ขอบคุณภาพจาก https://www.pexels.com/ ที่มาและความสำคัญของการถนอมอาหารที่คุณควรรู้ เมื่อประมาณหนึ่งหมื่นกว่าปีก่อนคริสตกาล ชาวตะวันออกกลางเป็นชนกลุ่มแรกที่รู้จักการเก็บรักษาอาหาร โดยอาศัยความได้เปรียบทางภูมิประเทศ ที่มีอากาศร้อนจัดแถบทะเลทราย ซึ่งชาวตะวันออกกลางใช้ประโยชน์จากแสงแดดที่ร้อนระอุด้วยการนำอาหารมาตากแห้ง เช่น เนื้อสัตว์ ผลไม้ เป็นต้น ต่อมาในช่วงประมาณ 6,000 ปีก่อน ชาวสุเมเรียนรู้จักการหมักการดอง โดยใช้ประโยชน์จากยีสต์ น้ำส้มสายชู และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเมื่อไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา นโปเลียน โบนาร์ปาร์ต และหลุยส์ ปาสเตอร์ ทั้งสองคนเป็นผู้ที่ทำให้ประวัติศาสตร์การถนอมอาหารเปลี่ยนไปตลอดกาล โดยเริ่มมีการผลิตอาหารรูปแบบใหม่ ๆ ที่เรียกว่าอาหารสำเร็จรูป เช่น อาหารกระป๋อง เมื่อนโปเลียนมหาราชแห่งฝรั่งเศสสังเกตเห็นเหล่าทหารที่กำลังหิวโหย เนื่องจากเสบียงอาหารที่มี ค่อย ๆ หมดไป จึงสั่งให้ นิโกลาส์ แอพเพิร์ท คิดค้นวิธีการเก็บอาหารที่สามารถเก็บไว้ได้นาน ผลปรากฏว่า นิโกลาส์ ได้ทราบวิธีหนึ่ง คือการปรุงอาหารให้สุกก่อนบรรจุลงขวดแก้วแล้วปิดปากขวดให้สนิทด้วยไม้ก๊อก และนำมาต้มฆ่าเชื้อ โดยวิธีนี้กลายเป็นต้นแบบอาหารกระป๋องที่เราเห็นกันจนคุ้นตาในปัจจุบันขอบคุณภาพจาก https://www.pexels.com/ นมพาสเจอไรซ์ หลายคนอาจไม่ทราบว่าพาสเจอไรซ์เป็นชื่อที่ตั้งเพื่อนับถือเกียติแก่หลุยส์ ปาสเตอร์ ซึ่งบุคคลผู้นี้เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสที่คิดค้นวิธีการทำลายจุลินทรีย์ในไวน์ และต่อมา ซอกเลต นักวิทยาศาสตร์อีกคนหนึ่งก็ได้นำวิธีการดังกล่าวของปาสเตอร์ มาประยุกต์ใช้กับนมสด จนได้เห็นเป็นนมพาสเจอไรซ์ตามร้านตามห้าง ณ ปัจจุบันขอบคุณภาพจาก https://www.pexels.com/ สรุปว่าเราถนอมอาหารเพื่ออะไร ? เมื่อช่วงที่อารยธรรมของมนุษย์ยังห่างไกลความศิวิไลซ์ ไม่มีตู้เย็น ไม่อาหารสำเร็จรูปต่าง ๆ มนุษย์จึงคิดค้นและหาทางรอดในการยังชีพด้วยการถนอมอาหารผ่านวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเก็บอาหารไว้ได้นาน และทั้งหมดก็เพื่อการดำรงชีวิตให้อยู่รอดต่อไปนั่นเอง แต่ในปัจจุบันการถนอมอาหารไม่ใช่การกักตุนเพื่อความอยู่รอด แต่เกิดจากการมีผลผลิตที่มากเกินจนไม่สามารถบริโภคให้หมดได้ จึงเกิดการแปรรูปอาหารต่าง ๆ และเกิดเป็นวัฒนธรรมการแปรรูปอาหารของมนุษย์ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีความแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมของสภาพแวดล้อม ขอบคุณภาพจาก https://www.pexels.com/ ขอบคุณแหล่งข้อมูลที่ 1 จาก Allô la France ที่นี่ฝรั่งเศส ขอบคุณแหล่งข้อมูลที่ 2 จาก ฮ.ฮูก ดอทคอม