ก่อนก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่ากองทุนรวมตราสารหนี้คืออะไรกองทุนตราสารหนี้เป็นกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หรือหุ้นกู้เอกชน ตราสารหนี้เหล่านี้จะมีอายุมากกว่า มีความเสี่ยงมากกว่า ซึ่งตราสารหนี้คือการปล่อยกู้ และเป็นการปล่อยกู้ขนาดใหญ่ระดับองค์กร คนที่ซื้อตราสารหนี้จะถือว่าเป็นเจ้าหนี้แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะยาวโดยจะแบ่งตามระยะเวลาถือครองตราสารหนี้ ถ้าน้อยกว่า 1 ปีเป็นตราสารหนี้ระยะสั้น แต่ถ้าอายุมากกว่า 1 ปีเป็นตราสารหนี้ระยะยาวส่วนใหญ่กองทุนตราสารหนี้จะให้ผลตอบแทนประมาณ 2.5-5% ซึ่งก็มากกว่าผลตอบแทนจากเงินฝากธนาคารและกองทุนรวมตลาดเงิน แต่ก็มีความเสี่ยงและมีความผันผวนมากกว่าเช่นกัน และบางวันราคาอาจจะติดลบได้ภาพจาก: https://pixabay.com/photos/stock-trading-monitor-business-1863880/.สาเหตุที่ทำให้บางวันราคากองทุนติดลบได้ เนื่องจากกฎเกณฑ์ของ ก.ล.ต. บอกว่า กองทุนรวมต้องคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยใช้ราคาตลาด หรือ Mark to Market ทุกสิ้นวันทำการ ถ้าวันนั้นตราสารหนี้ที่อยู่ในพอร์ตราคาลดลง ก็จะกระทบกับราคา NAV ของกองทุนนั้นด้วยผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ถ้าดอกเบี้ยมีแนวโน้มขาขึ้น กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่ถ้าดอกเบี้ยมีแนวโน้มขาลง กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะยาวจะให้ผลตอบแทนดีกว่านั่นเอง.ภาพจาก: https://pixabay.com/illustrations/dices-over-newspaper-profit-2656028/ข้อควรระวังในการเลือกลงทุนกองทุนตราสารหนี้ คือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ก่อนจะลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ เราควรจะศึกษาดูว่ากองทุนนี้เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน โดยเราสามารถดูได้จากชื่อและอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของตราสารหนี้ที่กองทุนเข้าไปลงทุน ซึ่งจะมีบอกอยู่ในหนังสือชี้ชวน (Fund Factsheet)หากลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลก็มักจะมีความน่าเชื่อถือและมีความมั่นคงอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นการลงทุนในหุ้นกู้เอกชน เราจึงควรรู้จักข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทนั้นด้วย เผื่อประเมินว่าบริษัทนี้มีโอกาสผิดชำระหนี้สินมากน้อยแค่ไหนนอกจากนี้เราสามารถดูอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้โดยการอ่านค่า Credit Rating ที่เป็นสเกลตัวอักษรอังกฤษ ซึ่งตัวอักษร AAA คือมีความน่าเชื่อถือสูงสุด และลดลงไปตามลำดับสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Credit Rating ได้ที่ http://www.thaibma.or.th/EN/Investors/Individual/Blog/CreditRating.aspxภาพจาก: https://pixabay.com/illustrations/rating-star-five-application-4068907.ความแตกต่างระหว่างลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้กับลงทุนในตราสารหนี้โดยตรง คือกองทุนตราสารหนี้มีความเสี่ยงน้อยกว่าลงทุนในตราสารหนี้โดยตรง เพราะกองทุนจะมีการลงทุนในตราสารหนี้หลากหลายตัว เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง จะไม่ได้ลงทุนในตราสารหนี้เพียงแค่ตัวเดียวกองทุนตราสารหนี้ใช้เงินเริ่มต้นลงทุนน้อย มีขั้นต่ำในการซื้อที่ต่ำกว่า ถ้าเราลงทุนเองในตราสารหนี้เอกชนจะมีขั้นต่ำการซื้ออยู่ที่ 100,000 บาท ส่วนพันธบัตรรัฐบาลขั้นต่ำการซื้ออยู่ที่ประมาณ 50,000 บาทกองทุนตราสารหนี้มีสภาพคล่องมากกว่าลงทุนในตราสารหนี้โดยตรง สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ และเมื่อเราขายก็จะได้รับเงินในอีก 2 วันทำการถัดไป (T+2) หรือบางกองอาจจะมากกว่านิดนึง แต่ลงทุนในตราสารหนี้โดยตรงจะต้องถือจนครบกำหนดอายุของตราสารหนี้.ดังนั้น กองทุนรวมรวมสารหนี้เหมาะกับใครบ้าง?เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและกองทุนตลาดเงิน และสามารถรับความเสี่ยงได้ระดับนึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการพักเงินระยะเวลา 1-3 ปีขึ้นไป หรือคนที่ต้องการลงทุนระยะสั้นถึงปานกลางเหมาะกับนักลงทุนที่จัดพอร์ตการลงทุนแบบ Asset Allocation เพราะกองทุนตราสารหนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนเหมาะกับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตราสารหนี้ แต่มีข้อจำกัดทางการเงิน.สุดท้ายนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง เราจึงควรศึกษาข้อมูลให้แน่ใจก่อนการลงทุนทุกครั้ง และลงทุนตามความเหมาะสมของตัวเราเอง อย่าลงทุนตามคนอื่นนะ เพราะแต่ละคนมีสไตล์การลงทุนและยอมรับความเสี่ยงได้ไม่เหมือนกัน=====หากเพื่อน ๆ ชอบอ่านบทความเกี่ยวกับการลงทุนและกองทุนรวมสามารถติดตามบทความอื่นของเราได้ที่https://www.blockdit.com/secret.fund