟู ออกแบบสถานที่ธรรมดาให้สวยได้ด้วยการหยิบเอาสิ่งของที่เห็นกันชินตามาเป็นลูกเล่น เช่น โปสเตอร์หนัง วงดนตรี , เทปคาสเซ็ท , แผ่นหนัง DVD , จอแก้ว ทำให้ได้กลิ่นอายความเก่า และภาพออกมาสวยทุกฉาก อย่างซีนในโรงยิมภาพเป็นมุม Long Shot และ Bird’s eye view จัดวางองค์ประกอบภาพได้สัดส่วน นักแสดงนั่งห่างกันเข้ากับ Social Distancing ในช่วงนี้ได้อย่างพอดิบพอดี ซีนแม่กับโบ๊ทเต้นด้วยกันในห้วงความคิดของแม่เป็นอีกซีนที่ประทับใจ แม่ดูแลและหาวิธีรักษาโบ๊ทให้หายป่วยจากโรคบ้านี้ แน่นอนว่ามีความเหนื่อย เครียด กดดันสะสมเรื่อย ๆ จู่ ๆ มีโอกาสได้เต้นกับลูก มันช่วยแม่คลายเครียดได้ดี ทำให้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อ ผนวกกับพวกเขาขาดหายจากโมเมนต์และความรู้สึกนี้ไปนาน (แต่มันก็เกิดขึ้นแค่ชั่วขณะเท่านั้น) มุม แสง สี เพลงประกอบ ทุกอย่างลงตัวสมบูรณ์แบบหาที่ติไม่ได้ นักแสดงเข้าถึงอารมณ์ได้ทุกคน โดยเฉพาะกานต์ธีรา ขาวสะอาด รับบทเป็นแม่ดวงใจ ตัวละครหลักของเรื่อง ถ่ายทอดบทบาทความเป็นแม่ออกมาอย่างงดงามในทุก ๆ ฉาก เห็นถึงรอยบาดแผลในใจ ยิ่งโบ๊ทป่วยนานวันเท่าไหร่ รอยบาดแผลนั้นยิ่งชัดเจนขึ้นมากทุกวัน จนเกือบตัดสินใจพลาด ดีที่ฟ้ายังฉุดรั้งไว้ให้สู้ต่อ ดูไปเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกทีเราก็คล้อยตามเอาใจช่วยเธอให้ผ่านพ้นช่วงเหตุการณ์นี้ไปได้ในเร็ววัน โรคกาวใจได้รับเลือกไปฉายในเทศกาล Thai Short Film & Video Festival ครั้งที่ 22 จัดโดยมูลนิธิหนังไทยและหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ได้กวาดรางวัลมาถึง 3 รางวัล1) รางวัลชนะเลิศนกส้ม จากไทยพีบีเอส2) รางวัลดิจิตัล ฟอรัม (Digital Forum) จาก Purin Picture3) รางวัลขวัญใจมหาชน ด้วยคะแนน 4.54/5 คะแนนแม้จะเป็นธีสิสจบของนิสิตนักศึกษา แต่คุณภาพคับจอสู้หนังฉายในโรงได้สบาย ใครที่อยากตามไปดูสามารถคลิก [ที่นี่] รับชมได้เลย ในอนาคตข้างหน้าหวังว่าจะได้เห็นชื่อผู้กำกับและทีมงานโปรดักชั่นอยู่ใน End Credit หนังใหญ่ของเมืองไทย เขียน : Isalineภาพ : Cabbageducks @โรคกาวใจ