ตอนบ่ายแก่ ๆ ของวันนี้ผมเองได้ไปยัง อ.พระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ที่นี่เป็นอีกที่ ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ พระสมุทรเจดีย์ นั่นเอง ที่พระสมุทรเจดีย์นี้เป็นเกาะกลางแม่น้ำ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ได้ทรงให้มีการสร้างพระเจดีย์ขึ้นมาเพื่อเป็นที่กราบสักการะ และเพื่อที่ได้ปกป้องคุ้มครองของผู้คนที่ได้เดินทางผ่านไปมา วันที่ผมไป ผมก็ได้เห็นผู้คนมายังที่นี่กันเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้คนจะมาวิ่งออกกำลังกายรอบองค์พระสมุทรเจดีย์กัน ส่วนลานสนามอีกฟากนึงก็จะมีบรรดาผู้หญิงที่กำลังเต้นแอโรบิคกันอยู่ ผมได้เดินเข้าไปกราบองค์พระสมุทรเจดีย์ด้านใน ก็สังเกตุเห็นที่องค์พระสมุทรเจดีย์จะมีผ้าแดงพันอยู่รอบเจดีย์ด้วย ซึ่งในทุก ๆ ปี ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 11 จะมีงานนมัสการองค์พระสมุทรเจดีย์ห่มผ้าแดงให้แก่องค์พระสมุทรเจดีย์ งานจัด 12 วัน 12 คืน และถือเป็นงานที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสมุทรปราการเลยทีเดียว ด้านหลังของที่นี่ก็จะติดกับแม่น้ำ เราจะเห็นเรือผ่านไปมาอยู่แทบตลอด และก็จะเห็นหอชมเมืองซึ่งจะอยู่อีกฝั่งหนึ่ง แต่สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นสะพานที่มีรูปทรงที่สวยงามที่ข้ามไปที่ไหนก็ไม่รู้ เพราะเมื่อก่อนผมเคยมาที่นี่นานแล้วยังไม่มีสะพานนี้เลย ผมได้ไปถามป้าแม่ค้าแถวนั้น "ป้าครับ สะพานนั้นข้ามไปยังที่ไหนเหรอครับ" "อ๋อ ป้อมผีเสื้อสมุทรน่ะ ไม่เคยไปละสิ ลองไปเดินเที่ยวดู" ป้าตอบ พร้อมบอกผมให้ลองไปดู ผมเองก็ไม่รอช้า มุ่งหน้าไปที่สะพานทันที ทางด้านหน้าก่อนถึงสะพานเราก็จะเห็นป้ายขนาดใหญ่ที่ได้โปรโมทเชิญชวนให้เข้าไปท่องเที่ยวด้านในว่า แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ป้อมปืนใหญ่ เกาะกลางแม่น้ำ ขึ้นไปบนสะพานแล้วต้องบอกว่าบนสะพานนี้สวยจริงครับ ทั้งบนสะพาน ทั้งวิวที่มองจากบนสะพานลงมาเห็นองค์พระสมุทรเจดีย์ เห็นแม่น้ำ เห็นเรือล่องผ่านองค์พระสมุทรเจดีย์บวกกับแสงแดดอ่อน ๆ แม่น้ำกระเพื่อมนิด ๆ มองแล้วช่างเพลินตาสบายใจซะจริง ๆ เป็นภาพที่สวยงามมาก ผมหยิบกล้องโทรศัพท์ถ่ายรูปเอาไว้หลายภาพเลย ผมเองคิดว่าหากมีฝีมือในการวาดภาพละก็คงมานั่งบนสะพานนี้ แล้วนั่งวาดรูปได้เกือบทุกวันเป็นแน่ หรืออีกฝั่งนึงเราจะเห็นป่าชายเลนที่ยังดูอุดมสมบูรณ์ มีทางเดินเข้าไปยังป้อมผีเสื้อสมุทร ซึ่งทางเป็นลักษณะเหมือนหางผีเสื้อนั่นเอง ในระหว่างทางที่กำลังเดินไปนั้นก็มักจะเห็นเรือ ได้ยินเสียงเรือแล่นไปมาอยู่เสมอ พอเรือแล่นผ่านไป ก็มักจะได้ยินเสียง จ๋อม จ๋อม มาจากหนองน้ำอยู่บ่อยครั้ง ผมเองได้ทอดสายตาไปยังชายเลนที่แห้งจนเห็นโคลนตมและต้นหญ้า ได้เห็นปลาตีนตัวหนึ่งกำลังว่ายน้ำลุยโคลนอยู่ มันคงจะออกมาหาอาหารกิน แต่พอมันเห็นผมเท่านั้น ก็รีบหนีกลับอย่างรวดเร็วทันที นี่คือวิถีชีวิตที่ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ที่ต้องหาอาหารมาประทังชีวิตเพื่อความอยู่รอด ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ที่ธรรมชาติได้สร้างมา และอีกสิ่งหนึ่งที่ได้เห็นก็คือ สัตว์เล็กย่อมกลัวสัตว์ใหญ่เสมอ ผมเดินไปได้ราว 500 เมตร ก็ถึงหน้าทางเข้าไปยังป้อมผีเสื้อสมุทร เห็นทหารเรือกำลังเล่นตระกร้อกันอยู่ บางคนก็นั่งดูเพื่อนเล่นอยู่ ผมเดินผ่านไป ทหารเรือยิ้มให้ผมด้วยความเป็นมิตร เสมือนเขากำลังจะบอกกับผมว่า เข้ามาในนี้แล้วก็ขอเที่ยวให้สนุกนะ ผมก็ได้ยิ้มตอบกลับไปให้ การยิ้มให้กันคือมิตรภาพจริง ๆ เข้ามาในป้อมผีเสื้อสมุทรแล้วเราก็จะเห็นกำแพงอิฐสมัยเก่า บ่งบอกได้ว่าที่นี่มีอายุมานานเป็นร้อยปีมาแล้ว ผมก็ได้เดินทางเข้าไปตามทางมาเรื่อย ๆ ลมก็พัดมาเป็นระยะ ๆ ดอกไม้ต้นหญ้าข้างทางก็ปลิวไสว ช่วยทำให้ผมได้คลายร้อนได้บ้าง จนมาถึงทางเข้าไปยังด้านใน ซึ่งเป็นทางลาดต่ำ ที่หากเข้าไปเราต้องก้มตัวลงไปพอสมควร ในนี้ที่ค่อนข้างต่ำน้ำก็จะท่วมง่ายมาก เข้าไปเราก็จะมีห้อง ผมไม่แน่ใจว่านี้คือห้องอะไร อาจจะใช้เป็นที่เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ก็ได้ ถัดมาก็จะเป็นลานสนามหญ้ามีเสาธงตั้งอยู่ตรงกลางบ่งบอกว่าที่นี่คือฐานทัพ ป้อมปราการก็อยู่ถัดไป เห็นป้อมปราการแล้วก็ต้องบอกว่าเป็นป้อมที่สร้างจากอิฐเก่าที่สวยงามและคงทนมาก ที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาจนถึงวันนี้ ในสมัยนั้นอิฐแบบนี้คงจะมีราคาแพงมากทีเดียว ภายในก็จะมีปืนใหญ่ ชื่อว่าปืนเสือหมอบ ที่ในอดีตนั้นเคยใช้ยิงกับเรือรบฝรั่งเศลที่เข้ามารุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 เป็นเวลา 127 ปี มาแล้ว จากป้อมปราการ ผมก็มุ่งไปต่อที่ คลังทุ่นระเบิด ในสมัยก่อนก็จะเป็นสถานที่เก็บตอปิโดเอาไว้เพื่อใช้โจมตีข้าศึกผู้รุกราน แต่ปัจุบันภายในอาคารนี้จะเป็นห้องโถงโล่ง เคยมีหนัง ละคร มาใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำที่นี่กันอยู่บ่อย ๆ ถัดจากอาคารคลังทุ่นระเบิดไป ก็จะเป็นสะพานขาวรูปตัวที ผมได้เดินไปสุดที่สะพานเพื่อที่จะได้รับลมเย็น ๆ ตรงนี้เราก็จะได้เห็นหอชมเมืองที่ฝั่งตรงข้ามด้วย ผมพลางนึกในใจว่าหากที่นี่ทำการปรับปรุงสถานที่ให้ดีขึ้น และมีการประชาสัมพันธ์มากกว่านี้ ที่นี่จะเป็นสถานที่มีผู้คนมาเที่ยวมากมายอีกแห่งนึงเลยแหละ ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเริ่มจะมืด เสียงนกร้องออกหากิน สายลมที่พัดแรง ๆ ผมยืนอยู่ที่สะพานไม่นานนักก็กลับ เพราะเดี๋ยวถ้าท้องฟ้าจะมืดไปมากกว่านี้ ตอนกลับอาจจะลำบากแถมตอนนี้เริ่มมียุงตัวโต ๆ มากัดผมแล้วด้วย ตอนกลับออกมาผมได้เจอป้าแม่ค้าอีกครั้ง "อ้าว หนุ่มกลับมาแล้วเหรอ เป็นไง ได้เห็นค้างคาวแม่ไก่ด้วยมั้ย มีเยอะเลยนะในนั้น" ผมมองหน้าป้านิ่งไปอยู่สักพัก นึกในใจ นี่เราพลาดไปอย่างหนึ่งเหรอเนี้ย แต่ไม่เป็นไรที่นี่มาได้ทุกวัน วันหลังหาโอกาสมาเดินเล่นมาดูสถานที่ประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของไทยในอดีตกัน หรือครั้งหน้าอาจจะเอาจักรยานมาปั่นด้วยก็ได้ ผมบอกขอบคุณคุณป้า และได้ไหว้ลากลับบ้าน องค์พระสมุทรเจดีย์เปิดทุกวันเวลา 07.00 น.-19.00 น. ป้อมผีเสื้อสมุทรเปิดให้ชมทุกวันเวลา 08.00 น.- 20.00 น. ภาพถ่ายโดยผู้เขียน